ดิฉันชื่อ เด็กหญิงประกายดาว แสงศรีจันทร์ ชื่อเล่น ปูเป้ เพื่อนๆมักจะชอบเรียกว่า พีพี อูเอ ปูเล่เกิดวันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2543 อายุ 14 ปีกรุ๊ปเลือด A เกิดปีมะโรง ราศีตุลย์สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย นับถือศาสนาพุทธ เกิดที่โรงพยาบาลเชียงคำเวลา 20 นาฬิกา 14 นาทีอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 42 หมู่ 5 ตำบลทุ่งรวงทอง อำเภอจุน จังหวัด พะเยา รหัสไปรษณีย์ 56150บิดาชื่อ นายประสิทธิ์ แสงศรีจันทร์ อายุ 49 ปี อาชีพสมาชิกสภาเทศบาล เบอร์โทรติดต่อ0861827888 มารดาชื่อ นางรมิตา แสงศรีจันทร์ อายุ 36 ปี อาชีพแม่บ้าน เบอร์โทรติดต่อ0904742542 มีพี่น้องร่วมสายเลือด 1 คน ชื่อ เด็กชายศิรวิชญ์ แสงศรีจันทร์ อายุ 7 ปี มีเพื่อนสนิท 4 คน ชื่อเด็กหญิงกรรวี คำแดง เด็กหญิงบุญสิตา แก้วเพ็ชรวงค์ เด็กหญิงวิชญาดา ประเสริฐและเด็กหญิงชลนิชา บุญปลื้ม
ประวัติด้านการศึกษาของดิฉัน ตอนอายุได้ 1-3 ปี ได้เข้าเรียนที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแถวหมู่บ้าน ต่อมาได้เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 ที่โรงเรียนบ้านสันหลวง อำเภอจุน จังหวัดพะเยาและต่อมาดิฉันได้เข้ามาศึกษาต่อที่โรงเรียนปิยมิตรวิทยา อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยาเป็นเวลา 6 ปีตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่4-6 และเข้าศึกษาต่อในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 ซึ่งปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ห้อง 2 ครูประจำชั้นชื่อ นางสาว ปรียานุช ขันโท จากที่ได้ทราบประวัติเล็กๆน้อยๆของดิฉันมาพอสังเขป ดิฉันจะมาเล่าเกี่ยวกับโรงเรียนที่ดิฉันกำลังศึกษาอยู่ในปัจจุบันค่ะหลังจากที่ดิฉันได้เข้าเรียนโรงเรียนนี้มาเป็นเวลานานพอสมควร ดิฉันรู้สึกประทับใจกับโรงเรียนนี้เป็นอย่างมาก เพราะมีการจัดระบบภายในโรงเรียนที่ทันสมัย และมีคุณภาพ ทั้งในด้านเนื้อหาหลักสูตรการเรียนการสอน ด้านอาจารย์และบุคคลากรภายในโรงเรียน ท่านทุกคนต่างมีความรู้ความสามารถที่มากมาย แตกต่างกันออกไป มีวิธีการสอนที่ดึงดูดให้เด็กนักเรียนสนใจในการเรียนมากขึ้น สอนเข้าใจมีวิธีคิดลัด มีข้อสอบแบบฝึกหัดให้ทำอยู่บ่อยๆ สิ่งไหนไม่เข้าใจก็จะพยายามเน้นในเรื่องนั้นให้ รวมไปถึงด้านเทคโนโลยีทันสมัยโรงเรียนนี้มีเทคโนโลยีที่ก้าวไกล เพราะปัจจุบันหนังสือบางเล่มมีเนื้อหาที่น้อย ไม่ค่อยเข้าใจจึงจำเป็นต้องพึ่งเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการศึกษาหาข้อมูลการเรียนการสอนเพิ่มเติมมากขึ้น และสุดท้ายก็คือด้านสภาพแวดล้อมของโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนนี้มีตึกอาคารที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ จึงทำให้มีอากาศที่บริสุทธิ์เย็นสบายและเหมาะแก่การเริ่มต้นที่จะเรียนรู้ด้วยค่ะ
มาถึงเรื่องส่วนตั๊วส่วนตัวกันค่ะ นิสัยส่วนตัวแล้วเป็นคนเรียบร้อยพูดน้อยน่ารัก ฮ่าๆไม่ใช่ละๆ เป็นคนค่อนข้างเงียบไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ จะนิ่งๆกับคนที่ไม่รู้จักหรือคนที่ไม่ค่อยสนิทกัน จนคนอื่นเขามองว่าหยิ่งเลยค่ะ แต่ในทางกลับกันคือถ้าอยู่กับคนที่สนิทกันมากๆจะเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย ทั้งพูดมากบ้าๆบอๆเฮฮาตามประสาเด็กๆ เป็นคนขี้สงสารเจ้าน้ำตาจอมดราม่าที่หนึ่งเลย เป็นคนใจดีเหมือนแม่พระเลย(อันนี้เพื่อนบอกมาค่ะ) คนๆเดียวแต่มีตั้ง 2 บุคลิกนึกดูแล้วมันแปลกๆเหมือนโรคจิตเลย แต่ในความคิดของดิฉันคือมันเป็นการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์มากกว่า ดิฉันเชื่อว่าหลายๆคนก็คงเคยเป็นเหมือนกัน ต่อหน้าพ่อแม่ครูบาอาจารย์ หรือญาติผู้ใหญ่ ต้องเรียบร้อยระมัดระวังการพูดการจาจะทำอะไรก็ทำให้ถูกต้องตามกาลเทศะ มีสติรู้ตัวอยู่เสมอว่าสิ่งไหนควรทำ สิ่งไหนไม่ควรทำ จากที่ได้ทราบนิสัยส่วนตั๊วส่วนตัวของดิฉันมาส่วนหนึ่งแล้ว ดิฉันก็จะมาเล่าเกี่ยวกับความฝันของดิฉันเองค่ะดิฉันเชื่อว่าคนเราทุกคนเกิดมาต้องมีความฝัน ต้องเคยตั้งคำถามตัวเองอยู่บ่อยๆ หรือต้องคุ้นเคยกับคำถามที่ว่า โตขึ้นมาอยากเป็นอะไร ? ซึ่งหลายๆคนคงจะยังตอบคำถามนี้ไม่ได้ และหนึ่งในนั้นก็คือดิฉันเอง ดิฉันเคยตั้งคำถามกับตัวเองอยู่หลายๆครั้งว่าความฝันที่แท้จริงคืออะไรกันแน่ ? ดิฉันก็ยังตอบไม่ได้สักที จนได้มาเจออาจารย์ท่านหนึ่ง ท่านเป็นเหมือนแรงผลักดันในชีวิต เหมือนเป็นแรงบันดาลใจในการจะทำสิ่งต่างๆ ทำให้ได้ค้นพบกับเป้าหมายในชีวิตจริงๆ ทำให้บางคนที่ไม่คิดจริงจังกับความฝันเปลี่ยนความคิดจนมีความฝันที่แน่นอนจริงๆ ท่านผู้นั้นก็คือครูออมเองค่ะ ส่วนความฝันของดิฉันก็คือ พยาบาล นั่นเองค่ะ แล้วพยาบาลคืออะไร ? ทำหน้าที่อะไร ? สำหรับตัวดิฉันเองดิฉันคิดว่าพยาบาลอาจทำหน้าที่เป็นลูกน้องของหมอในการดูแลรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาล ต้องวิ่งไปวนมาในหลายๆแผนก ต้องเอาใจใส่คนไข้ทุกคนที่อยู่ในโรงพยาบาล พยาบาลคือผู้หญิงที่กล้าหาญ เข้มแข็งอดทน และใจดีต่อคนทุกคนที่เข้ามา ต้องยิ้มแย้ม และมีน้ำใจต่อผู้ป่วยทุกคน อาชีพพยาบาล เป็นอาชีพที่แฝงด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี เป็นอาชีพที่ดูมีค่าและสูงส่งไม่แพ้กับหมอ เพราะอาชีพพยาบาลเป็นอาชีพที่เรียกได้ว่า เสียสละส่วนตัวเพื่อส่วนรวมเป็นส่วนใหญ่ ต้องทุ่มเทและใส่ใจชีวิตและจิตใจของผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาอย่างสม่ำเสมอ ต้องอดทนต่อสิ่งที่รุมเร้า ไม่ว่าจะเป็นโรคภัยไข้เจ็บของผู้ป่วย สิ่งปฏิกูล ความวุ่นวาย ความเจ็บปวด อารมณ์ของผู้ป่วยต่างๆนานา สำหรับเส้นทางความฝันของดิฉัน การสอบเข้าคณะพยาบาลศาสตร์ให้ได้นั้น ถือเป็นเพียงแค่การก้าวขึ้นไปยังขั้นบันไดเพียงขั้นแรก และเมื่อก้าวขึ้นไปขั้นแรกได้แล้ว ขั้นสูงสุดของความฝันคือ การที่ได้เป็นพยาบาลจริงๆการได้ทำให้คนไข้หายจากการเจ็บป่วย ได้ทำให้พวกเขามีรอยยิ้ม มีความสุข ได้ทำให้พ่อแม่ภาคภูมิใจในอาชีพของดิฉัน และได้ประสบความสำเร็จในการทำหน้าที่พยาบาลที่ดีต่อผู้ป่วยแล้ว นี่ก็ถือเป็นบันไดขั้นสูงสุดที่ฉันได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ ขอบคุณค่ะ