From this it can be seen that when

From this it can be seen that when companies implement CPFR with the aim of reducing costs (eg inventory costs), the collaboration is limited to data communication – eg companies exchange data on order forecast plans, stock levels, sales plans, etc. Instead, if companies collaborate with the aim of making the supply network more responsive to demand changes, then as well as exchanging data, they synchronize their plans and manage exceptions.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จากนี้จะเห็นได้ว่าเมื่อ บริษัท ดำเนินการ cpfr โดยมีจุดประสงค์ของการลดค่าใช้จ่าย (เช่นต้นทุนสินค้าคงคลัง), การทำงานร่วมกันจะถูก จำกัด การสื่อสารข้อมูล - เช่น บริษัท การแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับแผนประมาณการสั่งซื้อระดับสต็อกมีแผนขาย ฯลฯ แทน ถ้า บริษัท ที่ทำงานร่วมกันโดยมีจุดประสงค์ของการทำเครือข่ายอุปทานขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงแล้วเช่นเดียวกับการแลกเปลี่ยนข้อมูล,พวกเขาประสานแผนการของพวกเขาและจัดการข้อยกเว้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จากนี้ จะเห็นได้ว่า เมื่อบริษัทดำเนินการเติมเต็มสินค้า มีจุดประสงค์เพื่อลดต้นทุน (เช่นทุนสินค้าคงคลัง), ความร่วมมือจะจำกัดการสื่อสารข้อมูล – เช่น บริษัทแลกเปลี่ยนข้อมูลในใบสั่งการณ์แผน ระดับสินค้าคงคลัง แผนการขาย ฯลฯ แทน ถ้าบริษัททำงานร่วมกับจุดมุ่งหมายของการทำ เครือข่ายอุปทานตอบสนองมากขึ้นขอเปลี่ยน แล้ว เป็น exchanging ข้อมูล พวกเขาตรงแผนของพวกเขา และจัดการข้อยกเว้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

จากโรงแรมสามารถมองเห็นได้ว่าเมื่อบริษัทใช้ cpfr ด้วยการกำหนดเป้าหมายในการลดค่าใช้จ่าย(ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสินค้าคงคลังเช่น)การประสานการทำงานร่วมกันที่มีจำนวนจำกัดในการแลกเปลี่ยนข้อมูลการสื่อสารข้อมูลบริษัท - เช่นแผนการคาดการณ์ระดับการสั่งซื้อหุ้นตัวนี้มีแผนการขายเป็นต้นแต่หากบริษัทการทำงานร่วมกันด้วยการกำหนดเป้าหมายของการทำให้เครือข่ายพาวเวอร์ซัพพลายที่มีการตอบสนองที่ดีกว่าในการตอบสนองความต้องการการเปลี่ยนแปลงแล้วรวมทั้งเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลแผนการของพวกเขาพวกเขาซิงโครไนซ์และจัดการข้อยกเว้น( Don ’ t allow exceptions )