ตามหลักฐานพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเ การแปล - ตามหลักฐานพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเ ไทย วิธีการพูด

ตามหลักฐานพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกส

ตามหลักฐานพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ ปรากฏว่า พระยาภักดีชุมพล หรือ เจ้าพ่อพญาแล เดิมเป็นคนเวียงจันทร์ ชื่อ “ท้าวแล” รับราชการอยู่ในวังทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงราชบุตรของเจ้าอนุวงศ์เมืองเวียงจันทร์


ในราวปีพุทธศักราช ๒๓๖o แต่จะเป็นเพราะเหตุใดไม่ปรากฏ ทำให้ท้าวแลออกจากราชสำนัก แล้วอพยพครอบครัวและรวบรวมสมัครพรรคพวกได้ประมาณร้อยกว่าคนเศษ เดินทางมาจากเมืองเวียงจันทร์ ข้ามแม่น้ำโขงที่เมืองชัยบุรี เพราะเป็นที่ตื้นเขิน สะดวกในการลำเลียผู้คนและเสบียงอาหาร เดินทางมาถึงหนองบัวลำภู ได้พำนักอยู่ ณ ที่แห่งนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือนเศษ ท้าวแลเห็นว่าหนองบัวลำภูเป็นสถานที่ที่ยังไม่เหมาะสมที่จะตั้งถิ่นฐานจึงได้อพยพครอบครัวพร้อมด้วยพรรคพวกเดินทางต่อไปหาที่อยู่แห่งใหม่ถึงบ้านน้ำขุ่น หนองอีจาน ลำตะคลอง ปัจจุบันอยู่ในท้องที่อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมาได้ประกอบอาชีพอยู่ที่แห่งนี้ ในปีพุทธศักราช ๒๓๖๒ การประกอบอาชีพที่บ้านน้ำขุ่น หนองอีจาน ลำตะคลอง เริ่มฝืดเคือง ท้าวแลได้เสาะแสวงหาทำเลแห่งใหม่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ ปรากฏว่าได้พบที่แห่งใหม่ที่โนนน้ำอ้อมปัจจุบันอยู่ในท้องที่บ้านชีลอง ตำบลชีลอง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ


ท้าวแลเป็นผู้มีความสามารถ ซื่อสัตย์ สุจริต และมีบุคลิกลักษณะพิเศษกว่าบุคคลอื่นๆ จึงได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้า โดยใช้การปกครองในลักษณะพี่ปกครองน้อง สั่งสอนให้มีความสามัคคี ปรองดอง ต้องช่วยกันทำมาหากิน โดยให้เหตุผลว่าการสร้างบ้านสร้างเมืองนั้นราษฎรจะต้องมีอยู่มีกินและเป็นสุข การสร้างเมืองจะถือว่าสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ด้วยความวิริยะอุตสาหะ คุณงามความดีของผู้เป็นหัวหน้า ท้าวแล จึงรวบรวมผู้คน ได้ ๑๒ หมู่บ้าน ในขณะนั้น คือ ๑. บ้านสัมพันธ์ ๒.บ้านบุ่งคล้า ๓.บ้านกุดตุ้ม ๔.บ้านบ่อหลุม ๕.บ้านบ่อแก ๖.บ้านท่าเสี้ยว ๗.บ้านโพธิ์ ๘.บ้านโพธิ์นาล้อม ๙.บ้านโพธิ์หญ้า ๑o.บ้านหนองใหญ่ ๑๑.บ้านหลุบโพธิ์ ๑๒.บ้านกุดไผ่ ปัจจุบันบางบางหมู่บ้านได้เปลี่ยนชื่อไปแล้วก็มี ชาวบ้านในครั้งนั้นจึงยกย้องเชิดชูให้ท้าวแล เป็นหัวหน้านำผู้ปกครองในขณะนั้น ฝ่ายนางบุญมีผู้เป็นภรรยาของท้าวแล หรือ เจ้าพ่อพญาแล ก็มิได้นิ่งดูดายได้พยายามฝึกอบรมชาวบ้านให้รู้จักทอผ้า ไม่ว่าจะเป็นผ้าขาว ผ้าดำ ผ้าซิ่นหมี่ จนชาวบ้านเข้าใจในการทอผ้าทำให้ชาวบ้านมีอยู่มีกิน เจ้าพ่อพญาแลเห็นว่าราษฎรของตนมีอยู่มีกินก็มิได้ลืมบุญคุณของเจ้านายเดิม จึงได้รวบรวมเครื่องบรรณาการนำไปถวายเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ ทรงเห็นความดีความชอบของเจ้าพ่อพญาแลจึงโปรดเกล้าแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพ่อพญาแล หรือท้าวแล เป็น “ขุนภักดีชุมพล”


ต่อมา ขุนภักดีชุมพล (แล) เห็นว่าบ้านโนนน้ำอ้อมเริ่มฝืดเคือง แออัด ขาดความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากมีผู้คนเพิ่มมากขึ้น ไม่เหมาะสมที่จะตั้งเมืองใหญ่ จึงได้หาที่แห่งใหม่อีกครั้ง ปรากฏว่าที่แห่งใหม่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งไม่ห่างไกลนักจากบ้านโนนน้ำอ้อม


ในพุทธศักราช ๒๓๖๕ ขุนภักดีชุมพล (แล) จึงได้อพยพครอบครัว รวมทั้งพรรคพวกไปตั้งถิ่นฐานแห่งใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างหนองปลาเฒ่ากับหนองหลอด มีน้ำอุดมสมบูรณ์เหมาะที่จะตั้งเมืองใหญ่ เรียกชื่อบ้านที่ตั้งใหม่ว่า “บ้านหลวง” ปัจจุบันเป็นชุมชนหนองปลาเฒ่าและหนองหลอด ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ณ ที่แห่งนี้ ชื่อเสียงกิตติศักดิ์ คุณงามความดี ของขุนภักดีชุมพล (แล) เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของคนทั่วไป จนมีผู้คนให้ความเคารพและอพยพเข้ามาสมัครเป็นพรรคพวกเพิ่มมากขึ้น จนเป็นเหตุให้เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์เกิดความสงสัยว่า ขุนภักดีชุมพล (แล) อาศัยความชาญฉลาดทูลให้เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์หายสงสัยได้ ต่อมาขุนภักดีชมพล (แล) และชาวบ้านไปพบบ่อทองคำบริเวณเชิงเขาขี้เถ้าตะวันออกภูเขาดงพญาฝ่อที่ลำห้วยชาด จึงได้เรียกที่ตรงนั้นว่า “บ่อทองโข่โล่” ปัจจุบันอยู่ในเขตท้องที่จังหวัดเพชรบูรณ์ และได้เกณฑ์ชายฉกรรจ์ทั้งปวงไปช่วยขุดหาทองคำได้พอสมควร


ต่อมา ขุนภักดีชมพล (แล) ไม่ยอมส่งส่วยให้ทางเวียงจันทร์อีก เพราะเห็นว่าเวียงจันทร์ก็เป็นประเทศราชประเทศสยาม ขึ้นต่อกรุงเทพฯ ตั้งแต่ราชกาลที่ ๑ แล้วจึงเข้าหาเจ้าพระยานครราชสีมา เจ้าเมืองนครราชสีมา อาสาส่งส่วยเก็บผลเร่งทูลเกล้าให้ทางกรุงเทพฯ ถวายในราชกาลที่ ๓


พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกบ้านหลวงขึ้นเป็น ”เมืองชัยภูมิ” ตั้งให้ขุนภักดีชุมพล (แล) เป็น “พระยาภักดีชุมพล (แล)” เจ้าเมืองชัยภูมิคนแรก (ไม่ปรากฏวันเดือนปี แต่เข้าใจว่าเกิดกบฏเวียงจันทร์ พ.ศ. ๒๓๖๙ เล็กน้อย) ในปี พ.ศ. ๒๓๖๙ พระยาภักดีชมพล (แล) ก็นำเครื่องบรรณาการไปถวายสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งได้โปรดรับสั่งกับพระยาภักดีชุมพล (แล) ว่าให้ตั้งใจปฏิบัติราชกาลปกครองรักษาบ้านเมืองไว้ให้ดี ฝ่ายเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ เมื่อเห็นว่าพระยาภักดีชุมพล (แล) ตีตัวออกห่าง จึงเริ่มคิกก่อการกบฏ มีการซ่องสุมผู้คน เสบียงอาหารและอาวุธ ในปี พ.ศ. ๒๓๖๙ นี้เอง เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ และราชบุตร (โย้) ผู้ครองนครจำปาศักดิ์ ได้ก่อการกบฏ ยกทัพเข้าหมายตีกรุงเทพฯ โดยหลอกหัวเมืองต่างๆ ว่าที่เดินทัพผ่านมาเข้ามาช่วยกรุงเทพฯ รบกับอังกฤษ จนกระทั่งเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ยึดเมืองนครราชสีมาได้


ต่อมาเมื่อความแตกเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ได้กวาดต้อนผู้คนชาวเมืองนครราชสีมาเพื่อนำกลับไปเวียงจันทร์ เมื่อถึงทุ่งสัมฤทธิ์ หญิงชายชาวเมืองนครราชสีมาที่ถูกจับ ได้ลุกฮือขึ้นต่อสู้ ฝ่ายพระยาภักดีชุมพล (แล) พร้อมด้วยชาวเมืองสี่มุม (อำเภอจัตุรัสในปัจจุบัน) ได้ยกทัพออกไปช่วยคุณหญิงโมรบกับเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์แตกพ่ายในขณะที่กองทัพเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ล่าถอยจากนครราชสีมาได้จุดไฟเผาบ้านเมือง กองทัพทั้งเหนือและใต้รู้ชัดว่า เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์คิดกู้อิสรภาพจากไทย ไม่มีทางจะสู้แล้วจึงสั่งให้เจ้าสุทธิสาร (โป๋) ผู้เป็นราชบุตรยกกำลังส่วนหนึ่งล่าถอยจากนครราชสีมา ให้ไปยึดเมืองชัยภูมิ เมืองภูเขียว อันเป็นด่านสุดท้ายไว้เป็นกำลังต
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ตามหลักฐานพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยรัชกาลที่ ๒ ปรากฏว่าพระยาภักดีชุมพลหรือเจ้าพ่อพญาแลเดิมเป็นคนเวียงจันทร์ชื่อฉันฉัน "ท้าวแล" รับราชการอยู่ในวังทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงราชบุตรของเจ้าอนุวงศ์เมืองเวียงจันทร์ ในราวปีพุทธศักราช ๒๓๖o แต่จะเป็นเพราะเหตุใดไม่ปรากฏทำให้ท้าวแลออกจากราชสำนักแล้วอพยพครอบครัวและรวบรวมสมัครพรรคพวกได้ประมาณร้อยกว่าคนเศษเดินทางมาจากเมืองเวียงจันทร์ข้ามแม่น้ำโขงที่เมืองชัยบุรีเพราะเป็นที่ตื้นเขินสะดวกในการลำเลียผู้คนและเสบียงอาหารเดินทางมาถึงหนองบัวลำภูได้พำนักอยู่ณที่แห่งนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือนเศษท้าวแลเห็นว่าหนองบัวลำภูเป็นสถานที่ที่ยังไม่เหมาะสมที่จะตั้งถิ่นฐานจึงได้อพยพครอบครัวพร้อมด้วยพรรคพวกเดินทางต่อไปหาที่อยู่แห่งใหม่ถึงบ้านน้ำขุ่นหนองอีจานลำตะคลองปัจจุบันอยู่ในท้องที่อำเภอสูงเนินจังหวัดนครราชสีมาได้ประกอบอาชีพอยู่ที่แห่งนี้ในปีพุทธศักราช ๒๓๖๒ การประกอบอาชีพที่บ้านน้ำขุ่นหนองอีจานลำตะคลองเริ่มฝืดเคืองท้าวแลได้เสาะแสวงหาทำเลแห่งใหม่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ปรากฏว่าได้พบที่แห่งใหม่ที่โนนน้ำอ้อมปัจจุบันอยู่ในท้องที่บ้านชีลองตำบลชีลองอำเภอเมืองจังหวัดชัยภูมิ ท้าวแลเป็นผู้มีความสามารถซื่อสัตย์สุจริตและมีบุคลิกลักษณะพิเศษกว่าบุคคลอื่น ๆ จึงได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าโดยใช้การปกครองในลักษณะพี่ปกครองน้องสั่งสอนให้มีความสามัคคีปรองดองต้องช่วยกันทำมาหากินโดยให้เหตุผลว่าการสร้างบ้านสร้างเมืองนั้นราษฎรจะต้องมีอยู่มีกินและเป็นสุขการสร้างเมืองจะถือว่าสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีด้วยความวิริยะอุตสาหะคุณงามความดีของผู้เป็นหัวหน้าท้าวแลจึงรวบรวมผู้คนได้ ๑๒ หมู่บ้านในขณะนั้นคือ ๑ . บ้านสัมพันธ์๒.บ้านบุ่งคล้า๓.บ้านกุดตุ้ม๔.บ้านบ่อหลุม๕.บ้านบ่อแก๖.บ้านท่าเสี้ยว๗.บ้านโพธิ์๘.บ้านโพธิ์นาล้อม๙.บ้านโพธิ์หญ้า ๑o.บ้านหนองใหญ่ ๑๑.บ้านหลุบโพธิ์๑๒.บ้านกุดไผ่ปัจจุบันบางบางหมู่บ้านได้เปลี่ยนชื่อไปแล้วก็มีชาวบ้านในครั้งนั้นจึงยกย้องเชิดชูให้ท้าวแลเป็นหัวหน้านำผู้ปกครองในขณะนั้นฝ่ายนางบุญมีผู้เป็นภรรยาของท้าวแลหรือเจ้าพ่อพญาแลก็มิได้นิ่งดูดายได้พยายามฝึกอบรมชาวบ้านให้รู้จักทอผ้าไม่ว่าจะเป็นผ้าขาวผ้าดำผ้าซิ่นหมี่จนชาวบ้านเข้าใจในการทอผ้าทำให้ชาวบ้านมีอยู่มีกินเจ้าพ่อพญาแลเห็นว่าราษฎรของตนมีอยู่มีกินก็มิได้ลืมบุญคุณของเจ้านายเดิมจึงได้รวบรวมเครื่องบรรณาการนำไปถวายเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ทรงเห็นความดีความชอบของเจ้าพ่อพญาแลจึงโปรดเกล้าแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพ่อพญาแลหรือท้าวแลความ "ขุนภักดีชุมพล"ต่อมาขุนภักดีชุมพล (แล) เห็นว่าบ้านโนนน้ำอ้อมเริ่มฝืดเคืองแออัดขาดความอุดมสมบูรณ์เนื่องจากมีผู้คนเพิ่มมากขึ้นไม่เหมาะสมที่จะตั้งเมืองใหญ่จึงได้หาที่แห่งใหม่อีกครั้งปรากฏว่าที่แห่งใหม่อุดมสมบูรณ์ซึ่งไม่ห่างไกลนักจากบ้านโนนน้ำอ้อม ในพุทธศักราช ๒๓๖๕ (แล) ขุนภักดีชุมพลจึงได้อพยพครอบครัวรวมทั้งพรรคพวกไปตั้งถิ่นฐานแห่งใหม่ซึ่งอยู่ระหว่างหนองปลาเฒ่ากับหนองหลอดมีน้ำอุดมสมบูรณ์เหมาะที่จะตั้งเมืองใหญ่เรียกชื่อบ้านที่ตั้งใหม่ว่า "บ้านหลวง" ปัจจุบันเป็นชุมชนหนองปลาเฒ่าและหนองหลอดตำบลในเมืองอำเภอเมืองจังหวัดชัยภูมิณที่แห่งนี้ชื่อเสียงกิตติศักดิ์คุณงามความดีของขุนภักดีชุมพล (แล) เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของคนทั่วไปจนมีผู้คนให้ความเคารพและอพยพเข้ามาสมัครเป็นพรรคพวกเพิ่มมากขึ้นจนเป็นเหตุให้เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์เกิดความสงสัยว่าและได้เกณฑ์ชายฉกรรจ์ทั้งปวงไปช่วยขุดหาทองคำได้พอสมควรปัจจุบันอยู่ในเขตท้องที่จังหวัดเพชรบูรณ์จึงได้เรียกที่ตรงนั้นว่าและชาวบ้านไปพบบ่อทองคำบริเวณเชิงเขาขี้เถ้าตะวันออกภูเขาดงพญาฝ่อที่ลำห้วยชาดต่อมาขุนภักดีชมพล (แล) ของอาศัยความชาญฉลาดทูลให้เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์หายสงสัยได้ "บ่อทองโข่โล่" ของขุนภักดีชุมพล (แล)ต่อมาขุนภักดีชมพล (แล) ไม่ยอมส่งส่วยให้ทางเวียงจันทร์อีกเพราะเห็นว่าเวียงจันทร์ก็เป็นประเทศราชประเทศสยามขึ้นต่อกรุงเทพฯ ตั้งแต่ราชกาลที่ ๑ แล้วจึงเข้าหาเจ้าพระยานครราชสีมาเจ้าเมืองนครราชสีมาอาสาส่งส่วยเก็บผลเร่งทูลเกล้าให้ทางกรุงเทพฯ ถวายในราชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๓ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกบ้านหลวงขึ้นเป็น "เมืองชัยภูมิ" ตั้งให้ขุนภักดีชุมพล (แล) ความ "พระยาภักดีชุมพล (แล)" เจ้าเมืองชัยภูมิคนแรก (ไม่ปรากฏวันเดือนปีแต่เข้าใจว่าเกิดกบฏเวียงจันทร์พ.ศ. ๒๓๖๙ เล็กน้อย) ในปีพ.ศ. ๒๓๖๙ พระยาภักดีชมพล (แล) ก็นำเครื่องบรรณาการไปถวายสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งได้โปรดรับสั่งกับพระยาภักดีชุมพล (แล) ว่าให้ตั้งใจปฏิบัติราชกาลปกครองรักษาบ้านเมืองไว้ให้ดีฝ่ายเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์เมื่อเห็นว่าพระยาภักดีช(แล) ุมพลตีตัวออกห่างจึงเริ่มคิกก่อการกบฏมีการซ่องสุมผู้คนเสบียงอาหารและอาวุธในปีพ.ศ. ๒๓๖๙ นี้เองเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์และราชบุตร (โย้) ผู้ครองนครจำปาศักดิ์ได้ก่อการกบฏยกทัพเข้าหมายตีกรุงเทพฯ โดยหลอกหัวเมืองต่าง ๆ ว่าที่เดินทัพผ่านมาเข้ามาช่วยกรุงเทพฯ รบกับอังกฤษจนกระทั่งเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ยึดเมืองนครราชสีมาได้ต่อมาเมื่อความแตกเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ได้กวาดต้อนผู้คนชาวเมืองนครราชสีมาเพื่อนำกลับไปเวียงจันทร์เมื่อถึงทุ่งสัมฤทธิ์หญิงชายชาวเมืองนครราชสีมาที่ถูกจับได้ลุกฮือขึ้นต่อสู้ฝ่ายพระยาภักดีชุมพล (แล) พร้อมด้วยชาวเมืองสี่มุม (อำเภอจัตุรัสในปัจจุบัน) ได้ยกทัพออกไปช่วยคุณหญิงโมรบกับเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์แตกพ่ายในขณะที่กองทัพเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ล่าถอยจากนครราชสีมาได้จุดไฟเผาบ้านเมืองกองทัพทั้งเหนือและใต้รู้ชัดว่าเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์คิดกู้อิสรภาพจากไทยไม่มีทางจะสู้แล้วจึงสั่งให้เจ้าสุทธิสาร (โป๋) ผู้เป็นราชบุตรยกกำลังส่วนหนึ่งล่าถอยจากนครราชสีมาให้ไปยึดเมืองชัยภูมิเมืองภูเขียวอันเป็นด่านสุดท้ายไว้เป็นกำลังต
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
ตามหลักฐานพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ใน แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยรัชกาลที่ 2 แลเดิมเป็นคนเวียงจันทร์ชื่อ " ท้าวแล" รับราชการอยู่ในวังทำหน้าที่เป็น พี่เลี้ยงราชบุตรของเจ้าอนุวงศ์ เมืองเวียงจันทร์


ในห้างหุ้นส่วนจำกัดราวปีพุทธศักราช o แต่จะเป็นเพราะเหตุใดไม่ปรากฏ ทำให้ท้าวแลออกจากราชสำนักแล้วอพยพครอบครัวและรวบรวมสมัครพรรคพวกได้ประมาณร้อยกว่าคนเศษเดินทางมาจากเมืองเวียงจันทร์ข้ามแม่น้ำโขงที่เมืองชัยบุรีเพราะ เป็นที่ตื้นเขินสะดวกในการลำ เลียผู้คนและเสบียงอาหารเดินทางมาถึงหนองบัวลำภูได้พำนักอยู่ ณ ที่แห่งนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือนเศษท้าวแลเห็นว่าหนองบัวลำภูเป็นสถานที่ที่ยังไม่เหมาะสมที่จะตั้งถิ่นฐานจึงได้อพยพครอบครัว พร้อมด้วยพรรคพวกเดินทางต่อไปหาที่ อยู่แห่งใหม่ถึงบ้านน้ำขุ่นหนองอีจานลำตะคลองปัจจุบันอยู่ในท้องที่อำเภอสูงเนินจังหวัดนครราชสีมาได้ประกอบอาชีพอยู่ที่แห่งนี้ในปีพุทธศักราช 2362 อีจาน ลำตะคลองเริ่มฝืดเคืองท้าวแลได้เสาะแสวงหาทำเลแห่งใหม่ที่มีความสามารถอุดมสมบูรณ์ปรากฏว่าได้ได้พบที่แห่งใหม่ที่โนนคุณน้ำอ้อมปัจจุบันขณะนี้ในห้างหุ้นส่วนจำกัดท้องที่ร้านบ้านชีลองตำบลชีลองอำเภอเมืองจังหวัดชัยภูมิ


ท้าวแลเป็นคุณผู้มีความสามารถด้าน ซื่อสัตย์สุจริตและมีบุคลิกลักษณะพิเศษกว่าบุคคล อื่น ๆ จึงได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าโดยใช้การปกครองในลักษณะพี่ปกครองน้องสั่งสอนให้มีความสามัคคีปรองดองต้องช่วยกันทำมาหากินโดยให้เหตุผลว่าการสร้างบ้านสร้างเมืองนั้นราษฎรจะ ต้องมีอยู่มีกินและเป็นสุขการ สร้างเมืองจะถือว่าสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีด้วยความวิริยะอุตสาหะคุณงามความดีของผู้เป็นหัวหน้าท้าวแลจึงรวบรวมผู้คนได้ 12 . บ้านสัมพันธ์ . บ้านบุ่ง คล้า . บ้านกุดตุ้ม . บ้านบ่อหลุม . บ้านบ่อแก . บ้านท่าเสี้ยว . บ้านโพธิ์ . บ้านโพธิ์นาล้อม . บ้านโพธิ์หญ้า o. บ้านหนองใหญ่ . บ้านหลุบโพธิ์ . บ้านกุดไผ่ปัจจุบันบาง บางหมู่บ้านได้เปลี่ยนชื่อไปแล้วก็ มีชาวบ้านในครั้งนั้นจึงยกย้องเชิดชูให้ท้าวแลเป็นหัวหน้านำผู้ปกครองในขณะนั้นฝ่ายนางบุญมีผู้เป็นภรรยาของท้าวแลหรือเจ้าพ่อพญาแลก็มิได้นิ่งดูดายได้พยายามฝึก อบรมชาวบ้านให้รู้จักทอผ้าไม่ ว่าจะเป็นผ้าขาวผ้าดำผ้าซิ่นหมี่จนชาวบ้านเข้าใจในการทอผ้าทำให้ชาวบ้านมีอยู่มีกินเจ้าพ่อพญาแลเห็นว่าราษฎรของตนมีอยู่มีกินก็มิได้ลืมบุญคุณของ เจ้านายเดิมจึงได้รวบรวมเครื่องบรรณาการนำ ไปถวายเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ทรงเห็นความดีความชอบของเจ้าพ่อพญาแลจึงโปรดเกล้าแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพ่อพญาแลหรือท้าวแลเป็น " ขุนภักดีชุมพล"


ต่อมาขุนภักดีชุมพล( แล) เห็นว่าบ้านโนนน้ำอ้อมเริ่มฝืดเคือง แออัดขาดความอุดมสมบูรณ์เนื่องจากมีผู้คนเพิ่มมากขึ้นไม่เหมาะสมที่จะตั้งเมืองใหญ่จึงได้หาที่แห่งใหม่อีกครั้งปรากฏว่าที่แห่งใหม่อุดมสมบูรณ์ซึ่งไม่ห่างไกลนัก จากเนชั่ร้านบ้านโนนคุณน้ำอ้อม


ในห้างหุ้นส่วนจำกัดพุทธศักราช ( แล) จึงได้อพยพครอบครัวรวมทั้งพรรคพวกไป ตั้งถิ่นฐานแห่งใหม่ซึ่งอยู่ระหว่างหนองปลาเฒ่ากับหนองหลอดมีน้ำอุดมสมบูรณ์เหมาะที่จะตั้งเมืองใหญ่เรียกชื่อบ้านที่ตั้ง ใหม่ว่า" บ้านหลวง" ปัจจุบันเป็นชุมชนหนองปลาเฒ่าและหนอง หลอดตำบลในเมืองอำเภอเมืองจังหวัดชัยภูมิ ณ ที่แห่งนี้ชื่อเสียงกิตติศักดิ์คุณงามความดีของขุนภักดีชุมพล ( แล) เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของคนทั่วไปจน มีผู้คน ให้ความเคารพและอพยพเข้ามาสมัคร เป็นพรรคพวกเพิ่มมากขึ้นจนเป็นเหตุให้เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์เกิดความสงสัยว่าขุนภักดีชุมพล ( แล) อาศัยความชาญฉลาดทูลให้เจ้าอนุวงศ์ เวียงจันทร์หายสงสัยได้ต่อมาขุนภักดีชมพล ( แล) และชาวบ้านไปพบบ่อทองคำบริเวณ เชิงเขาขี้เถ้าตะวันออกภูเขาดงพญาฝ่อที่ลำห้วยชาดจึงได้เรียกที่ตรงนั้นว่า " บ่อทองโข่โล่" ปัจจุบันอยู่ในเขตท้องที่จังหวัดเพชรบูรณ์และ ได้เกณฑ์ชายฉกรรจ์ทั้งปวงไปช่วย ขุดหาทองคำได้พอสมควร


ต่อมาคุณขุนภักดีชมพลตั้ง( แล) ไม่ยอมส่งส่วยให้ทางเวียงจันทร์ อีกเพราะเห็นว่าเวียงจันทร์ก็เป็นประเทศราชประเทศสยามขึ้นต่อกรุงเทพฯตั้งแต่ราชกาลที่ 1 เกล้าให้ทางกรุงเทพฯถวายในราชกาลที่ 3


พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 บ้านหลวงขึ้นเป็น " เมืองชัยภูมิ" ตั้งให้ขุนภักดีชุมพล( แล) เป็น" พระยาภักดีชุมพล( แล) " เจ้าเมืองชัยภูมิคนแรก( ไม่ปรากฏวันเดือนปี แต่เข้าใจว่า เกิดกบฏเวียงจันทร์พ . ศ. 2369 ) ในปีพ. ศ. 2369 ( แล) ก็นำเครื่องบรรณาการไปถวายสมเด็จพระ นั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งได้โปรดรับสั่งกับพระยาภักดีชุมพล ( แล) ว่าให้ตั้งใจปฏิบัติราชกาลปกครองรักษา บ้านเมืองไว้ให้ดีฝ่ายเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์เมื่อเห็นว่าพระยาภักดีชุมพล ( แล) ตีตัวออกห่างจึงเริ่มคิกก่อการ กบฏมีการซ่องสุมผู้คนเสบียงอาหารและอาวุธในปีพ . ศ. 2369 ( โย้) ผู้ครองนครจำปาศักดิ์ได้ก่อการกบฏ ยกทัพเข้าหมายตีกรุงเทพฯ โดยหลอกหัวเมืองต่างๆว่าได้ที่เดินทัพทางทหารผ่านมาเข้ามาช่วยลักษณ์กรุงเทพฯรบกับอังกฤษจนกระทั่งเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ยึดเมืองนครราชสีมา บริษัท ได้


ต่อมาเมื่อความสามารถแตกเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ได้กวาดต้อนคุณผู้ของคุณคนชาวเมืองนครราชสีมา บริษัท เพื่อนำกลับไปเวียงจันทร์เมื่อถึงทุ่ง สัมฤทธิ์หญิงชายชาวเมืองนครราชสีมาที่ถูก จับได้ลุกฮือขึ้นต่อสู้ฝ่ายพระยาภักดีชุมพล ( แล) พร้อมด้วยชาวเมืองสี่มุม( อำเภอจัตุรัสในปัจจุบัน) ได้ยกทัพออกไปช่วยคุณหญิงโม รบกับเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์แตกพ่ายในขณะ ที่กองทัพเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์ล่าถอย จากนครราชสีมาได้จุดไฟเผาบ้านเมืองกองทัพทั้งเหนือและใต้รู้ชัดว่าเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทร์คิดกู้อิสรภาพจากไทยไม่มีทางจะสู้แล้วจึงสั่งให้เจ้าสุทธิสาร ( โป๋) ผู้เป็นราชบุตรยกกำลัง ส่วนหนึ่งล่าถอยจากนครราชสีมาให้ไป ยึดเมืองชัยภูมิเมืองภูเขียวอันเป็นด่านสุดท้ายไว้เป็นกำลังต
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: