We can consider the creative agency

We can consider the creative agency and client environment. For clients,
solutions to problems can be explored at a relatively low-cost and often very
quickly. Unlike traditional creative agency models where an individual is
paid per hour, crowdsourcing permits a client to pay a once-off cost for an
exponential number of solutions. Ultimately a client only pays for the solutions
they make use of, while those in the community who are not paid usually retain
their intellectual property (IP).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เราสามารถพิจารณาสภาพแวดล้อมที่สร้างสรรค์หน่วยงานและลูกค้า สำหรับลูกค้าสามารถสำรวจการแก้ไขปัญหา ที่ค่อนข้างต่ำต้นทุน และมักจะอย่างรวดเร็ว ซึ่งแตกต่างจากรุ่นดั้งเดิมหน่วยงานสร้างสรรค์ที่แต่ละคนมีจ่ายต่อชั่วโมง ระบบอนุญาตให้ไคลเอนต์การชำระต้นทุนเมื่อปิดสำหรับการจำนวนโซลูชันเนน ในที่สุด ไคลเอนต์เท่านั้นจ่ายสำหรับการแก้ปัญหาพวกเขาใช้ ในขณะที่คนในชุมชนที่ไม่ได้จ่ายมักจะรักษาของทรัพย์สินทางปัญญา (IP)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เราสามารถพิจารณาหน่วยงานความคิดสร้างสรรค์และสภาพแวดล้อมของลูกค้า สำหรับลูกค้า
การแก้ปัญหาสามารถสำรวจที่มีต้นทุนค่อนข้างต่ำและมักจะมาก
ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งแตกต่างจากแบบจำลองหน่วยงานความคิดสร้างสรรค์แบบที่แต่ละคนจะ
จ่ายต่อชั่วโมง crowdsourcing อนุญาตให้ลูกค้าที่จะจ่ายค่าใช้จ่ายครั้งเดียวออกสำหรับ
จำนวนชี้แจงของการแก้ปัญหา ในท้ายที่สุดลูกค้าเท่านั้นจ่ายสำหรับการแก้ปัญหา
ที่พวกเขาทำให้การใช้งานในขณะที่ผู้ที่อยู่ในชุมชนที่ไม่ได้ชำระเงินมักจะเก็บ
ทรัพย์สินทางปัญญา (IP)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เราสามารถพิจารณาหน่วยงานที่สร้างสรรค์และสภาพแวดล้อมของลูกค้า สำหรับลูกค้าแก้ไขปัญหาที่สามารถสำรวจที่ค่อนข้างต่ำ และบ่อยมากได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งแตกต่างจากแบบดั้งเดิมที่บุคคลหน่วยงานสร้างสรรค์รุ่นค่าจ้างต่อชั่วโมง เตอร์ให้ลูกค้าจ่ายครั้งเดียวออกค่าใช้จ่ายสำหรับหมายเลขแบบโซลูชั่น ในที่สุดลูกค้าเท่านั้นจ่ายสำหรับโซลูชั่นพวกเขาให้ใช้ , ในขณะที่ผู้ที่อยู่ในชุมชนที่ไม่จ่ายมักจะรักษาทรัพย์สินทางปัญญา ( IP )