Pages and framesThe page navigation

Pages and frames

The page navigation model is a hub and spoke system. This means that unless you explicitly add links to other pages within your app, users must use the Back button to navigate back to a page that they viewed. This is similar to how a web browser displays and navigates webpage history.
The system tracks each page that a user has visited and places it in what is called the back stack so that when a user pushes the Back button, the last saved page in the back stack is served. There’s no limit to the number of pages that can be placed in the back stack.
For example, this means that a user navigating from page 1 (p1) to page 2 (p2) to p1 to p2 to page 3 (p3) to p1 creates a back stack of p1, p2, p1, p2, p3, p1. If the user modified content in the second instance of p2 in the back stack, but navigates back using the Back button to the first instance of p2 in the back stack, previous changes don’t appear on that page unless the page refreshes the data; the view is a snapshot of how the user saw that page at that point in navigatio

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

หน้าและเฟรมแบบนำหน้าเป็นฮับและพูด หมายความ ว่า ยกเว้นว่าคุณได้เพิ่มลิงค์ไปยังหน้าอื่น ๆ ภายในแอป ผู้ใช้ต้องใช้ปุ่มย้อนกลับเพื่อกลับไปยังเพจที่พวกเขาดู นี้จะคล้ายกับวิธีที่เว็บเบราว์เซอร์แสดง และนำทางประวัติเว็บเพจระบบการติดตามแต่ละเพจที่ผู้ใช้ได้เข้าเยี่ยมชมและสถานในสิ่งที่เรียกว่าหลังกองดังนั้นเมื่อผู้ผลักดันปุ่ม Back บันทึกหน้าสุดท้ายในกองหลังให้บริการ มีได้ไม่จำกัดจำนวนหน้ากระดาษที่มีอยู่ในกองหลังเช่น ซึ่งหมายความ ว่า ผู้ใช้จากหน้า 1 (p1) ไปหน้า 2 (p2) p1 กับ p2 ไปหน้า 3 (p3) p1 สร้างกองหลังของ p1, p2, p1, p2, p3, p1 ถ้าผู้ใช้ที่ปรับเปลี่ยนเนื้อหาในอินสแตนซ์ที่สองของ p2 ในกองหลัง แต่นำทางโดยใช้ปุ่มย้อนกลับกับอินสแตนซ์แรกของ p2 ในกองหลัง เปลี่ยนแปลงก่อนหน้านี้ไม่ปรากฏขึ้นบนหน้าเว้นหน้ารีเฟรชข้อมูล มุมมองเป็นภาพรวมของวิธีที่ผู้ใช้เห็นหน้าตัวอย่างใน navigatio

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หน้าและกรอบรูปแบบการนำทางเพจเป็นฮับและพูดระบบ ซึ่งหมายความว่าเว้นแต่ว่าคุณได้เพิ่มการเชื่อมโยงไปยังหน้าอื่นภายใน app ของคุณผู้ใช้จะต้องใช้ปุ่มย้อนกลับเพื่อกลับไปยังหน้าเว็บที่พวกเขามอง นี้จะคล้ายกับวิธีการที่เว็บแสดงเบราเซอร์และนำทางประวัติศาสตร์หน้าเว็บ. ระบบติดตามในแต่ละหน้าเว็บที่ผู้ใช้มีการเข้าเยี่ยมชมและสถานที่ในสิ่งที่เรียกว่ากองหลังเพื่อที่ว่าเมื่อผู้ใช้ผลักดันปุ่มกลับหน้าบันทึกไว้ล่าสุดใน สแต็คกลับมาเสิร์ฟ ไม่มีการ จำกัด จำนวนของหน้าเว็บที่สามารถอยู่ในกองหลังไม่ได้. ตัวอย่างเช่นนี้หมายความว่าผู้ใช้นำทางจากหน้า 1 (P1) ที่หน้า 2 (P2) เพื่อ P1 เพื่อ P2 ที่หน้า 3 (P3) เพื่อ P1 สร้างกองหลังของ P1, P2, P1, P2, P3, P1 หากผู้ใช้เนื้อหาในตัวอย่างที่สองของ P2 ในสแต็คกลับมาแก้ไข แต่นำทางกลับโดยใช้ปุ่มกลับไปอินสแตนซ์แรกของ P2 ในกองหลังเปลี่ยนแปลงก่อนหน้านี้จะไม่ปรากฏบนหน้าว่าถ้าหน้ารีเฟรชข้อมูล; มุมมองเป็นภาพรวมของวิธีการที่ผู้ใช้เห็นหน้าว่าที่จุดใน navigatio ว่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หน้าและเฟรมหน้านำทาง รูปแบบเป็นฮับและพูดระบบ ซึ่งหมายความว่าถ้าคุณอย่างชัดเจนเพิ่มการเชื่อมโยงไปยังหน้าอื่น ๆภายใน app ของคุณ ผู้ใช้จะต้องใช้ปุ่ม ย้อนกลับ เพื่อกลับไปยังหน้าเว็บที่พวกเขามอง นี้จะคล้ายกับวิธีการเว็บเบราเซอร์แสดงและนำทางประวัติเว็บเพจระบบติดตามแต่ละหน้าว่ามีผู้ใช้เข้าเยี่ยมชมและสถานที่ในสิ่งที่เรียกว่า กองหลัง ดังนั้นเมื่อผู้ใช้กดปุ่มที่อยู่ด้านหลัง สุดท้ายบันทึกหน้าในกองหลังให้บริการ มีไม่ จำกัด จำนวนของหน้าเว็บที่สามารถวางไว้ในกองหลังตัวอย่างเช่น นี้หมายความว่าผู้ใช้นำทางจากหน้า 1 ( P1 ) หน้า 2 ( P2 ) P1 กับ P2 หน้า 3 ( P3 ) P1 สร้างกองหลังของ P1 , P2 , P1 , P2 , P3 P1 . หากผู้ใช้แก้ไขเนื้อหาในอินสแตนซ์ที่สองของ P2 ในกอง แต่นำทางกลับไปใช้ปุ่มกลับไปที่ตัวอย่างแรกของ P2 ในกองหลังการเปลี่ยนแปลงก่อนหน้านี้ไม่ปรากฏในหน้านั้น นอกจากการรีเฟรชหน้าข้อมูล ; มุมมองภาพรวมของวิธีการที่ผู้ใช้เห็นหน้าในที่จุด ใน navigatio