The result of this research also re

The result of this research also revealed that all dimensions of transformational leadership were more positively correlated with intrinsic job satisfaction than extrinsic job satisfaction. This finding is consistent with the finding of a study done in a Jordanian private hospital (24). Transformational leadership promotes employees’ empowerment in implementing organizational functions (24). Employees’ empowerment has played a significant role on employee self-efficiency which in turn promotes employees’ intrinsic satisfaction. (29).
Multiple regression analysis results revealed that except contingent reward, other dimensions of transactional leadership styles had either weak or negative relationship with both intrinsic and extrinsic job satisfaction. Findings of previous studies indicated that management by exception (passive) and laissez-fair styles are the least effective forms of leader behavior (35) and are likely to have negative relation with job satisfaction (36). The reason why both management by exception (passive) and laissez-faire dimensions have negative relation with job satisfaction is that passive management by exception puts the subordinate under pressure in order to make him/her follow the desired standards, but it does not support individual resources (37) while Laissez-faire leaders do not attempted to make agreements with employees, to motivate them, to set standards or to give feedback (38).
On the other hand, all dimensions of transformational leadership style were significantly and positively correlated with both intrinsic and extrinsic job satisfaction. Comparison of beta coefficients of transformational leadership dimensions indicated that intellectual stimulation had the strongest correlation with both intrinsic and extrinsic job satisfaction. Previous research findings also showed that there is a statically significant positive relationship between transformational leadership and job satisfaction (24, 39).
The result of this study indicated that nurses who were working at Jimma University Specialized Hospital preferred managers who are transformational leaders. This implies that transformational leadership style promotes job satisfaction of nurses leading to improved performance and reducing the turnover of nurses. McClosky and McCain (40) found out that nurses’ job performance increased proportionally with increased job satisfaction. Therefore, nurses managers should consider the following important points:
 The mission and vision of the hospital should be clear to each nurse in order to enable him/her transform the mission and vision into ward objectives;
 Nurses should understand the jointly set goals and the nurse manager should foster innovative thinking to consider the existing working standard in a new way so as to improve individual and team productivity;
 Nurse managers should develop more trust and confidence in their nurses and it isnecessary that the former strive to empower the latter.
 Nurse managers should be good role models for their nurses and avoid applying both management by exception (active and passive), and laissez-faire components because these have either little or adverse contribution to nurses’ job satisfaction.
Furthermore, hospital administrators should facilitate training programs for nurse managers on leadership styles and their effects on job satisfaction in order to enable them to understand the components of effective nursing leadership style. Finally, further investigation on the relationship between transformational and transactional leadership styles and nurses’ job satisfaction in private and public hospitals in Ethiopia in order to critically examine the effects of these two leadership styles on nurses’ job satisfaction is recommended.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ผลการวิจัยครั้งนี้ยังพบว่าทุกมิติของภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงมีความสัมพันธ์กันมากขึ้นบวกกับความพึงพอใจในงานที่แท้จริงกว่าพึงพอใจในงานภายนอก การค้นพบนี้มีความสอดคล้องกับการค้นพบของการศึกษาที่ทำในโรงพยาบาลเอกชนจอร์แดน (24) การเปลี่ยนแปลงความเป็นผู้นำส่งเสริมพนักงานเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานขององค์กรการดำเนินการ (24)ของพนักงานเพิ่มขีดความสามารถมีบทบาทสำคัญในการทำงานของพนักงานเองที่มีประสิทธิภาพซึ่งจะส่งเสริมให้พนักงานมีความพึงพอใจที่แท้จริง (29).
ผลการวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่ายกเว้นรางวัลผูกพันมิติอื่น ๆ ของรูปแบบความเป็นผู้นำการทำธุรกรรมมีความสัมพันธ์อย่างใดอย่างหนึ่งที่อ่อนแอหรือเชิงลบกับความพึงพอใจงานทั้งภายในและภายนอกการค้นพบจากการศึกษาก่อนหน้าชี้ให้เห็นว่าการจัดการโดยข้อยกเว้น (เรื่อย ๆ ) และรูปแบบ laissez-ยุติธรรมนี้เป็นรูปแบบที่มีประสิทธิภาพอย่างน้อยพฤติกรรมของผู้นำ (35) และมีแนวโน้มที่จะมีความสัมพันธ์เชิงลบกับความพึงพอใจในงาน (36)เหตุผลที่ว่าทำไมการจัดการโดยข้อยกเว้น (เรื่อย ๆ ) และขนาด laissez-faire ทั้งสองมีความสัมพันธ์เชิงลบกับความพึงพอใจในงานคือการจัดการข้อยกเว้นเรื่อย ๆ โดยจะทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาภายใต้ความกดดันในการที่จะทำให้เขา / เธอตามมาตรฐานที่ต้องการ แต่มันไม่สนับสนุนบุคคล ทรัพยากร (37) ในขณะที่ผู้นำ laissez-faire ไม่พยายามที่จะทำให้ข้อตกลงกับพนักงานเพื่อกระตุ้นให้พวกเขาเพื่อกำหนดมาตรฐานหรือให้ข้อเสนอแนะ (38).
บนมืออื่น ๆ , ทุกมิติของรูปแบบภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญและความสัมพันธ์ทางบวกกับความพึงพอใจงานทั้งภายในและภายนอกการเปรียบเทียบค่าสัมประสิทธิ์เบต้าของการเปลี่ยนแปลงขนาดของความเป็นผู้นำชี้ให้เห็นว่าการกระตุ้นทางปัญญามีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับความพึงพอใจงานทั้งภายในและภายนอก ผลการวิจัยยังแสดงให้เห็นแล้วว่ามีความสัมพันธ์เชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญแบบคงที่ระหว่างภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงและความพึงพอใจงาน (24, 39).
ผลจากการศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าพยาบาลที่ทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัย Jimma เฉพาะผู้จัดการที่ต้องการโรงพยาบาลที่เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง นี้แสดงให้เห็นว่ารูปแบบภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงส่งเสริมความพึงพอใจในงานของพยาบาลที่นำไปสู่​​การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและลดการหมุนเวียนของพยาบาลmcclosky และแม็คเคน (40) พบว่าการปฏิบัติงานของพยาบาลที่เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนที่มีความพึงพอใจเพิ่มขึ้น ดังนั้นผู้จัดการพยาบาลควรพิจารณาจุดที่สำคัญต่อไปนี้:
พันธกิจและวิสัยทัศน์ของโรงพยาบาลควรมีความชัดเจนกับพยาบาลในแต่ละเพื่อให้เขา / เธอเปลี่ยนภารกิจและวิสัยทัศน์เป็นวัตถุประสงค์วอร์ด;
พยาบาลควรเข้าใจเป้าหมายร่วมกันกำหนดและผู้จัดการพยาบาลควรส่งเสริมให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ที่จะต้องพิจารณามาตรฐานการทำงานที่มีอยู่ในรูปแบบใหม่เพื่อให้เป็นไปปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของแต่ละบุคคลและทีม
ผู้จัดการพยาบาลควรจะพัฒนาความไว้วางใจและความเชื่อมั่นมากขึ้นในหอผู้ป่วยของพวกเขาและมัน isnecessary ว่าอดีตมุ่งมั่นที่จะช่วยให้หลัง.
ผู้จัดการพยาบาลควรจะเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับพยาบาลของพวกเขาและหลีกเลี่ยงการใช้การจัดการโดยทั้งสองข้อยกเว้น (งานและ passive) และส่วนประกอบ laissez-faire เพราะเหล่านี้มีส่วนร่วมอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงเล็กน้อยหรืออาการไม่พึงประสงค์เพื่อความพึงพอใจในงานของพยาบาล.
นอกจากนี้ผู้บริหารโรงพยาบาลควรมีการจัดโปรแกรมการฝึกอบรมสำหรับผู้บริหารโรงพยาบาลเกี่ยวกับรูปแบบความเป็นผู้นำและผลกระทบของพวกเขาในความพึงพอใจในการที่จะช่วยให้พวกเขาที่จะเข้าใจองค์ประกอบของรูปแบบการบริหารการพยาบาลที่มีประสิทธิภาพ ในที่สุด,การตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงและรูปแบบการเป็นผู้นำการทำธุรกรรมและพยาบาล 'พึงพอใจในงานในโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชนในเอธิโอเปียเพื่อที่จะตรวจสอบผลกระทบวิกฤตของทั้งสองรูปแบบการเป็นผู้นำของพยาบาลพึงพอใจในงานจะแนะนำ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผลของงานวิจัยนี้ยังเปิดเผยว่า มี correlated กับความพึงพอใจงาน intrinsic มิติทั้งหมดของภาวะผู้นำไว้เชิงบวกมากขึ้นกว่างานสึกหรอความพึงพอใจ ค้นหานี้จะสอดคล้องกับการค้นหาของการศึกษาที่ทำในโรงพยาบาลเอกชนจอร์แดน (24) ภาวะผู้นำการส่งเสริมอำนาจของพนักงานในการใช้งานฟังก์ชัน (24) อำนาจพนักงานได้เล่นบทบาทสำคัญพนักงานตนเองประสิทธิภาพที่จะส่งเสริมพนักงาน intrinsic ความพึงพอใจ (29) .
ผลการวิเคราะห์ถดถอยหลายเปิดเผยว่า ยกเว้นรางวัลกอง มิติของลักษณะผู้นำทรานแซคชันมีอ่อน หรือลบความสัมพันธ์กับความพึงพอใจทั้งงาน intrinsic และสึกหรอ เชิงลึกระบุว่า การจัดการข้อยกเว้น (passive) และแฟร์ laissez ลักษณะเป็นแบบมีประสิทธิภาพน้อยที่สุดของผู้นำพฤติกรรม (35) และมักจะมีความสัมพันธ์ทางลบกับความพึงพอใจงาน (36) เหตุผลทำไมจัดการ โดยข้อยกเว้น (passive) และ laissez-faire มิติมีความสัมพันธ์ทางลบกับความพึงพอใจงานที่จัดการแฝง ด้วยข้อยกเว้นทำให้ย่อยภายใต้ความดันเพื่อให้ทราบถึงรายละเอียดที่ทำตามมาตรฐานต้อง แต่ไม่สนับสนุนทรัพยากรแต่ละรายการ (37) ในขณะที่ผู้นำ Laissez-faire ทำไม่พยายามที่จะทำข้อตกลงกับพนักงาน การจูงใจพวกเขา การตั้งมาตรฐาน หรือให้ข้อคิดเห็น (38) .
บนมืออื่น ๆ มิติทั้งหมดของรูปแบบภาวะผู้นำได้อย่างมีนัยสำคัญ และบวก correlated กับความพึงพอใจทั้งงาน intrinsic และสึกหรอ เปรียบเทียบค่าสัมประสิทธิ์เบต้าของภาวะผู้นำมิติระบุว่า กระตุ้นทางปัญญามีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับความพึงพอใจทั้งงาน intrinsic และสึกหรอ พบก่อนหน้านี้ยังพบว่า มีความสัมพันธ์ในเชิงบวกฟิกแบบคงสำคัญระหว่างภาวะผู้นำและความพึงพอใจงาน (24, 39) .
ผลการศึกษานี้ระบุที่ nurses ที่ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาล Specialized มหาวิทยาลัย Jimma ต้องการผู้จัดการที่มีภาวะผู้นำ หมายความว่า รูปแบบภาวะผู้นำการส่งเสริมความพึงพอใจในงานของพยาบาลนำไปปรับปรุงประสิทธิภาพ และลดการหมุนเวียนของพยาบาล McClosky และแมคเคน (40) พบว่า พยาบาลปฏิบัติงานเพิ่มตามสัดส่วนกับความพึงพอใจงานที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น ผู้จัดการพยาบาลควรพิจารณาประเด็นสำคัญต่อไปนี้:
คล้ายภารกิจและวิสัยทัศน์ของโรงพยาบาลควรจะล้างการพยาบาลแต่ละเพื่อให้ทราบถึงรายละเอียดการแปลงวิสัยทัศน์และพันธกิจเป็นวัตถุประสงค์ผู้ป่วย;
คล้ายพยาบาลควรทำความเข้าใจร่วมกันกำหนดเป้าหมาย และการจัดการพยาบาลควรส่งเสริมการคิดนวัตกรรมเพื่อพิจารณาที่มีอยู่ที่การทำงานมาตรฐานในรูปแบบใหม่เพื่อปรับปรุงแต่ละ และทีมผลิต;
คล้ายผู้จัดการพยาบาลควรพัฒนาเพิ่มเติมความน่าเชื่อถือและความมั่นใจในการพยาบาลและ isnecessary ที่เดิมเป็นการเพิ่มพลังหลัง
คล้ายผู้จัดการพยาบาลควรมีบทบาทรูปแบบที่ดีสำหรับพยาบาลของพวกเขา และหลีกเลี่ยงการใช้การจัดการ โดยข้อยกเว้น (การใช้งานและ passive), และ laissez-faire ประกอบเนื่องจากเหล่านี้มีทั้งน้อยบริจาคร้ายเพื่อความพึงพอใจงานของพยาบาล
Furthermore ผู้ดูแลโรงพยาบาลควรช่วยฝึกอบรมผู้บริหารการพยาบาลในลักษณะเป็นผู้นำและผลความพึงพอใจในงานเพื่อให้พวกเขาเข้าใจส่วนประกอบของมีประสิทธิภาพพยาบาลลักษณะความเป็นผู้นำ สุดท้าย ขอแนะนำให้ตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างลักษณะทรานแซคชัน และภาวะผู้นำและความพึงพอใจงานของพยาบาลในโรงพยาบาล และภาครัฐในประเทศเอธิโอเปียเพื่อตรวจสอบถึงผลของลักษณะเหล่านี้เป็นผู้นำ 2 การพยาบาลงานความพึงพอใจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผลที่ได้จากการวิจัยนี้ยังเปิดเผยว่าขนาดทั้งหมดของยากไร้ด้อยโอกาสให้เปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นผู้นำมีความสัมพันธ์ในเชิงบวกมากกว่าพร้อมด้วยความพึงพอใจในการทำงานพิสดารมากกว่าความพึงพอใจในการทำงาน ภายนอก การค้นหานี้มีความสอดคล้องกับการค้นหาที่ใช้ในการศึกษาที่ทำในโรงพยาบาลส่วนตัวตามแบบ Jordanian ( 24 ) ยากไร้ด้อยโอกาสให้เปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นผู้นำและส่งเสริมให้เกิดของพนักงานในการทำงานขององค์กร( 24 )เพิ่ม ศักยภาพ และโอกาสของพนักงานมีบทบาทสำคัญที่พนักงานในแบบบริการตัวเองซึ่งมี ประสิทธิภาพ ในการส่งเสริมให้เกิดความพึงพอใจในเนื้อแท้ของพนักงาน ( 29 )..
การวิเคราะห์ผลการศึกษาพบว่าหลายรางวัลซึ่งอาจเกิดขึ้นได้แต่ขนาดอื่นๆของสไตล์ความเป็นผู้นำด้านการมีความสัมพันธ์ทั้งอ่อนหรือลบด้วยความพึงพอใจในการทำงานทั้ง ภายใน และ ภายนอกจากการสำรวจของการศึกษาก่อนหน้าระบุว่าการจัดการโดยสไตล์ข้อยกเว้น(แบบแพสซีฟ)และปล่อย - ดีมีรูปแบบอย่างน้อยมีผลบังคับใช้ของพฤติกรรมผู้นำ( 35 )และมีแนวโน้มในการมีความสัมพันธ์เชิงลบด้วยความพึงพอใจในการทำงาน( 36 )ให้เหตุผลว่าทำไมทั้งการจัดการโดยยกเว้น(แบบแพสซีฟ)และเสรีนิยมขนาดมีค่าติดลบความสัมพันธ์กับงานความพึงพอใจอยู่ที่การจัดการแบบพาสซีฟโดยยกเว้นจะทำให้ได้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาอยู่ ภายใต้ แรงกดดันในการสั่งซื้อจะทำให้เขา/เธอทำตามที่ต้องการมาตรฐานแต่ไม่สนับสนุนเฉพาะทรัพยากร( 37 )ในขณะที่เสรีนิยมผู้นำไม่ได้พยายามที่จะทำให้สัญญาที่ทำกับพนักงานในการช่วยกระตุ้นให้พวกเขาในการตั้งค่ามาตรฐานหรือให้ความคิดเห็น( 38 ). N ในอีกด้านหนึ่งที่ขนาดของสไตล์ยากไร้ด้อยโอกาสให้เปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นผู้นำได้อย่างมีนัยสำคัญในเชิงบวกและความสัมพันธ์กับความพึงพอใจในการทำงานทั้ง ภายใน และ ภายนอกการเปรียบเทียบ coefficients เบต้าของขนาดยากไร้ด้อยโอกาสให้เปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นผู้นำทางปัญญาระบุไว้ที่การกระตุ้นมากที่สุดมีความสัมพันธ์ที่มีความพึงพอใจในการทำงานทั้ง ภายใน และ ภายนอก ค้นพบจากงานวิจัยยังพบว่าก่อนหน้ามีความสัมพันธ์ในเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญรูปแบบสแตติกระหว่างยากไร้ด้อยโอกาสให้เปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นผู้นำและความพึงพอใจในการทำงาน( 2439 )..
ผลที่ได้จากการศึกษาวิจัยนี้ระบุว่านางพยาบาลที่มีการทำงานที่มีความเชี่ยวชาญ jimma มหาวิทยาลัยโรงพยาบาลที่ต้องการผู้จัดการที่ยากไร้ด้อยโอกาสให้เปลี่ยนแปลงไปสู่เป็นผู้นำ โรงแรมแห่งนี้มีสไตล์ที่ยากไร้ด้อยโอกาสให้เปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นผู้นำด้านส่งเสริมให้เกิดความพึงพอใจในการทำงานของพยาบาลนำไปสู่ ประสิทธิภาพ การทำงานดีขึ้นและรายได้จากการลดของพยาบาลmcclosky และ mccain ( 40 )พบว่าผลการปฏิบัติงานของพยาบาลเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนพร้อมด้วยความพึงพอใจในการทำงานเพิ่มขึ้น ดังนั้นผู้จัดการพยาบาลควรพิจารณาจุดที่สำคัญต่อไปนี้:
วิสัยทัศน์และพันธกิจของโรงพยาบาลที่ควรมีความชัดเจนในการให้นมลูกแต่ละครั้งในการเปิดใช้งานเขา/เปลี่ยนวิสัยทัศน์และพันธกิจที่เข้าไปในคุกตามวัตถุประสงค์ของเธอ
พยาบาลควรทำความเข้าใจร่วมกันการตั้งเป้าหมายและพยาบาลผู้จัดการควรจะส่งเสริมนวัตกรรมใหม่ในการพิจารณาความคิดที่มีอยู่การทำงานแบบมาตรฐานในวิธีการใหม่เพื่อเพิ่มบุคคลและทีมงานในการทำงาน;
พยาบาลผู้จัดการควรจะพัฒนามากขึ้นความไว้วางใจและความเชื่อมั่นในการพยาบาลและ isnecessary ว่าอดีตจะพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะเพิ่ม ประสิทธิภาพ ให้กับที่หลัง.
ผู้จัดการฝ่ายไอทีพยาบาลควรจะเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับพยาบาลและหลีกเลี่ยงการใช้ทั้งการจัดการโดยมีข้อยกเว้น(ใช้งานอยู่และแพสซีฟ)และคอมโพเนนต์เสรีนิยมเพราะเหล่านี้มีทั้งสนับสนุนน้อยหรือสวนทางกับความพึงพอใจในการทำงานของพยาบาล.
ยิ่งไปกว่านั้นผู้ดูแลระบบโรงพยาบาลจะช่วยให้โปรแกรมการฝึกอบรมสำหรับผู้จัดการพยาบาลในสไตล์และความเป็นผู้นำของที่มีต่อความพึงพอใจในการทำงานในการสั่งซื้อเพื่อเปิดใช้งานให้ทำความเข้าใจส่วนประกอบต่างๆของสไตล์ความเป็นผู้นำดูแลประคบประหงมอย่างมี ประสิทธิภาพ ในที่สุดการสืบสวนต่อไปในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างความพึงพอใจในการทำงานของแพทย์พยาบาลและสไตล์ยากไร้ด้อยโอกาสให้เปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นผู้นำและการทำงานในโรงพยาบาลเอกชนและสาธารณะในเอธิโอเปียในการสั่งซื้อเพื่อทำการตรวจสอบผลกระทบของสองรูปแบบความเป็นผู้นำเหล่านี้ในความพึงพอใจในการทำงานของแพทย์พยาบาลต้องใช้ความระมัดระวังเป็นที่แนะนำ