วัฏจักรคาร์บอน เป็นวัฏจักรชีวธรณีเค

วัฏจักรคาร์บอน เป็นวัฏจักรชีวธรณีเคมี ซึ่งคาร์บอนถูกแลกเปลี่ยนระหว่างสิ่งมีชีวิต, พื้นดิน, น้ำ และบรรยากาศของโลกคาร์บอนเป็นธาตุสำคัญธาตุหนึ่งของสิ่งมีชีวิต เป็นองค์ประกอบประมาณ 50%ของเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิต และในรูปคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช การหมุนเวียนของคาร์บอนในระบบนิเวศแบ่งได้เป็น 3 แบบ ตามระยะเวลาที่ใช้ในการหมุนเวียนให้ครบรอบคือ ระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว

การหมุนเวียนระยะสั้น

เป็นการหมุนเวียนของคาร์บอนในรูปคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงและการหายใจ เริ่มจากพืชตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศมาสังเคราะห์เป็นสารอินทรีย์ คาร์บอนจากบรรยากาศจึงเคลื่อนย้ายเข้าสู่พืช เกิดขึ้นได้ทั้งบนบกและในน้ำ ดังสมการ

6CO2 + 6H2O → C6H12O6 + 6O2

ในการสังเคราะห์ด้วยแสง พืชจะเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานเคมี บางส่วนถูกใช้ไป บางส่วนถูกเก็บสะสมในรูปคาร์โบไฮเดรต ซึ่งจะถ่ายทอดไปตามห่วงโซ่อาหาร คาร์บอนเหล่านี้จะกลับสู่บรรยากาศโดยการหายใจ และการย่อยสลายหลังจากสิ่งมีชีวิตตายลงไป การย่อยสลายนี้อาจจะได้คาร์บอนในรูปคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซมีเทน กลับคืนสู่บรรยากาศ

การย่อยสลายของจุลินทรีย์เกิดขึ้นได้สองสภาวะคือ สภาวะที่มีและไม่มีออกซิเจน ในสภาวะที่มีออกซิเจน คาร์บอนในสารอินทรีย์จะถูกปล่อยออกมาในรูปคาร์บอนไดออกไซด์ ส่วนในสภาวะไม่มีออกซิเจน คาร์บอนถูกปล่อยออกมาในรูปก๊าซมีเทน โดยการทำงานของแบคทีเรียกลุ่ม Methanogen ก๊าซมีเทนจะถูกเปลี่ยนเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ โดยแบคทีเรียกลุ่ม Methylotroph เช่น Methylomonas

คาร์บอนมอนอกไซด์เป็นรูปหนึ่งของคาร์บอนที่เกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีแสงของมีเทน หรือจากการเผาไหม้ของมวลชีวภาพ โดยปกติ คาร์บอนมอนอกไซด์เป็นสารพิษต่อสิ่งมีชีวิต แต่ก็มีสิ่งมีชีวิตบางกลุ่มใช้คาร์บอนมอนอกไซด์เป็นแหล่งพลังงานได้ เช่น Pseudomonas carboxidoflava และ Pseudomonas carboxydohydrogena ซึ่งจะเปลี่ยนคาร์บอนมอนอกไซด์ให้เป็นคาร์บอนไดออกไซด์ในสภาวะที่มีออกซิเจน ส่วนในสภาวะไม่มีออกซิเจน Methanosarcina barkeri จะเปลี่ยนคาร์บอนมอนอกไซด์เป็นก๊าซมีเทน และ Clostridium thermoaceticum เปลี่ยนคาร์บอนมอนอกไซด์เป็นกรดอะซีติก



การหมุนเวียนระยะยาว

เป็นการหมุนเวียนของคาร์บอนผ่านระบบโครงสร้างของโลกทั้งในแผ่นดิน มหาสมุทรและหินปูน องค์ประกอบสำคัญของหินปูนคือแคลเซียมคาร์บอเนต หินปูนเป็นแหล่งสะสมคาร์บอนที่สำคัญของพื้นโลก การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและการกัดเซาะจะชะแคลเซียม ซิลิกา และคาร์บอนออกจากหินปูนดังสมการ

CaCO3 + CO2 → Ca2+ + 2HCO3-

CaSiO3 + 2CO2 + H2O → 2HCO3- + SiO2

สิ่งที่ได้จากการกัดเซาะจะลงสู่แม่น้ำและไปยังมหาสมุทร Ca2+ และ HCO3- บางส่วนจะถูกไปใช้ในการสร้างโครงสร้างของสิ่งมีชิวิตที่มีแคลเซียมคาร์บอเนตเป็นองค์ประกอบ เช่นเปลือกหอย บางส่วนกลายเป็นคาร์บอนไดออกไซด์กลับสู่บรรยากาศ เมื่อสิ่งมีชีวิตตาย จะถูกย่อยสลายได้เป็นคาร์บอนไดออกไซด์ในน้ำลึก ซึ่งจะกลับสู่บรรยากาศเมื่อน้ำในบริเวณนั้นม้วนตัวขึ้นมา

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัฏจักรคาร์บอนเป็นวัฏจักรชีวธรณีเคมีซึ่งคาร์บอนถูกแลกเปลี่ยนระหว่างสิ่งมีชีวิต พื้นดิน น้ำและบรรยากาศของโลกคาร์บอนเป็นธาตุสำคัญธาตุหนึ่งของสิ่งมีชีวิตเป็นองค์ประกอบประมาณ 50 ของเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิตและในรูปคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช 3 คำประกอบตามระยะเวลาที่ใช้ในการหมุนเวียนให้ครบรอบคือระยะสั้นระยะกลางและระยะยาว

การหมุนเวียนระยะสั้น

เป็นการหมุนเวียนของคาร์บอนในรูปคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงและการหายใจเริ่มจากพืชตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศมาสังเคราะห์เป็นสารอินทรีย์คาร์บอนจากบรรยากาศจึงเคลื่อนย้ายเข้าสู่พืช ดังสมการ

6CO2 6H2O → C6H12O6 6O2

ในการสังเคราะห์ด้วยแสงพืชจะเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานเคมีบางส่วนถูกใช้ไปบางส่วนถูกเก็บสะสมในรูปคาร์โบไฮเดรตซึ่งจะถ่ายทอดไปตามห่วงโซ่อาหารคาร์บอนเหล่านี้จะกลับสู่บรรยากาศโดยการหายใจ การย่อยสลายนี้อาจจะได้คาร์บอนในรูปคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซมีเทนกลับคืนสู่บรรยากาศ

การย่อยสลายของจุลินทรีย์เกิดขึ้นได้สองสภาวะคือสภาวะที่มีและไม่มีออกซิเจนในสภาวะที่มีออกซิเจนคาร์บอนในสารอินทรีย์จะถูกปล่อยออกมาในรูปคาร์บอนไดออกไซด์ส่วนในสภาวะไม่มีออกซิเจน โดยการทำงานของแบคทีเรียกลุ่มเมทาโนเจนก๊าซมีเทนจะถูกเปลี่ยนเป็นคาร์บอนไดออกไซด์โดยแบคทีเรียกลุ่ม Methylotroph เช่น Methylomonas

คาร์บอนมอนอกไซด์เป็นรูปหนึ่งของคาร์บอนที่เกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีแสงของมีเทนหรือจากการเผาไหม้ของมวลชีวภาพโดยปกติคาร์บอนมอนอกไซด์เป็นสารพิษต่อสิ่งมีชีวิต เช่น Pseudomonas carboxidoflava และ Pseudomonas carboxydohydrogena ซึ่งจะเปลี่ยนคาร์บอนมอนอกไซด์ให้เป็นคาร์บอนไดออกไซด์ในสภาวะที่มีออกซิเจนส่วนในสภาวะไม่มีออกซิเจน Methanosarcina barkeri จะเปลี่ยนคาร์บอนมอนอกไซด์เป็นก๊าซมีเทนและเชื้อ Clostridium เปลี่ยนคาร์บอนมอนอกไซด์เป็นกรดอะซีติก



การหมุนเวียนระยะยาว

เป็นการหมุนเวียนของคาร์บอนผ่านระบบโครงสร้างของโลกทั้งในแผ่นดินมหาสมุทรและหินปูนองค์ประกอบสำคัญของหินปูนคือแคลเซียมคาร์บอเนตหินปูนเป็นแหล่งสะสมคาร์บอนที่สำคัญของพื้นโลก ซิลิกาและคาร์บอนออกจากหินปูนดังสมการ

CaCO3 CO2 → Ca2 2HCO3-

CaSiO3 2CO2 H2O → 2HCO3-SiO2

สิ่งที่ได้จากการกัดเซาะจะลงสู่แม่น้ำและไปยังมหาสมุทร Ca2 และ HCO3-บางส่วนจะถูกไปใช้ในการสร้างโครงสร้างของสิ่งมีชิวิตที่มีแคลเซียมคาร์บอเนตเป็นองค์ประกอบเช่นเปลือกหอย เมื่อสิ่งมีชีวิตตายจะถูกย่อยสลายได้เป็นคาร์บอนไดออกไซด์ในน้ำลึกซึ่งจะกลับสู่บรรยากาศเมื่อน้ำในบริเวณนั้นม้วนตัวขึ้นมา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัฏจักรคาร์บอนเป็นวัฏจักรชีวธรณีเคมี พื้นดิน, น้ำ เป็นองค์ประกอบประมาณ 50% ของเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิตและในรูปคาร์บอนไดออกไซด์ 3 แบบ ระยะสั้น เกิดขึ้นได้ทั้งบนบกและในน้ำดังสมการ6CO2 + 6H2O → C6H12O6 + 6O2 ในการสังเคราะห์ด้วยแสง บางส่วนถูกใช้ไป ซึ่งจะถ่ายทอดไปตามห่วงโซ่อาหาร สภาวะที่มีและไม่มีออกซิเจนในสภาวะที่มีออกซิเจน ส่วนในสภาวะไม่มีออกซิเจน โดยการทำงานของแบคทีเรียกลุ่ม Methanogen โดยแบคทีเรียกลุ่ม Methylotroph เช่น หรือจากการเผาไหม้ของมวลชีวภาพโดยปกติ เช่น Pseudomonas carboxidoflava และ Pseudomonas carboxydohydrogena ส่วนในสภาวะไม่มีออกซิเจน Methanosarcina barkeri และ Clostridium thermoaceticum มหาสมุทรและหินปูน ซิลิกาและคาร์บอนออกจากหินปูนดังสมการCaCO3 + CO2 → Ca2 + + 2HCO3- CaSiO3 + 2CO2 + H2O + → 2HCO3- Ca2 + และ HCO3- เช่นเปลือกหอย เมื่อสิ่งมีชีวิตตาย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัฏจักรคาร์บอนเป็นวัฏจักรชีวธรณีเคมีซึ่งคาร์บอนถูกแลกเปลี่ยนระหว่างสิ่งมีชีวิตพื้นดิน , ,a rescue และบรรยากาศของโลกคาร์บอนเป็นธาตุสำคัญธาตุหนึ่งของสิ่งมีชีวิตเป็นองค์ประกอบประมาณ 50% ของเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิตและในรูปคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งมีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช3 แบบตามระยะเวลาที่ใช้ในการหมุนเวียนให้ครบรอบคือระยะสั้นระยะกลางและระยะยาว



การหมุนเวียนระยะสั้นเป็นการหมุนเวียนของคาร์บอนในรูปคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงและการหายใจเริ่มจากพืชตรึงคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศมาสังเคราะห์เป็นสารอินทรีย์คาร์บอนจากบรรยากาศจึงเคลื่อนย้ายเข้าสู่พืชดังสมการ

6co2 6h2o → keyboard - key - name C6H12O6 6o2

ในการสังเคราะห์ด้วยแสงพืชจะเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานเคมีบางส่วนถูกใช้ไปบางส่วนถูกเก็บสะสมในรูปคาร์โบไฮเดรตซึ่งจะถ่ายทอดไปตามห่วงโซ่อาหารคาร์บอนเหล่านี้จะกลับสู่บรรยากาศโดยการหายใจการย่อยสลายนี้อาจจะได้คาร์บอนในรูปคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซมีเทนกลับคืนสู่บรรยากาศ

การย่อยสลายของจุลินทรีย์เกิดขึ้นได้สองสภาวะคือสภาวะที่มีและไม่มีออกซิเจนในสภาวะที่มีออกซิเจนคาร์บอนในสารอินทรีย์จะถูกปล่อยออกมาในรูปคาร์บอนไดออกไซด์ส่วนในสภาวะไม่มีออกซิเจนโดยการทำงานของแบคทีเรียกลุ่มจุลินทรีย์ก๊าซมีเทนจะถูกเปลี่ยนเป็นคาร์บอนไดออกไซด์โดยแบคทีเรียกลุ่ม methylotroph เช่น methylomonas

คาร์บอนมอนอกไซด์เป็นรูปหนึ่งของคาร์บอนที่เกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีแสงของมีเทนหรือจากการเผาไหม้ของมวลชีวภาพโดยปกติคาร์บอนมอนอกไซด์เป็นสารพิษต่อสิ่งมีชีวิตเช่น Pseudomonas carboxidoflava และ Pseudomonas carboxydohydrogena ซึ่งจะเปลี่ยนคาร์บอนมอนอกไซด์ให้เป็นคาร์บอนไดออกไซด์ในสภาวะที่มีออกซิเจนส่วนในสภาวะไม่มีออกซิเจนการ barkeri จะเปลี่ยนคาร์บอนมอนอกไซด์เป็นก๊าซมีเทนและ Clostridiumเปลี่ยนคาร์บอนมอนอกไซด์เป็นกรดอะซีติก





การหมุนเวียนระยะยาวเป็นการหมุนเวียนของคาร์บอนผ่านระบบโครงสร้างของโลกทั้งในแผ่นดินมหาสมุทรและหินปูนองค์ประกอบสำคัญของหินปูนคือแคลเซียมคาร์บอเนตหินปูนเป็นแหล่งสะสมคาร์บอนที่สำคัญของพื้นโลกซิลิกาและคาร์บอนออกจากหินปูนดังสมการ
แป้งแคลเซียม 2hco3 CO2 → keyboard - key - name
-

casio3 2co2 H2O → keyboard - key - name 2hco3 - SiO2

สิ่งที่ได้จากการกัดเซาะจะลงสู่แม่น้ำและไปยังมหาสมุทรแคลเซียมและ hco3 - บางส่วนจะถูกไปใช้ในการสร้างโครงสร้างของสิ่งมีชิวิตที่มีแคลเซียมคาร์บอเนตเป็นองค์ประกอบเช่นเปลือกหอยเมื่อสิ่งมีชีวิตตายจะถูกย่อยสลายได้เป็นคาร์บอนไดออกไซด์ในน้ำลึกซึ่งจะกลับสู่บรรยากาศเมื่อน้ำในบริเวณนั้นม้วนตัวขึ้นมา