Facundo Bacardí Massó, a Spanish wi

Facundo Bacardí Massó, a Spanish wine merchant, was born in Sitges, Catalonia, Spain, in 1814, and emigrated to Cuba in 1830. During this period, rum was cheaply made and not considered a refined drink, and rarely sold in upmarket taverns. Facundo began attempting to "tame" rum by isolating a proprietary strain of yeast still used in Bacardi production. This yeast gives Bacardi rum its flavour profile. After experimenting with several techniques he hit upon filtering the rum through charcoal, which removed impurities. In addition to this, Facundo aged the rum in white oak barrels, which had the effect of mellowing the drink. The final product was the first clear, or "white" rum in the world.

Moving from the experimental stage to a more commercial endeavour, he and his brother José set up a Santiago de Cuba distillery they bought in 1862, which housed a still made of copper and cast iron. In the rafters of this building lived fruit bats – the inspiration for the Bacardi bat logo.[8]

The 1880s and 90s were turbulent times for Cuba and the company. Emilio Bacardi, Don Facundo's eldest son, was repeatedly imprisoned and was exiled from Cuba for having fought in the rebel army against Spain in the Cuban War of Independence.[9]

Emilio's brothers, Facundo and José, and his brother-in-law Henri (Don Enrique) Schueg, remained in Cuba with the difficult task of sustaining the company during a period of war. The women in the family were exiled in Kingston, Jamaica. After the Cuban War of Independence and the US occupation of Cuba, "The Original Cuba Libre" and the Daiquiri were both created, using Bacardi rum.[10] In 1899 US General Leonard Wood appointed Emilio Bacardi Mayor of Santiago de Cuba.

In 1912, Emilio Bacardi travelled to Egypt, where he purchased a mummy (still on display) for the future Emilio Bacardi Moreau Municipal Museum in Santiago de Cuba.[11] In Santiago, his brother Facundo M. Bacardí continued to manage the company along with Schueg, who began the company's international expansion by opening bottling plants in Barcelona (1910) and New York City (1915).[12] The New York plant was soon shut down due to Prohibition, yet during this time Cuba became a hotspot for US tourists.

In 1922 Emilio opened a new distillery in Santiago. In 1930 Schueg opened the Art Deco Bacardi building in Havana and the third generation of the Bacardí family entered the business. Facundito Bacardí was known to have invited Americans (still subject to Prohibition) to "Come to Cuba and bathe in Bacardi rum."[11] A new product was introduced: Hatuey beer.


The "Cathedral of Rum" at the Bacardi distillery in Cataño, Puerto Rico, near San Juan
Bacardi's transition into an international brand was due mostly to Schueg's "business genius"; Schueg "branded Cuba as the home of rum, and Bacardi as the king of rums" and expanded overseas, first to Mexico (1931), then to Puerto Rico (1936), under the brand name Ron Bacardi. (Ron is the Spanish word for rum). Post-Prohibition production in Puerto Rico enabled rum to be sold tariff-free in the US.[13] He then expanded to the United States (1944).[14]

During World War II, the company was led by Schueg's son-in-law, José "Pepin" Bosch. Pepin founded Bacardi Imports in New York City, and became Cuba's Minister of the Treasury in 1949.

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

facundo bacard íมวลó พ่อค้าไวน์สเปน เกิดในซิตเกส , สเปน , สเปน , ใน 1814 และอพยพไปยังคิวบาใน 1830 ในระหว่างนี้ รำให้ถูกและไม่ถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่กลั่นและไม่ค่อยขายในยี่ห้อ โรงเหล้า facundo เริ่มพยายามที่จะ " เชื่อง " รัมโดยการแยกสายพันธุ์ของยีสต์ที่ใช้ในบาคาซึ่งยังคงผลิต ยีสต์นี้จะช่วยให้รสเหล้ารัมบาคาโปรไฟล์ของ หลังจากการทดสอบกับหลายเทคนิคเขาตีเมื่อกรองรัมผ่านถ่านที่กำจัดสิ่งสกปรก นอกจากนี้ facundo อายุเหล้ารัมสีขาวบาร์เรลโอ๊ก ซึ่งได้ผล mellowing เครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์สุดท้ายเป็นครั้งแรกที่ชัดเจน หรือ " สีขาว " รัม ใน โลกย้ายจากเวทีทดลองกับความพยายามเชิงพาณิชย์มากขึ้น เขาและน้องชายโฮเซตั้งซานติอาโกเดอคิวบา ) ที่พวกเขาซื้อใน 1862 ซึ่งตั้งอยู่ยังทำจากทองแดง และเหล็กหล่อ ในซากตึกนี้อยู่ค้างคาวผลไม้และแรงบันดาลใจสำหรับบาคาร์ดี้ค้างคาว [ 8 ] โลโก้คริสต์ทศวรรษ 1860 และ 90s เป็นช่วงเวลาที่วุ่นวายสำหรับคิวบา และบริษัท เอมิลิโอ บาคาร์ดี้ ลูกชายคนโตของนาย facundo ถูกขังและถูกเนรเทศจากคิวบา ๆสำหรับการต่อสู้ในกองทัพกบฏต่อต้านสเปนในสงครามอิสรภาพของคิวบา [ 9 ]เอมิลิโอ พี่ชายของ facundo และโฮเซ และพี่เขย เฮนรี่ ( ดอนเอนริเก้ ) schueg , ยังคงอยู่ในคิวบากับงานที่ยากของการรักษา บริษัท ในช่วงระยะเวลาของสงคราม ผู้หญิงในครอบครัวที่ถูกเนรเทศใน คิงสตัน จาไมก้า หลังจากที่สงครามคิวบาของความเป็นอิสระและเรายึดครองคิวบา " เดิมคิวบา Libre " และไดคิวรี่ถูกสร้างโดยใช้บาคาดี้รัม [ 10 ] ใน 1899 เราทั่วไปเลนเนิร์ดไม้ตกแต่ง เอมิลิโอ บาคาร์ดี้ นายกเทศมนตรีของซันติอาโกเดอคิวบาในปี 1912 , เอมิลิโอ บาคาร์ดี้เดินทางไปอียิปต์ ซึ่งเขาซื้อมัมมี่ ( ยังบนจอแสดงผล ) สำหรับอนาคต เอมิลิโอ บาคาร์ดี้ มอร์โรว เทศบาลพิพิธภัณฑ์ในซันติอาโกเดอคิวบา [ 11 ] ใน ซันติอาโก , พี่ชายของเขา facundo ม. bacard íยังคงจัดการ บริษัท พร้อมกับ schueg , ที่เริ่มต้นของ บริษัท ขยายตัวระหว่างประเทศ โดยเปิดโรงงานบรรจุน้ำอัดลม ในบาร์เซโลนา ( 1910 ) และนิวยอร์ก ( 1915 ) [ 12 ] นิวยอร์กโรงงานแล้วปิดตัวลงเนื่องจากการห้าม แต่ในเวลาที่คิวบากลายเป็นฮอตสปอตสำหรับนักท่องเที่ยวในปี 1922 เอมิลิโอ เปิดน้ำใหม่ใน Santiago ในปี 1930 schueg เปิด Art Deco บาคาอาคารในฮาวานาและรุ่นที่สามของ bacard íครอบครัวเข้าสู่ธุรกิจ facundito bacard เมืองเป็นที่รู้จักกันได้เชิญชาวอเมริกัน ( ยังต้องห้าม ) " มาคิวบาและอาบบาคาดี้รัม " [ 11 ] ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้รับการแนะนำ : hatuey เบียร์" คารัม " ที่บาคาร์ดีโรงกลั่นสุราใน CATA á o ซานฮวน , เปอร์โตริโก , ใกล้บาคาร์ดี้ก็เปลี่ยนเป็นแบรนด์ต่างประเทศคือเนื่องจากส่วนใหญ่จะ schueg " ธุรกิจอัจฉริยะ " ; schueg " ตราคิวบาเป็นหน้าแรกของรัมบาคาร์ดีและเป็นกษัตริย์ของ rums " และการขยายตัวในต่างประเทศครั้งแรกในเม็กซิโก ( 1931 ) จากนั้นไปเปอร์โตริโก ( 1936 ) , ภายใต้ชื่อแบรนด์รอนบาคา . ( รอน เป็นคำภาษาสเปนสำหรับเหล้ารัม ) โพสต์ในการห้ามผลิตเหล้ารัมเปอร์โตริโกเปิดขายสินค้าฟรีในสหรัฐอเมริกา . [ 13 ] เขาแล้วขยายไปยังสหรัฐอเมริกา ( 1944 ) [ 14 ]ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง บริษัทถูกนำโดยลูกเขย schueg , โฮเซ " แปง " Bosch เปปนก่อตั้งเข้าบาคาร์ดีในนิวยอร์ก และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของคิวบาในปี 1949