Federer won the Wimbledon boys' sin

Federer won the Wimbledon boys' singles and doubles titles in 1998, and turned professional later that year. At Wimbledon in 2001, he caused a sensation by knocking out reigning singles champion Pete Sampras in the fourth round. In 2003, following a successful season on grass, Federer became the first Swiss man to win a Grand Slam title when he emerged victorious at Wimbledon.

At the beginning of 2004, Federer had a world ranking of No. 2, and that same year, he won the Australian Open, the U.S. Open, the ATP Masters and retained the Wimbledon singles title. He was ranked No. 1 at the start of 2005, and his successes that year included the Wimbledon singles title (for a third successive year) and the U.S. Open.

Federer held on to his No. 1 ranking from 2004 into 2008. In 2006 and '07, he won the singles championships at the Australian Open, Wimbledon and the U.S. Open. A paragon of graceful athleticism, Federer was named the Laureus World Sportsman of the Year from 2005-08.

In 2008, Federer beat Scottish player Andy Murray at the U.S. Open—his fifth U.S. Open win. However, that year proved to be a difficult time in Federer's career: He lost to rival Rafael Nadal at both the French Open and Wimbledon, and lost to another young star, Novak Djokovic, at the 2008 Australian Open. His ranking also slid to No. 2 for the first time in four years.

The 2009 season was a memorable one for the Swiss star. He beat Robin Soderling to win the French Open and complete the career Grand Slam, and defeated Andy Roddick in an epic Wimbledon final to surpass Sampras for a record 15th Grand Slam singles title. Federer also reached the finals of the two other major tournaments, falling in five sets to Nadal at the Australian Open and to Juan Martin del Potro at the U.S. Open. His brilliant all-around play enabled him to regain the world's No. 1 ranking.

Federer's career escalated once again in 2012, when he defeated Andy Murray for a record-tying seventh Wimbledon singles title. The victory helped the 30-year-old tennis star return to the No. 1 spot, and by the end of the year he had established a record with a total of 302 weeks atop the world rankings.

In 2013, Federer made a surprise departure from Wimbledon. He was knocked out of the singles competition in the second round by Sergiy Stakhovsky, who was ranked 116th at the time. At the U.S. Open, Federer again struggled on the court. He was beaten by Spain's Tommy Robredo in the fourth round, losing in three straight sets. According to the U.S. Open website, Federer admitted that he "struggled throughout, which is not very satisfying." His confidence seemingly shaken by the loss, he lamented how he "missed so many opportunities" and that his "rhythm was off" during the match.

Federer battled Djokovic in the 2014 men’s singles final at Wimbledon, but was denied a record eighth championship on the famed grass courts in a five-set loss. He then lost in the semifinals of the U.S. Open to hard-hitting Croatian Marin Cilic, who went on to win the tournament.

Federer's 2015 season began on a disappointing note with a loss to Italy's Andreas Seppi in the third round of the Australian Open. He proved he could still compete with the sport's elite players by defeating Djokovic to win the Dubai Championships in February, but his quest for a second French Open crown was thwarted with a quarterfinal loss to countryman Stan Wawrinka.

Federer charged through the draw at Wimbledon a month later, but he was defeated in the final by Djokovic, delaying his quest for a record eighth title for at least another year. His fate was the same at the U.S. Open: Despite an impressive showing that suggested career Grand Slam title No. 18 was on the way, Federer simply could not get past the top-ranked Djokovic in a hard-fought final.

Personal Life

In 2009, Federer married Mirka Vavrinec, a former professional tennis player. That July, the couple became the parents of identical twin girls, Myla and Charlene. On May 6, 2014, the couple welcomed their second set of twins, boys Leo and Lenny. Federer lives with his family in Bottmingen, Switzerland.

In 2003, Federer established the Roger Federer Foundation, which helps provide grants to poor countries that have child mortality rates of more than 15 percent, for education- and sports-related projects, among others.

Advertisement — Continue reading below

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เฟเดอเรอชนะซิงเกิ้ลชายวิมเบิลดันและคู่ชื่อในปี 1998 และกลายเป็นมืออาชีพในปีต่อมา ที่วิมเบิลดันในปี 2001 ที่เขาทำให้เกิดความรู้สึกโดยการเคาะออกซิงเกิ้ลครองแชมป์พีท Sampras ในรอบที่สี่ ในปี 2003 ต่อไปนี้เป็นฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จบนพื้นหญ้าเฟเดอเรอกลายเป็นคนที่สวิสคนแรกที่ชนะชื่อ Grand Slam เมื่อเขาได้รับชัยชนะที่วิมเบิลดัน. ที่จุดเริ่มต้นของปี 2004 เฟเดอเรอมีการจัดอันดับโลกของครั้งที่ 2 และในปีเดียวกันนั้น เขาได้รับรางวัลออสเตรเลียนโอเพสหรัฐเปิดเอทีพีมาสเตอร์สและเก็บไว้ชื่อเดี่ยววิมเบิลดัน เขาได้รับการจัดอันดับที่ 1 ในช่วงเริ่มต้นของปี 2005 และประสบความสำเร็จของเขาในปีนั้นรวมถึงซิงเกิ้ลชื่อวิมเบิลดัน (สำหรับปีที่สามต่อเนื่อง) และยูเอสโอเพน. เฟเดอเรอจับครั้งที่ 1 การจัดอันดับของเขาตั้งแต่ปี 2004 เข้าสู่ปี 2008 ในปี 2006 และ 07 เขาได้รับรางวัลการแข่งขันชิงแชมป์ซิงเกิ้ลที่ออสเตรเลียนโอเพวิมเบิลดันและยูเอสโอเพ่น พารากอนของ athleticism สง่างาม A, เฟเดอเรอชื่อนักกีฬาโลก Laureus แห่งปี 2005-08. ในปี 2008 เฟเดอเรอชนะสก็อตแอนดี้เมอเรย์ผู้เล่นที่สหรัฐเปิดเขาห้าสหรัฐเปิดชนะ อย่างไรก็ตามในปีที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากในอาชีพของเฟเดอเรอ: เขาหายไปให้คู่ต่อสู้ Rafael Nadal ทั้งในเฟรนช์โอเพ่นและวิมเบิลดันและสูญหายไปอีกดาราหนุ่ม, วัค Djokovic ที่ 2008 ออสเตรเลียนโอเพ การจัดอันดับของเขาก็เลื่อนไปฉบับที่ 2 เป็นครั้งแรกในรอบสี่ปี. 2009 ฤดูกาลหนึ่งที่น่าจดจำสำหรับสวิสดาว เขาเอาชนะโรบิน Soderling จะชนะฝรั่งเศสเปิดและดำเนินการอาชีพ Grand Slam และแอนดี้ร็อดดิกพ่ายแพ้ในมหากาพย์สุดท้ายวิมเบิลดันจะเกิน Sampras สำหรับบันทึกที่ 15 แกรนด์สแลมชื่อซิงเกิ้ล เฟเดอเรอก็มาถึงรอบชิงชนะเลิศของทั้งสองทัวร์นาเมนต์ที่สำคัญอื่น ๆ ที่ตกอยู่ในห้าชุดนาดาลที่ออสเตรเลียนโอเพและฮวนมาร์ตินเดล Potro ที่สหรัฐเปิด การเล่นที่ยอดเยี่ยมทุกรอบของเขาทำให้เขาสามารถที่จะฟื้นครั้งที่ 1 ของโลกการจัดอันดับ. อาชีพของเฟเดอเรอเพิ่มขึ้นอีกครั้งในปี 2012 เมื่อเขาพ่ายแพ้แอนดี้เมอเรย์สำหรับบันทึกผูกเดี่ยววิมเบิลดันเจ็ดชื่อ ชัยชนะกลับมาช่วยดาวเทนนิส 30 ปีการฉบับที่ 1 จุดและในตอนท้ายของปีที่เขาได้สร้างบันทึกมีจำนวน 302 สัปดาห์ที่ผ่านมายอดการจัดอันดับโลก. ในปี 2013 เฟเดอเรอทำให้การเดินทางที่น่าประหลาดใจ จากวิมเบิลดัน เขาถูกเขี่ยออกจากการแข่งขันที่ซิงเกิ้ลในรอบที่สองโดย Sergiy Stakhovsky ที่อยู่ในอันดับที่ 116 ในเวลา ที่สหรัฐเปิดเฟเดอเรอพยายามอีกครั้งในศาล เขาได้รับการตีโดยสเปนทอมมี่โรเบรโด้ของในรอบที่สี่แพ้ในเซตที่สามตรง ตามเว็บไซต์สหรัฐเปิดเฟเดอเรอยอมรับว่าเขา "พยายามตลอดซึ่งไม่ได้เป็นที่น่าพอใจมาก." ความเชื่อมั่นของเขาเขย่าดูเหมือนว่าจากการสูญเสียเขาเสียใจว่าเขา "พลาดโอกาสมากมาย" และว่า "จังหวะถูกปิด" ในระหว่างการแข่งขัน. เฟเดอเรอต่อสู้ Djokovic ในปี 2014 ประเภทชายเดี่ยวรอบสุดท้ายที่วิมเบิลดัน แต่ถูกปฏิเสธการบันทึกการแข่งขันชิงแชมป์แปด สนามหญ้าที่มีชื่อเสียงในการสูญเสียห้าชุด เขาหายไปจากนั้นในรอบรองชนะเลิศของสหรัฐเปิดให้แรงกระแทกโครเอเชีย Marin Cilic ที่จะชนะการแข่งขัน. ฤดูกาล 2015 เฟเดอเรอเริ่มในบันทึกที่น่าผิดหวังกับการสูญเสียที่จะอิตาลี Andreas Seppi ในรอบที่สามของออสเตรเลียนโอเพ เขาพิสูจน์แล้วว่าเขายังคงสามารถแข่งขันกับกีฬาของผู้เล่นยอดเยี่ยมด้วยการเอาชนะ Djokovic จะชนะดูไบประชันในเดือนกุมภาพันธ์ แต่แสวงหาของเขาสำหรับมงกุฎเฟรนช์โอเพ่นที่สองถูกขัดขวางด้วยการสูญเสีย quarterfinal เพื่อชาติสตานิสลาสวาวรินกา. เฟเดอเรอเรียกเก็บผ่านวาดที่วิมเบิลดัน เดือนต่อมา แต่เขาก็พ่ายแพ้ในรอบสุดท้ายโดย Djokovic ล่าช้าการแสวงหาของเขาสำหรับชื่อเรื่องที่แปดบันทึกเป็นเวลาอย่างน้อยอีกปีหนึ่ง ชะตากรรมของเขาได้เหมือนกันที่สหรัฐเปิด: แม้จะมีการแสดงที่น่าประทับใจที่บ่งบอกว่าอาชีพ Grand Slam ชื่อเลขที่ 18 อยู่ในวิธีการที่เฟเดอเรอก็ไม่สามารถรับที่ผ่านมา Djokovic ติดอันดับในยากต่อสู้ครั้งสุดท้าย. ชีวิตส่วนตัวในปี 2009 เฟเดอเรอแต่งงาน Mirka Vavrinec, นักเทนนิสอดีตมืออาชีพ นั่นกรกฏาคมทั้งคู่กลายเป็นพ่อแม่ของสาวฝาแฝด, Myla และชาร์ลีน เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2014 ทั้งคู่ยินดีชุดที่สองของพวกเขาฝาแฝดชายสิงห์และเลนนี่ เฟเดอเรออาศัยอยู่กับครอบครัวของเขาใน Bottmingen วิตเซอร์แลนด์. ในปี 2003 เฟเดอเรอจัดตั้งมูลนิธิโรเจอร์เฟเดอเรอซึ่งจะช่วยให้เงินช่วยเหลือแก่ประเทศยากจนที่มีอัตราการตายของเด็กมากกว่าร้อยละ 15 สำหรับ education- และโครงการที่เกี่ยวข้องกับกีฬาอื่น ๆ ในกลุ่มโฆษณา - อ่านต่อด้านล่าง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เฟเดอเรอร์ชนะวิมเบิลดันชายเดี่ยวและคู่ผสมชื่อใน ปี 1998 และกลายเป็นมืออาชีพในภายหลังว่าปี ที่วิมเบิลดันในปี 2001 เขาเกิดจากความรู้สึก โดยการเคาะออกแชมป์เดี่ยวพีทแซมพราส ในรอบสี่ ในปี 2003 ต่อไปนี้ฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จบนหญ้า เฟเดอเรอร์เป็นครั้งแรกที่จะชนะแกรนด์สแลมชายชาวสวิสชื่อเมื่อเขาโผล่ออกมา

ชัยชนะที่วิมเบิลดันที่จุดเริ่มต้นของปี 2004 เฟเดอเรอร์มีการจัดอันดับโลก ครั้งที่ 2 และในปีเดียวกันนั้นเขาได้รับรางวัลออสเตรเลียน โอเพ่น ที่สหรัฐอเมริกาเปิด เอทีพี มาสเตอร์ และสะสมวิมเบิลดันเดี่ยวชื่อ เขาอยู่อันดับ 1 ที่เริ่มต้นของปี 2005 และความสำเร็จในปีนั้นรวมถึง วิมเบิลดันเดี่ยวชื่อเรื่อง ( 3 ปีต่อเนื่อง ) และสหรัฐอเมริกาเปิด

เฟเดอเรอร์จับมือของเขา 1 อันดับจากปี 2004 ใน 2008ในปี 2006 และ 2007 เขาได้รับรางวัลเดี่ยวประชันที่ออสเตรเลียน โอเพ่น และ วิมเบิลดันสหรัฐอเมริกาเปิด สัญลักษณ์ของกีฬาที่สละสลวย เฟเดอเรอร์ได้รับรางวัล Laureus โลกนักกีฬาแห่งปี จาก 2005-08

ในปี 2008 เฟเดอเรอร์ ชนะ สกอตแลนด์ แอนดี้ เมอร์เรย์ ผู้เล่นที่สหรัฐอเมริกาเปิดของเขาห้ายูเอส โอเพ่น ชนะ อย่างไรก็ตาม ในปีที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากในเฟเดอเรอร์เป็นอาชีพเขาแพ้ให้กับคู่แข่ง Rafael Nadal ที่ทั้งฝรั่งเศส เปิด และ วิมเบิลดัน และสูญหายไปอีกหนุ่มดาวสกุลบัวหลวงที่ 2008 ออสเตรเลียเปิด การจัดอันดับของเขายังลื่น 2 เป็นครั้งแรกในรอบสี่ปี .

ฤดูกาล 2009 เป็นที่น่าจดจำหนึ่งสำหรับดาวที่สวิส เขาเอาชนะ โรบิน โซเดอร์ลิง ชนะฝรั่งเศสเปิดและเสร็จสมบูรณ์ในแกรนด์สแลม ,และการเอาชนะ แอนดี้ ร็อดดิก ในมหากาพย์วิมเบิลดันสุดท้ายเกินแซมพราสสำหรับบันทึกเดี่ยวแกรนด์สแลม 15 ชื่อเรื่อง เฟเดอเรอร์ยังถึงรอบสุดท้ายของทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ สอง ล้มลงในห้าชุดกับ นาดาล ในการแข่งขันออสเตรเลียน โอเพ่น และ Juan Martin del Potro ที่สหรัฐอเมริกาเปิด ทุกรอบที่ยอดเยี่ยมของเขาเล่น สามารถทำให้เขาฟื้นอันดับ 1 ของโลก

เฟเดอเรอร์อาชีพเพิ่มขึ้นอีกครั้งในปี 2012 นี้ เมื่อเขาเอาชนะ Andy Murray ประวัติผูกที่เจ็ดวิมเบิลดันเดี่ยวชื่อ ชัยชนะช่วย 30 ปีเทนนิสดาวกลับไปยังจุดที่ 1 และโดยการสิ้นสุดของปีเขาได้สร้างบันทึกที่มีทั้งหมด 302 สัปดาห์บนอันดับโลก

ใน 2013 , เฟเดอเรอร์ทำเซอร์ไพรส์จากวิมเบิลดัน