However the most serious troubles S

However the most serious troubles Steve had to face in recent years were not legal ones, but medical ones: in October 2003, while performing a routine abdominal scan, doctors discovered a tumor growing in his pancreas. Usually a pancreatic cancer is quick to kill you — but not in Steve’s case. He was suffering from an islet cell neuroendocrine tumor, one that can be removed by surgery and usually leave the patient with some ten more years on earth, or more.

But Steve Jobs was no ordinary patient. True to the Eastern mysticism of his youth and his strange yet deep beliefs about medicine and food, he stubbornly refused to have the surgery, sticking to a special diet that he thought would cure him from his cancer. This lasted for nine long months, while his family and Apple’s top people got increasingly concerned about him. However, observing that his situation was not improving, he reluctantly agreed to have the surgery in August 2004, at the Stanford Medical Center. It was only then that the news were made public, with Steve himself writing a letter to Apple employees from his hospital bed. He took one month off and came back as CEO in September, assuring everyone he was “cured.” This first event was felt as a shock by the Apple community worldwide, but it was even more shocking to the company’s shareholders, who argued that they should have been aware of the CEO’s diagnosis early on, given his importance to the company. Most lawyers did agree that such move wasn’t mandatory though, since Jobs had a right to protect his privacy.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อย่างไรก็ตามปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดสตีฟต้องเผชิญในปีที่ผ่านมาไม่ได้คนตามกฎหมาย แต่คนทางการแพทย์: ในเดือนตุลาคมปี 2003 ในขณะที่ประสิทธิภาพการสแกนประจำท้องแพทย์ค้นพบการเจริญเติบโตของเนื้องอกในตับอ่อนของเขา มักจะเป็นโรคมะเร็งตับอ่อนมีความรวดเร็วที่จะฆ่าคุณ - แต่ไม่ได้อยู่ในกรณีของสตีฟ เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากเซลล์เนื้องอก neuroendocrine เกาะที่หนึ่งที่สามารถถอดออกได้โดยการผ่าตัดและมักจะออกจากผู้ป่วยที่มีหลายสิบปีที่ผ่านมาบนโลกหรือมากกว่า. แต่สตีฟจ็อบส์ไม่ได้เป็นผู้ป่วยสามัญ ทรูกับเวทย์มนต์ตะวันออกของเยาวชนและยังแปลกของเขาความเชื่อลึก ๆ ของเขาเกี่ยวกับยาและอาหารที่เขาตะแบงปฏิเสธที่จะมีการผ่าตัดที่ติดกับอาหารพิเศษที่เขาคิดว่าจะรักษาเขาจากโรคมะเร็งของเขา นี้กินเวลานานถึงเก้าเดือนยาวในขณะที่ครอบครัวและผู้คนบนแอปเปิ้ลของเขามีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับตัวเขา แต่สังเกตว่าสถานการณ์ของเขาไม่ได้ดีขึ้นเขาก็เห็นด้วยอย่างไม่เต็มใจที่จะมีการผ่าตัดในเดือนสิงหาคม 2004 ที่ศูนย์การแพทย์สแตนฟอ มันเป็นเพียงแล้วว่าข่าวที่ถูกทำให้ประชาชนกับสตีฟตัวเองเขียนจดหมายให้กับพนักงานแอปเปิ้ลจากเตียงในโรงพยาบาลของเขา เขาเอาหนึ่งเดือนออกและกลับมาเป็นซีอีโอในเดือนกันยายนมั่นใจทุกคนเขาเป็น "หาย." เหตุการณ์นี้เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าเป็นช็อตโดยชุมชนแอปเปิ้ลทั่วโลก แต่มันก็ยิ่งน่าตกใจมากขึ้นเพื่อให้ผู้ถือหุ้นของ บริษัท ฯ ที่เป็นที่ถกเถียงกันว่าพวกเขา ควรจะได้รับการตระหนักถึงการวินิจฉัยของซีอีโอในช่วงต้นของเขาให้ความสำคัญกับ บริษัท ทนายความส่วนใหญ่ไม่ยอมรับว่าการย้ายดังกล่าวไม่ได้บังคับ แต่เนื่องจากงานมีสิทธิ์ที่จะปกป้องความเป็นส่วนตัวของเขา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แต่ที่ร้ายแรงที่สุดปัญหาสตีฟต้องเผชิญในปีล่าสุดไม่ได้อยู่ที่กฎหมาย แต่ทางการแพทย์ : ในเดือนตุลาคม 2003 ขณะปฏิบัติกิจวัตร scan ท้อง แพทย์ตรวจพบเนื้องอกในตับอ่อน การเติบโตของเขา โดยปกติมะเร็งได้อย่างรวดเร็วเพื่อฆ่าคุณ - แต่ไม่ใช่ในกรณีสตีฟ . เขาถูกทรมานจากแก่งต่อเซลล์เนื้องอกหนึ่งที่สามารถลบออกได้โดยการผ่าตัด และมักจะให้ผู้ป่วยมีมากกว่าสิบปีในแผ่นดินหรือมากกว่า

แต่สตีฟจ็อบส์ไม่มีคนไข้ธรรมดา จริงกับเวทมนตร์ตะวันออกของเยาวชนของเขาและที่แปลกแต่ลึก ความเชื่อเกี่ยวกับยา และอาหาร เขาไม่ยอมเข้ารับการผ่าตัด ผสานกับอาหารสุดพิเศษ ที่เขาคิดว่าจะรักษาเขาให้หายจากโรคมะเร็งของเขานี้เวลา 9 เดือนที่ยาวนาน ในขณะที่ครอบครัวของเขาและคนด้านบนของแอปเปิ้ลมีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับเขา อย่างไรก็ตาม สังเกตว่า สถานการณ์ของเขาไม่ได้ปรับปรุง เขาเต็มใจตกลงที่จะเข้ารับการผ่าตัดในเดือนสิงหาคม 2004 ที่สแตนฟอร์ดศูนย์การแพทย์ มันเป็นเพียงแล้วที่ข่าวนี้ถูกเผยแพร่ กับ สตีฟ เขาเขียนจดหมายถึงพนักงานแอปเปิ้ลจากเตียงในโรงพยาบาลของเขาเขาใช้เวลาหนึ่งเดือน แล้วกลับมาเป็นซีอีโอในเดือนกันยายน มั่นใจทุกคนเขา " หายขาด " เหตุการณ์นี้เป็นครั้งแรกรู้สึกตกใจโดยแอปเปิ้ลชุมชนทั่วโลก แต่มันก็ยิ่งตกตะลึงกับผู้ถือหุ้นของ บริษัท ที่เสนอว่าพวกเขาควรได้รับทราบของซีอีโอ วินิจฉัยใน , ให้เขาให้ความสำคัญกับบริษัททนายความส่วนใหญ่เห็นด้วยว่าย้ายไม่ได้บังคับ แต่เนื่องจากงานมีสิทธิที่จะปกป้องความเป็นส่วนตัว