Given that technology is both creat

Given that technology is both creative and destructive, wouldn't it be better to have a public discourse about it that accepted this uncomfortable truth? Obviously yes. So why doesn't it happen? One answer, suggested many years ago by the great cultural critic Neil Postman is that we live in what he called a "technopoly", that is to say a society in which technology is effectively deified.

"Because of its lengthy, intimate and inevitable relationship with culture," Postman wrote, "technology does not invite a close examination of its own consequences. It is the kind of friend that asks for trust and obedience, which most people are inclined to give because its gifts are truly bountiful. But, of course, there is a dark side to this friend… it creates a culture without a moral foundation. It undermines certain mental processes and social relations that make human life worth living. Technology, in sum, is both friend and enemy.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ระบุว่าเทคโนโลยีเป็นการสร้างสรรค์ และทำลาย จะไม่ดีต้องมีวาทกรรมสาธารณะเกี่ยวกับเรื่องที่ยอมรับความจริงนี้ไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าใช่ ดังนั้น ทำไมไม่เกิด คำตอบหนึ่ง แนะนำมา โดยนักวิจารณ์ทางวัฒนธรรมดีนีลบุรุษไปรษณีย์คือ ว่า เราอยู่ในสิ่งที่เขาเรียกว่าเป็น "technopoly" กล่าวคือสังคมที่เทคโนโลยีมีประสิทธิภาพบวงสรวง"เนื่องจากความยาว ใกล้ชิด และหลีกเลี่ยงไม่ได้สัมพันธ์กับวัฒนธรรม บุรุษไปรษณีย์เขียน "เทคโนโลยีไม่เชิญสอบปิดผลของตนเอง มันเป็นชนิดของเพื่อนที่ขอรับความไว้วางใจและเชื่อฟัง ซึ่งคนส่วนใหญ่เอียงให้เนื่องจากของขวัญแท้จริงไป แต่ แน่นอน มีด้านมืดนี้เพื่อน...สร้างวัฒนธรรม โดยไม่มีรากฐานทางศีลธรรม มันทำลายความสัมพันธ์ทางสังคมที่ทำให้ชีวิตมูลค่าที่อยู่อาศัยของมนุษย์และกระบวนการทางจิตบางอย่าง เทคโนโลยี ผลรวม เป็นทั้งเพื่อนและศัตรู

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ระบุว่าเทคโนโลยีมีทั้งความคิดสร้างสรรค์และทำลายมันจะไม่ดีกว่าที่จะมีวาทกรรมของประชาชนเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ได้รับการยอมรับความจริงนี้อึดอัด? เห็นได้ชัดว่าใช่ เหตุใดจึงไม่ได้เกิดขึ้น? คำตอบหนึ่งปัญหาหลายปีที่ผ่านมาโดยนักวิจารณ์วัฒนธรรมที่ดีนีล Postman คือการที่เราอาศัยอยู่ในสิ่งที่เขาเรียกว่า "technopoly" กล่าวคือสังคมที่เทคโนโลยีมีการ deified ได้อย่างมีประสิทธิภาพ. "เพราะความยาวความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและหลีกเลี่ยงไม่ได้ กับวัฒนธรรม "Postman เขียน" เทคโนโลยีไม่ได้เชิญใกล้สอบผลกระทบของตัวเอง. มันเป็นชนิดของเพื่อนที่ขอให้ความไว้วางใจและการเชื่อฟังซึ่งคนส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะให้เพราะของขวัญที่มีความอุดมสมบูรณ์อย่างแท้จริง. แต่ของ แน่นอนว่ายังมีด้านมืดให้เพื่อนนี้ ... มันจะสร้างวัฒนธรรมโดยไม่ต้องมีรากฐานทางศีลธรรม. มันทำลายกระบวนการทางจิตบางอย่างและความสัมพันธ์ทางสังคมที่ทำให้ชีวิตของมนุษย์ชีวิตที่คุ้มค่า. เทคโนโลยีในผลรวมเป็นทั้งเพื่อนและศัตรู

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ระบุว่า เทคโนโลยีมีทั้งสร้างสรรค์และทำลาย มันจะดีกว่าที่จะมีวาทกรรมสาธารณะเกี่ยวกับมัน ที่ ยอมรับ ความจริง อึดอัดนี้ แน่นอนครับ แล้วทำไมมันไม่ขึ้น คำตอบเดียวที่พบเมื่อหลายปีก่อน โดยนักวิจารณ์ทางวัฒนธรรมที่ดีนีลบุรุษไปรษณีย์ที่เราอาศัยอยู่ในสิ่งที่เขาเรียกว่า " technopoly " กล่าวคือ เป็นสังคมที่เป็นเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพเทพเจ้าของที่ ." เพราะมันยาว ความสัมพันธ์ใกล้ชิดและหลีกเลี่ยงไม่ได้กับวัฒนธรรม " บุรุษไปรษณีย์เขียน , " เทคโนโลยีไม่เชิญตรวจสอบการปิดของผลของมันเอง มันเป็นชนิดของเพื่อนที่ขอเชื่อและการเชื่อฟัง ซึ่งคนส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะให้ เพราะของขวัญของที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง แต่ แน่นอน , มีด้านมืดกับเพื่อน . . . . . . . นี้มันสร้างวัฒนธรรมไร้รากฐานทางศีลธรรม มันเป็นการทำลายกระบวนการทางจิตบางอย่างและความสัมพันธ์ทางสังคมที่ทำให้ชีวิตดำรงอยู่ เทคโนโลยีในผลรวมเป็นทั้งเพื่อนและศัตรู