Using the circular overlay in Figur

Using the circular overlay in Figure 1(a), now suppose that peer 3 wants to determine which peer in the DHT is responsible for key 11 [either for inserting or querying for a (key-value) pair]. Using the circular overlay, the origin peer (peer 3) creates a message saying "Who is responsible for key 11?" and sends this message to its successor, peer 4. Whenever a peer receives such a message, because it knows the identifier of its successor, it can determine whether it is responsible (that is, Closest to) the key in question. If a peer is not responsible for the key, it simply sends the message to its successor. So, for instance, when peer 4 receives the message asking about key 11, it determines that it is not responsible for the key (because its successor is closer to the key), so it just passes the message to its own successor, namely, peer 5. This process continues until the message arrives at peer 12, who determines that it is the closest peer to key 11. At this point, peer 12 can send a message back to the origin, peer 3, indicating that it is responsible for key 11.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ใช้ซ้อนวงกลมในรูป 1(a) ตอนนี้สมมติว่าที่เพื่อนต้องการ 3 การตรวจสอบซึ่งเพื่อนใน DHT รับผิดชอบการคีย์ 11 [อย่างใดอย่างหนึ่งสำหรับการแทรก หรือการสอบถามสำหรับคู่ (คีย์ค่า)] ใช้ซ้อนวงกลม กำเนิดเพียร์ (peer 3) สร้างข้อความว่า "ที่รับผิดชอบคีย์ 11 " และส่งข้อความนี้เพื่อทำการต่อ เพื่อน 4 เมื่อแบบเพียร์ได้รับข้อความดังกล่าว เพราะมันรู้ว่ารหัสของผู้สืบ มันสามารถตรวจสอบว่า จะรับผิดชอบ (นั่นคือ ใกล้สุดไป) คีย์การสอบถาม ถ้าไม่ชอบปุ่มแบบเพียร์ มันเพียงแค่ส่งข้อความไปทำการต่อ ดังนั้น เช่น เมื่อเพื่อน 4 ได้รับข้อความถามเกี่ยวกับคีย์ 11 กำหนดว่า จะไม่รับผิดชอบการคีย์ (เนื่องจากทดอยู่ใกล้กับปุ่ม) ดังนั้นมันเพียงผ่านข้อความไปสืบเอง ได้แก่ เพื่อน 5 กระบวนการนี้ต่อไปจนกระทั่งข้อความมาที่เพียร์ 12 ที่กำหนดว่า เป็นเพียร์ที่ใกล้เคียงกับคีย์ 11 ที่จุดนี้ เพียร์ 12 สามารถส่งข้อความกลับไปจุดเริ่มต้น เพียร์ 3 แสดงว่า มันรับผิดชอบสำหรับคีย์ 11

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โดยใช้การซ้อนทับวงกลมในรูปที่ 1 (ก) ตอนนี้คิดว่าเพียร์ 3 ต้องการที่จะตรวจสอบว่าเพื่อนใน DHT เป็นผู้รับผิดชอบสำหรับคีย์ 11 [ทั้งสำหรับใส่หรือสอบถามสำหรับ (ค่าคีย์) คู่] โดยใช้การซ้อนทับวงกลมต้นกำเนิด (peer 3) สร้างข้อความว่า "ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบสำหรับคีย์ 11?" และส่งข้อความนี้ไปยังทายาทของเพียร์ 4. เมื่อใดก็ตามที่เพียร์ได้รับข้อความดังกล่าวเพราะมันรู้ว่าตัวบ่งชี้ของทายาทที่จะสามารถตรวจสอบว่ามันเป็นความรับผิดชอบ (นั่นคือใกล้เคียงกับ) ที่สำคัญในคำถาม หากเพียร์จะไม่รับผิดชอบสำหรับคีย์มันก็ส่งข้อความไปยังทายาท ดังนั้นสำหรับตัวอย่างเช่นเมื่อเพียร์ 4 ได้รับข้อความถามเกี่ยวกับคีย์ 11 จะกำหนดว่ามันจะไม่รับผิดชอบสำหรับคีย์ (เพราะทายาทเป็นผู้ใกล้ชิดไปยังคีย์) ดังนั้นมันก็ผ่านข้อความไปยังทายาทของตัวเองคือ เพียร์ 5. กระบวนการนี​​้อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะมีข้อความมาถึงที่เพียร์ 12 ที่กำหนดว่าจะเป็นเพื่อนที่อยู่ใกล้สำคัญ 11. ณ จุดนี้เพียร์ 12 สามารถส่งข้อความกลับไปยังต้นกำเนิด, เพียร์ 3 แสดงให้เห็นว่ามันเป็นความรับผิดชอบสำหรับ ที่สำคัญ 11

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ใช้ซ้อนทับวงกลมในรูป 1 ( a ) ตอนนี้คิดว่าเพื่อนต้องการหาเพื่อนซึ่ง DHT รับผิดชอบคีย์ 11 [ ทั้งการแทรกหรือค้นหา ( ค่าคีย์ ) คู่ ] ใช้ซ้อนทับวงกลมกำเนิดเพื่อน ( เพื่อน 3 ) สร้าง ข้อความว่า " ใครเป็นผู้รับผิดชอบหลัก 11 ? และส่งข้อความนี้เป็นผู้สืบทอดจาก 4 เมื่อใดก็ตามที่เพื่อนได้รับข้อความดังกล่าว เพราะมันรู้จักตัวของทายาทของมัน มันสามารถตรวจสอบว่า มันเป็นหน้าที่ ( ที่สำคัญที่สุด ) ในคำถาม ถ้าเพื่อนไม่รับผิดชอบสำหรับคีย์ มันเพียงแค่ส่งข้อความถึงผู้สืบทอดของ ดังนั้นตัวอย่างเช่นเมื่อเพื่อน 4 ได้รับข้อความถามเกี่ยวกับคีย์ 11 , ตัดสินว่ามันไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบหลัก ( เพราะผู้สืบทอดของมันอยู่ใกล้กับคีย์ ) , ดังนั้นมันก็ผ่านข้อความของตัวเองทายาท คือ เพื่อน 5 กระบวนการนี้อย่างต่อเนื่องจนมาถึงเพื่อน 12 ข้อความที่กำหนดว่ามันเป็นเพื่อนใกล้คีย์ 11 ณจุดนี้เพื่อน 12 สามารถส่งข้อความกลับไปจุดเริ่มต้นจาก 3 , ระบุว่าเป็นผู้รับผิดชอบหลัก 11