The ‘volcanic’ model suggests that

The ‘volcanic’ model suggests that revolutions spontaneously break out from below. When tensions, grievances, and discontents pass a certain threshold, the masses rise up and overthrow the incumbent elites. Whereas the traditional colcanic model emphasized objective conditions of hardship, Goldstone’s fourth generation of revolutionary theory (Goldstone, 2001) highlights the importance of ideology and cultural framing in making people become aware of their conditions and in constructing feelings that existing socio-economic or political conditions are unacceptable.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แบบ 'ภูเขาไฟ' แนะนำว่า การปฏิวัติทหลายแตกออกจากด้านล่าง เมื่อความตึงเครียด รักษา และ discontents ผ่านขีดจำกัดบางอย่าง มวลชนลุกฮือ และฝ่ายอนุรักษ์ incumbent ล้มล้าง ในขณะที่รุ่น colcanic แบบเน้นวัตถุประสงค์เงื่อนไขตาย Goldstone ของรุ่นที่สี่ของทฤษฎีปฏิวัติ (Goldstone, 2001) เน้นความสำคัญของอุดมการณ์ และวัฒนธรรมเข้ากรอบ ในการทำให้คนตระหนักถึงเงื่อนไขของพวกเขา และสร้างความรู้สึกที่มีอยู่ที่เงื่อนไขทาง เศรษฐกิจสังคม หรือการเมืองจะไม่สามารถยอมรับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

รูปแบบ 'ภูเขาไฟ' แสดงให้เห็นว่าการปฏิวัติเป็นธรรมชาติแบ่งออกจากด้านล่าง เมื่อความตึงเครียดความคับข้องใจและ Discontents ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดมวลชนลุกขึ้นโค่นล้มชนชั้นหน้าที่ ในขณะที่รูปแบบการ colcanic แบบดั้งเดิมเน้นเงื่อนไขวัตถุประสงค์ของความยากลำบากรุ่นที่สี่ Goldstone ของทฤษฎีการปฏิวัติ (Goldstone, 2001) ไฮไลท์สำคัญของอุดมการณ์และกรอบทางวัฒนธรรมในการทำให้คนตระหนักถึงเงื่อนไขของพวกเขาและในการสร้างความรู้สึกที่มีอยู่ในทางเศรษฐกิจและสังคมหรือเงื่อนไขทางการเมือง เป็นที่ยอมรับไม่ได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โมเดล ' ภูเขาไฟ ' แสดงให้เห็นว่าการปฏิวัติได้ออกมาจากด้านล่าง เมื่อความตึงเครียดความคับข้องใจ และเพลง , ผ่านเกณฑ์บางอย่าง มวลชนลุกฮือขึ้นมาโค่นล้มผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ส่วนรูปแบบ colcanic ดั้งเดิมเน้นเงื่อนไขวัตถุประสงค์ของความยากลำบาก Goldstone ของรุ่นที่สี่ของทฤษฎีปฏิวัติ ( Goldstone ,2001 ) เน้นความสำคัญของอุดมการณ์และกรอบทางวัฒนธรรม ทำให้ผู้คนตระหนักถึงเงื่อนไขของพวกเขาและในการสร้างความรู้สึกที่มีอยู่ในทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการเมือง จะรับไม่ได้