Poverty and economic problems have been cited as a factor behind the insurgency.[29][30] However, the performance of the deep South’s economy improved markedly in the past few decades. Between 1983 and 2003, the average per capita income of Pattani grew from 9,340 baht to 57,621 baht, while that of Yala and Narathiwat also increased from 14,987 baht and 10,340 baht to 52,737 baht and 38,553 baht, respectively. However, the border provinces did have the lowest average income among all the southern provinces.
ปัญหาความยากจนและเศรษฐกิจได้รับการอ้างถึงว่าเป็นปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังการก่อจลาจล. [29] [30] แต่ผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจของภาคใต้ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ระหว่างปี 1983 และปี 2003 เฉลี่ยรายได้ต่อหัวของปัตตานีเพิ่มขึ้นจาก 9,340 บาทเป็น 57,621 บาทในขณะที่ยะลาและนราธิวาสยังเพิ่มขึ้นจาก 14,987 บาทและ 10,340 บาทเป็น 52,737 บาทและ 38,553 บาทตามลำดับ แต่จังหวัดชายแดนก็มีรายได้ต่ำสุดในทุกจังหวัดภาคใต้เฉลี่ย.
การแปล กรุณารอสักครู่..
มีการอ้างความยากจนและปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังก่อการร้าย[29][30] ดีแต่ ประสิทธิภาพของเศรษฐกิจของภาคใต้ดีขึ้นอย่างเด่นชัดในไม่กี่ทศวรรษ 1983 และ 2003 รายได้ต่อหัวเฉลี่ยปัตตานีเพิ่มขึ้นจาก 9,340 บาท 57,621 บาท ในขณะที่ยะลา และนราธิวาสยังเพิ่มขึ้นจาก 38, 14,987 บาท และ 10,340 บาท ถึง 52,737 บาท553 บาท ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม จังหวัดชายแดนไม่ได้มีรายได้เฉลี่ยต่ำที่สุดในจังหวัดภาคใต้ทั้งหมด
การแปล กรุณารอสักครู่..