Traffic congestion occurs when a vo

Traffic congestion occurs when a volume of traffic or modal split generates demand for space greater than the available road capacity; this point is commonly termed saturation. There are a number of specific circumstances which cause or aggravate congestion; most of them reduce the capacity of a road at a given point or over a certain length, or increase the number of vehicles required for a given volume of people or goods. About half of U.S. traffic congestion is recurring, and is attributed to sheer weight of traffic; most of the rest is attributed to traffic incidents, road work and weather events.[2]

Traffic research still cannot fully predict under which conditions a "traffic jam" (as opposed to heavy, but smoothly flowing traffic) may suddenly occur. It has been found that individual incidents (such as accidents or even a single car braking heavily in a previously smooth flow) may cause ripple effects (a cascading failure) which then spread out and create a sustained traffic jam when, otherwise, normal flow might have continued for some time longer.[3]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การจราจรที่ติดขัดเกิดขึ้นเมื่อปริมาณการจราจรหรือแยกเป็นกิริยาช่วยสร้างความต้องการใช้พื้นที่เกินกว่าความจุถนนที่มีอยู่; จุดนี้จะเรียกกันทั่วไปอิ่มตัว มีจำนวนของสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจงซึ่งก่อให้เกิดหรือซ้ำเติมความแออัดที่มี; ที่สุดของพวกเขาลดความจุของถนนในจุดที่กำหนดหรือมากกว่าความยาวบางหรือเพิ่มจำนวนของยานพาหนะที่จำเป็นสำหรับปริมาณที่กำหนดของคนหรือสินค้า ประมาณครึ่งหนึ่งของสหรัฐแออัดของการจราจรที่เกิดขึ้นและนำมาประกอบกับน้ำหนักที่แท้จริงของการจราจร ที่เหลือส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการเกิดอุบัติเหตุการจราจรถนนทำงานและเหตุการณ์สภาพอากาศ. [2] การวิจัยการจราจรยังไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างเต็มที่ภายใต้เงื่อนไข "การจราจรติดขัด" (เมื่อเทียบกับหนัก แต่อย่างราบรื่นไหลจราจร) จู่ ๆ ก็อาจเกิดขึ้นได้ จะได้รับพบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของแต่ละบุคคล (เช่นอุบัติเหตุหรือแม้กระทั่งรถเดียวเบรกอย่างมากในการไหลเรียบก่อนหน้านี้) อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อเนื่อง (การล้มเหลว) ซึ่งจากนั้นจะกระจายออกไปและสร้างการจราจรติดขัดอย่างต่อเนื่องเมื่อมีกระแสปกติอาจ ได้อย่างต่อเนื่องสำหรับบางเวลานาน. [3]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การจราจรที่ติดขัดเกิดขึ้นเมื่อปริมาณการจราจรหรือการแยกสร้างอุปสงค์สำหรับพื้นที่มากกว่าความจุของถนน พร้อม จุดนี้โดยทั่วไปเรียกว่าอิ่มตัว มีจำนวนของสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจงซึ่งก่อให้เกิดความแออัด หรือซ้ำเติม ส่วนใหญ่ของพวกเขาลดความจุของถนนในจุดที่กำหนดหรือผ่านบางยาว หรือเพิ่มจำนวนยานพาหนะที่จำเป็นสำหรับให้ประชาชนหรือปริมาณของสินค้า ประมาณครึ่งหนึ่งของการจราจรที่ติดขัด สหรัฐฯ ที่เกิดขึ้น และประกอบกับน้ำหนักที่แท้จริงของการจราจร ; มากที่สุดของส่วนที่เหลือจากอุบัติเหตุจราจร งานถนน และเหตุการณ์สภาพอากาศ [ 2 ]การวิจัยการจราจรยังไม่เต็มที่ ทำนายภายใต้เงื่อนไขที่ " รถติด " ( ที่ไม่หนัก แต่การจราจรราบรื่นไหล ) ก็เกิดขึ้น จะได้รับพบว่าเหตุการณ์ของแต่ละบุคคล ( เช่น อุบัติเหตุ หรือแม้แต่ตัวเดียว รถเบรกอย่างหนักในการไหลที่ราบรื่นก่อนหน้านี้ ) อาจก่อให้เกิดผลกระทบระลอก ( Cascading ความล้มเหลว ) ซึ่งกระจายออกไปและสร้างการจราจรอย่างต่อเนื่องเมื่อมิฉะนั้นการไหลปกติอาจจะยังคงใช้เวลานาน [ 2 ]