จากปัญหาอุทกภัยในปี 2554 ได้เกิดขึ้นเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่หลายจังหวัดของประเทศไทย และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประชาชนทั่วไป เกษตรกร ผู้ประกอบการอุสาหกรรม ภาคธุรกิจ ภาคบริการ และความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ จึงมีความจำเป็นต้องจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำในระยะเร่งด่วน เพื่อลดผลกระทบจากอุทกภัยในอนาคตต่อประชาสังคมและภาคเศรษฐกิจน้อยที่สุด และสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน เกษตรกร ภาคธุรกิจ และ นักลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ ตลอดจนสร้างความมั่นคงของประเทศจากวิกฤตอุทกภัย ซึ่งคณะอนุกรรมการด้านการวางแผนและกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วนภายใต้คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเพื่อให้เกิดผลในเชิงปฏิบัติในระยะเร่งด่วนและระยะสั้น เพื่อจัดทำแนวทาง มาตรการและแผนปฏิบัติการเพื่อเตรียมความพร้อมในการป้องกัน และแก้ไขปัญหาอุทกภัยในปี ๒๕๕๕ ทั้งในด้านการชะลอน้ำ การระบายน้ำ การปรับปรุงพนังกั้นน้ำและระบบระบายน้ำในเมือง รวมทั้งจัดทำกรอบการลงทุนตามแผนปฏิบัติการระยะเร่งด่วน พิจารณาวางระบบข้อมูลเพื่อคาดการณ์ปริมาณน้ำ เสนอแนะการพัฒนาระบบข้อมูลน้ำของประเทศ รวมถึงการเสนอแนะการจัดระบบเตือนภัยและระบบศูนย์เครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย
ตามแผนแม่บทของคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) นั้น ได้มีการ กำหนดแผนการบรรเทาอุทกภัยในระยะเร่งด่วนและยั่งยืน โดยในระยะเร่งด่วนมีแผนงานหลักที่สำคัญ คือ แผนงานกำหนดพื้นที่รับน้ำนองและมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการใช้พื้นที่เพื่อการรับน้ำ โดยมุ่งเน้นพื้นที่ในเขตเจ้าพระยาตอนบนและเจ้าพระยาตอนล่าง ตามแนวทางของแผนแม่บทฯดังกล่าว
กรมชลประทานจึงเห็นควรดำเนินการจัดทำระบบบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ และเป็นระบบที่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นการเตือนภัยล่วงหน้า สามารถบรรเทาความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สินของราษฎร อันเนื่องมาจากอุทกภัย จึงจำเป็นจะต้องใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยสำหรับการวัดระดับน้ำและมีการทำงานเป็นระบบอัตโนมัติ ข้อมูลที่ได้มีความถูกต้อง แม่นยำมีความรวดเร็ว ทำให้การบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ