ระบบกฎหมายของโลกอาจแบ่งได้แตกต่างกันไป แต่ถ้าพิจารณาจากนิติวิธีเราอาจแบ่งระบบกฎหมายที่สำคัญของโลกได้แก่ “ระบบ Civil Law “ หรือ” ระบบประมวลกฎหมาย ” หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “ ระบบกฎหมายภาคพื้นยุโรป ” เพราะเป็นระบบกฎหมายที่ใช้อยู่ในภาคพื้นยุโรป ได้แก่ ประเทศเยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน เป็นต้น ซึ่งประเทศไทยก็ใช้ระบบกฎหมายเดียวกันนี้ด้วย และ “ ระบบ Common Law ” หรือที่เรียกว่า ” ระบบกฎหมายแองโกลอเมริกัน ” ซึ่งใช้กันในประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา และประเทศที่เป็นเครือจักรภพ เป็นต้น นอกจาก ระบบ Civil Law และ Common Law แล้วนักวิชาการกฎหมายเปรียบเทียบบางท่านยังแบ่งออกเป็นระบบกฎหมายสาสนาและระบบกฎหมายสังคมนิยมอีกด้วย
ระบบประมวลกฎหมาย หรือระบบ Civil law แตกแต่งจาก ระบบ Common Law ตรงที่มีนิติวิธีที่ต่างกัน ส่วนเนื้อหาของกฎหมายทั้งสองระบบอาจเหมือนกันหรือแตกต่างกันก็ได้ไม่ใช่สาระสำคัญ เช่น ในทางแพ่งเรื่องการบรรลุนิติภาวะในประเทศที่ใช้ระบบกฎหมายต่างกันอาจกำหนดไว้เหมือนกันก็ได้
ระบบประมวลกฎหมาย หรือระบบ Civil law แตกแต่งจาก ระบบ Common Law ตรงที่มีนิติวิธีที่ต่างกัน ส่วนเนื้อหาของกฎหมายทั้งสองระบบอาจเหมือนกันหรือแตกต่างกันก็ได้ไม่ใช่สาระสำคัญ เช่น ในทางแพ่งเรื่องการบรรลุนิติภาวะในประเทศที่ใช้ระบบกฎหมายต่างกันอาจกำหนดไว้เหมือนกันก็ได้
ระบบซีวิลลอว์
ระบบคอมมอนลอว์
ระบบทวินิติ (ทั้งซีวิลลอว์และคอมมอนลอว์)
กฎหมายขนบทำเนียม
กฎหมายชาริอะห์ (กฎหมายอิสลาม)
กล่าวโดยสรุป ระบบ Civil Law และระบบ Common Law มีข้อแตกต่างในเรื่องนิติวิธีดังต่อไปนี้
ทัศนคติต่อกฎหมายลักษณ์อักษร
นักกฎหมาย Civil Law เห็นว่าเป็นระบบเหตุผลที่ถูกต้องและเป็นกฎหมายทั่วไป
นักกฎหมาย Common Law เห็นว่าเป็นกำหมายที่ยกเว้นจากหลักทั่วไป (*หลักทั่วไป หมายถึง คำพิพากษาบรรทัดฐาน)
ทัศนคติต่อคำพิพากษา
ระบบ Civil Law เห็นว่าเป็นเพียงคำอธิบายในการใช้ตัวบทกฎหมายในการปรับใช้แก่คดีไม่ใช่บ่อเกิดแห่งกฎหมาย และไม่ใช้ตัวบทกฎหมาย ดังนั้น คำพิพากษาใหม่อาจจะตัดสินเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาเดิม โดยวางหลักเกณฑ์หรือให้เหตุผลเสียใหม่ได้
ระบบ Common Law เห็นว่าคำพิพากษาของศาลเป็นบ่อเกิดของกฎหมาย ดังนั้น คำพิพากษาต่อๆมา ในกรณีอย่างเดียวกันย่อมต้องตัดสินตามแนวคำพิพากษาก่อนๆเสมอ
ทัศนคติต่อขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี และศีลธรรม
นักกฎหมาย Civil Law เห็นว่ากฎหมายลายลักษณ์อักษรเป็นกฎหมายที่อยู่เคียงคู่กับจารีตประเพณี และถือว่ากฎหมายเป็นสิ่งค่ำจุนศีลธรรมด้วย
นักกฎหมาย Common Law มีแนวโน้มเอียงที่จะเห็นว่าทั้งจารีตประเพณี และศีลธรรมเป็นคนละเรื่อง ไม่เกี่ยวกับกฎหมายลายลักษณ์อักษร
การใช้การตีความกฎหมายลายลักษณ์อักษร
ระบบ Civil Law นักกฎหมายอาจตีความกฎหมายโดยนัยต่างๆได้โดยพิจารณาตามเหตุผลในบทกฎหมายนั้นๆ
ระบบ Common Law กฎหมายลายลักษณ์อักษรที่ถูกตราขึ้นโดยรัฐสภานั้นเป็นกฎหมายพิเศาเฉพาะเรื่องราว การตีความกฎหมายลายลักษณ์อักษร จึงมีวิธีการพิเศษที่เรียกว่า "การตีความตามตัวอักษร" ซึ่งเป็นวิธีการตีความใน ระบบ Common Law โดยเฉพาะ และทางกฎหมายลายลักษณ์อักษรจะถูกนำมาใช้โดยวิธีการเทียบเคียง (Analogy ) ไม่ได้
วิธีการบัญญัติกฎหมายลายลักษณ์อักษร
ระบบ Civil Law โดยหลักนั้นจะบัญญัติกฎหมายที่มีลักษณะเป็นหลักเกณฑ์ทั่วไป(บททั่วไป) โดยจะใช้เทคนิคในการบัญญัติเพื่อให้ครอบคลุมในทุกกรณีปัญหา และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้กฎหมายมีดุลยพินิจในการใช้กฎหมายนั้นให้เหมาะสมกับความเป็นธรรมในแต่ละคดี แต่ในบางมาตราไม่อาจวางหลักเกณฑ์ทั่วไปได้อย่าง สมบรูณ์ ก็จะบัญญัติเป็นรายละเอียด
ระบบ Common Law วิธีการบัญญัตินั้นต้องเขียนแน่นอนชัดเจนและละเอียด ดังนั้น สำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับตัวบทในประมวลกฎหมาย เมื่ออ่านกฎหมายลายลักษณ์อักษรของประเทศในระบบ Common Law จึงรู้สึกว่ากฎหมายเขียนละเอียดมากจนเกินความจำเป็น มีลักษณะคล้ายสัญญามากกว่าที่จะเป็นตัวบทกฎหมาย ทั้งนี้เพื่อผูกมัดให้ผู้ตีความได้ใช้กฎหมายตามที่ฝ่ายนิติบัญญัติต้องการ