พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นคีตกวีและนักดนตรีที่ชา การแปล - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นคีตกวีและนักดนตรีที่ชา ไทย วิธีการพูด

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นคีตกวีและนักดนตรีที่ชาวโลกยกย่อง ทรงพระปรีชาสามารถในการทรงดนตรี พระราชนิพนธ์เพลง แลกเรียบเรียงเสียงประสาน ทรงเป็นครูสอนดนตรีแก่ข้าราชบริพารใกล้ชิด และทรงซ่อมเครื่องดนตรีได้ด้วย รวมทั้งทรงเชี่ยวชาญในศิลปะแขนงต่าง ๆ อย่างแท้จริง สมกับที่พสกนิกรชาวไทยน้อมเกล้าถวายพระราชสมั​ญญา "อัครศิลปิน"
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเริ่มเรียนดนตรีเมื่อพระชนมายุ ๑๓ พรรษา ขณะประทับอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กับครูชาวอัลซาส ชื่อ นายเวย์เบรชท์ (Wey-brecht) โดยทรงเรียนเป่าแซกโซโฟน วิชาการดนตรี การเขียนโน้ต และสเกลต่าง ๆ ในแนวดนตรีคลาสสิค ต่อมา จึงเริ่มฝึกดนตรีแจ๊ส และทรงดนตรีสากล โดยทรงหัดเป่าแซกโวโฟนกับเพลงจากแผ่นเสียงของ​วงดนตรีที่มีฝีมือ เช่น John Hodges และ Sidney Bechet เป็นต้น จนทรงมีความชำนาญจึงทรงเป่าสอดแทรกกับแผ่นเสี​ยงของนักดนตรีที่มีชื่อเสียงได้เป็นอย่างดี ทรงโปรดดนตรีประเภท Dixieland Jazz มาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องดนตรีได้ดีหลายชนิด ทั้งประเภทเครื่องลม เช่น แซกโซโฟน คลาริเนต และประเภทเครื่องทองเหลือง เช่น ทรัมเปต รวมทั้งเปียโนและกีตาร์ที่ทรงฝึกเพิ่มเติมในภ​ายหลัง เพื่อประกอบการพระราชนิพนธ์เพลงและเพื่อทรงดน​ตรีร่วมกับวงดนตรีส่วนพระองค์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเริ่มพระราชนิพนธ์เพลง เมื่อมีพระชนมพรรษาได้ ๑๘ พรรษา ใน พ.ศ. ๒๔๘๙ ทรงพระราชนิพนธ์เพลง "แสงเทียน" เป็นเพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรกและจนถึงปัจจุบัน มีเพลงพระราชนิพนธ์ทั้งสิ้น ๔๘ เพลง ทุกเพลงล้วนมีทำนองไพเราะ ประทับใจผู้ฟัง สอดคล้องกับเนื้อร้อง ซึ่งมีคตินานัปการ และเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทย ในยามที่บ้านเมืองไม่สงบสุข ก็พระราชทานเพลงปลุกใจเพื่อเป็นกำลังใจแก่ ข้าราชการ ทหาร พลเรือน และประชาชนผู้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติ มิให้เกิดความย่อท้อในการทำความดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ต่อตนเองและต่อสังคม ทรงตั้งสถานีวิทยุ อ.ส. ขึ้น เพื่อเป็นสื่อกลางในการให้ความบันเทิง สารประโยชน์ และข่าวสารต่าง ๆ แก่ประชาชน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงใช้เครื่องดนตรีเป็นสื่อผูกพันสถาบันพระมห​ากษัตริย์กับนิสิตนักศึกษา โดยเสด็จฯ ไปทรงดนตรีร่วมกับนิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยต่​าง ๆ รวมทั้งเป็นสื่อกระชับสัมพันธไมตรีระหว่างประ​เทศกับนานาประเทศได้อย่างแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พระปรีชาสามารถด้านดนตรีในพระบาทสมเด็จพระเจ้​าอยู่หัวเป็นที่ชื่นชมของชาวต่างประเทศ จนกระทั่งใน พ.ศ. ๒๕๐๗ สถาบันการดนตรีและศิลปะการแสดงแห่งกรุงเวียนน​า (ปัจจุบันเปลี่ยนฐานะเป็นมหาวิทยาลัยการดนตรี​และศิลปะการแสดง) ได้ทูลเกล้าฯ ถวายประกาศนียบัตร และสมาชิกกิตติมศักดิ์ลำดับที่ ๒๓ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมนามาภิไธย "ภูมิพลอดุลยเดช" ปรากฏอยู่บนแผ่นจำหลักหินของสถาบัน ทรงเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ที่มีอายุน้อยที่สุ​ด และเป็นชาวเอเชียแต่เพียงผู้เดียวที่ได้รับเก​ียรติอันสูงนี้ พระอัจฉริยภาพด้านดนตรีในพระบาทสมเด็จพระเจ้า​อยู่หัวเป็นที่ชื่นชมไม่เพียงในประเทศไทยเท่า​นั้น นักดนตรีต่างประเทศทั่วโลกก็ชื่นชม และยอมรับในพระอัจฉริยภาพนี้
นอกจากทรงพระปรีชาสามารถในการพระราชนิพนธ์เพล​ง และทรงดนตรีแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงเป็น "ครูใหญ่" สอนดนตรีแก่แพทย์ ราชองครักษ์ และข้าราชบริพารใกล้ชิดซึ่งเล่นดนตรีไม่เป็นเ​ลย จนเล่นดนตรีเป็น สามารถบรรเลงในโอกาสพิเศษต่าง ๆ ได้ ต่อมา จึงได้เกิด "วงสหายพัฒนา" มีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นองค์หัวหน้าวง
ในด้านดนตรีไทย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพะราชประสงค์ที่​จะอนุรักษ์ดนตรีไทย และนาฏศิลป์ไทย ไว้ให้อยู่คู่กับชาติไทยตลอดไป โดยมีพระราชกระแสรับสั่งให้ นักดนตรีไทยช่วยกันรักษาระดับเสียงของดนตรีไท​ยไว้ เพื่อเป็นมาตรฐานของวงดนตรีไทยรุ่นหลัง ได้พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ ให้กรมศิลปากรจัดพิมพ์หนังสือ "โน้ตเพลงไทยเล่ม ๑" เพื่อให้เป็นหลักฐานและมาตรฐานต่อไป และทรงสนับสนุนให้มีการค้นคว้าบันไดเสียงของด​นตรีไทย โดยใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์
นอกจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโประเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีครองประธานครูโขนละคร และต่อกระบวนรำเพลงหน้าพาทย์องค์พระพิราพ ซึ่งเป็นเพลงหน้าพาทย์สูงสุดในวิชาดนตรีและนา​ฏศิลป์ไทยอีกด้วย ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงอนุรักษ์ศิลปะของ​ไทย เพื่อให้เป็นมรดกของชาติสืบต่อไป
พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นคีตกวีแห่งจักรีวงศ์​พระองค์นี้ ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ "เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" แม้ด้านดนตรีก็มิได้เว้น.
๒๔๘๙ แสงเทียน ๒๔๘๙ ใกล้รุ่ง ๒๔๙๐ ชะตาชีวิต ๒๔๙๐ ดวงใจกับความรัก ๒๔๙๑ มาร์ชราชวัลลภ ๒๔๙๒ เทวาพาคู่ฝัน ๒๔๙๒ มหาจุฬาลงกรณ์ ๒๔๙๒ พรปีใหม่ ๒๔๙๒ แก้วตาขวัญใจ ๒๔๙๒ คำหวาน ๒๔๙๒ อาทิตย์อับแสง ๒๔๙๕ ยิ้มสู้ ๒๔๙๕ รักคืนเรือน ๒๔๙๕ มาร์ชธงไชยเฉลิมพล ๒๔๙๕ ยามค่ำ ๒๔๙๗ ลมหนาว ๒๔๙๗ ศุกร์สัญลักษณ์ ๒๔๙๗ เมื่อโสมส่อง ๒๔๙๘ Oh I Say ! ๒๔๙๘ สายฝน ๒๔๙๘ Can't You Ever See ๒๔๙๘ ยามเย็น ๒๔๙๘ Lay Kram Goes Dixie ๒๔๙๘ ค่ำแล้ว ๒๕๐๐ สายลม ๒๕๐๐ ไกลกังวล (เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย) ๒๕๐๑ แสงเดือน ๒๕๐๒ ฝัน (เพลินภูพิงค์) ๒๕๐๒ แผ่นดินของเรา ๒๕๐๒ มาร์ชราชนาวิกโยธิน ๒๕๐๒ ภิรมย์รัก ๒๕๐๒ Nature Waltz ๒๕๐๒ The Hunter ๒๕๐๒ Kinari Waltz ๒๕๐๒ พระมหามงคล ๒๕๐๕ ยูงทอง ๒๕๐๘ ในดวงใจนิรันดร์ ๒๕๐๘ เตือนใจ ๒๕๐๘ ไร้จันทร์ (ไร้เดือน) ๒๕๐๘ เกาะในฝัน ๒๕๐๙ เกษตรศาสตร์ ๒๕๑๔ ความฝันอันสูงสุด ๒๕๑๘ แว่ว ๒๕๑๙ เราสู้ ๒๕๑๙ เรา-เหล่าราบ ๒๑ ๒๕๒๒ Blues for Uthit ๒๕๓๗ รัก ๒๕๓๘ เมนูไข่

0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงเป็นคีตกวีและนักดนตรีที่ชาวโลกยกย่องทรงพระปรีชาสามารถในการทรงดนตรีพระราชนิพนธ์เพลงแลกเรียบเรียงเสียงประสานทรงเป็นครูสอนดนตรีแก่ข้าราชบริพารใกล้ชิดและทรงซ่อมเครื่องดนตรีได้ด้วยรวมทั้งทรงเชี่ยวชาญในศิลปะแขนงต่างๆ อย่างแท้จริงสมกับที่พสกนิกรชาวไทยน้อมเกล้าถวายพระราชสมัญญา "อัครศิลปิน"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเริ่มเรียนดนตรีเมื่อพระชนมายุ ๑๓ พรรษาขณะประทับอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์กับครูชาวอัลซาสชื่อฉันฉัน (Wey ตั้ง) นายเวย์เบรชท์โดยทรงเรียนเป่าแซกโซโฟนวิชาการดนตรีการเขียนโน้ตและสเกลต่างๆ ในแนวดนตรีคลาสสิคต่อมาจึงเริ่มฝึกดนตรีแจ๊สและทรงดนตรีสากลโดยทรงหัดเป่าแซกโวโฟนกับเพลงจากแผ่นเสียงของวงดนตรีที่มีฝีมือเช่นใช้จอห์นและซิดนีย์ Bechet เป็นต้นจนทรงมีความชำนาญจึงทรงเป่าสอดแทรกกับแผ่นเสียงของนักดนตรีที่มีชื่อเสียงได้เป็นอย่างดีทรงโปรดดนตรีประเภท Dixieland แจ๊สมากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องดนตรีได้ดีหลายชนิดทั้งประเภทเครื่องลมเช่นแซกโซโฟนคลาริเนตและประเภทเครื่องทองเหลืองเช่นทรัมเปตรวมทั้งเปียโนและกีตาร์ที่ทรงฝึกเพิ่มเติมในภายหลังเพื่อประกอบการพระราชนิพนธ์เพลงและเพื่อทรงดนตรีร่วมกับวงดนตรีส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเริ่มพระราชนิพนธ์เพลงเมื่อมีพระชนมพรรษาได้ ๑๘ พรรษาในพ.ศ. ๒๔๘๙ ทรงพระราชนิพนธ์เพลง "แสงเทียน" เป็นเพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรกและจนถึงปัจจุบันมีเพลงพระราชนิพนธ์ทั้งสิ้น ๔๘ เพลงทุกเพลงล้วนมีทำนองไพเราะประทับใจผู้ฟังสอดคล้องกับเนื้อร้องซึ่งมีคตินานัปการและเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทยในยามที่บ้านเมืองไม่สงบสุขก็พระราชทานเพลงปลุกใจเพื่อเป็นกำลังใจแก่ข้าราชการทหารพลเรือนและประชาชนผู้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติมิให้เกิดความย่อท้อในการทำความดีต่อชาติศาสน์กษัตริย์ต่อตนเองและต่อสังคมทรงตั้งสถานีวิทยุอ.ส. ขึ้นเพื่อเป็นสื่อกลางในการให้ความบันเทิงสารประโยชน์และข่าวสารต่างๆ แก่ประชาชนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใช้เครื่องดนตรีเป็นสื่อผูกพันสถาบันพระมหากษัตริย์กับนิสิตนักศึกษาโดยเสด็จฯ ไปทรงดนตรีร่วมกับนิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยต่างๆ รวมทั้งเป็นสื่อกระชับสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศกับนานาประเทศได้อย่างแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นพระปรีชาสามารถด้านดนตรีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นที่ชื่นชมของชาวต่างประเทศจนกระทั่งในพ.ศ. ๒๕๐๗ สถาบันการดนตรีและศิลปะการแสดงแห่งกรุงเวียนนา (ปัจจุบันเปลี่ยนฐานะเป็นมหาวิทยาลัยการดนตรีและศิลปะการแสดง) ได้ทูลเกล้าฯ ถวายประกาศนียบัตรและสมาชิกกิตติมศักดิ์ลำดับที่ ๒๓ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระบรมนามาภิไธย "ปรมิ" ปรากฏอยู่บนแผ่นจำหลักหินของสถาบันทรงเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ที่มีอายุน้อยที่สุดและเป็นชาวเอเชียแต่เพียงผู้เดียวที่ได้รับเกียรติอันสูงนี้พระอัจฉริยภาพด้านดนตรีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นที่ชื่นชมไม่เพียงในประเทศไทยเท่านั้นนักดนตรีต่างประเทศทั่วโลกก็ชื่นชมและยอมรับในพระอัจฉริยภาพนี้นอกจากทรงพระปรีชาสามารถในการพระราชนิพนธ์เพลงและทรงดนตรีแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงเป็น "ครูใหญ่" สอนดนตรีแก่แพทย์ราชองครักษ์และข้าราชบริพารใกล้ชิดซึ่งเล่นดนตรีไม่เป็นเลยจนเล่นดนตรีเป็นสามารถบรรเลงในโอกาสพิเศษต่างๆ ได้ต่อมาจึงได้เกิด "วงสหายพัฒนา" มีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเป็นองค์หัวหน้าวงในด้านดนตรีไทยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพะราชประสงค์ที่จะอนุรักษ์ดนตรีไทยและนาฏศิลป์ไทยไว้ให้อยู่คู่กับชาติไทยตลอดไปโดยมีพระราชกระแสรับสั่งให้นักดนตรีไทยช่วยกันรักษาระดับเสียงของดนตรีไทยไว้เพื่อเป็นมาตรฐานของวงดนตรีไทยรุ่นหลังได้พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ให้กรมศิลปากรจัดพิมพ์หนังสือ "โน้ตเพลงไทยเล่ม๑" เพื่อให้เป็นหลักฐานและมาตรฐานต่อไปและทรงสนับสนุนให้มีการค้นคว้าบันไดเสียงของดนตรีไทยโดยใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์นอกจากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโประเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีครองประธานครูโขนละครและต่อกระบวนรำเพลงหน้าพาทย์องค์พระพิราพซึ่งเป็นเพลงหน้าพาทย์สูงสุดในวิชาดนตรีและนาฏศิลป์ไทยอีกด้วยทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงอนุรักษ์ศิลปะของไทยเพื่อให้เป็นมรดกของชาติสืบต่อไปพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นคีตกวีแห่งจักรีวงศ์พระองค์นี้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ "เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" แม้ด้านดนตรีก็มิได้เว้น๒๔๘๙ แสงเทียน ๒๔๘๙ ใกล้รุ่ง ๒๔๙๐ ชะตาชีวิต ๒๔๙๐ ดวงใจกับความรัก ๒๔๙๑ มาร์ชราชวัลลภ ๒๔๙๒ เทวาพาคู่ฝัน ๒๔๙๒ มหาจุฬาลงกรณ์ ๒๔๙๒ พรปีใหม่ ๒๔๙๒ แก้วตาขวัญใจ ๒๔๙๒ คำหวาน ๒๔๙๒ อาทิตย์อับแสง ๒๔๙๕ ยิ้มสู้ ๒๔๙๕ รักคืนเรือน ๒๔๙๕ มาร์ชธงไชยเฉลิมพล ๒๔๙๕ ยามค่ำ ๒๔๙๗ ลมหนาว ๒๔๙๗ ศุกร์สัญลักษณ์ ๒๔๙๗ เมื่อโสมส่อง ๒๔๙๘ Oh I Say ! ๒๔๙๘ สายฝน ๒๔๙๘ Can't You Ever See ๒๔๙๘ ยามเย็น ๒๔๙๘ Lay Kram Goes Dixie ๒๔๙๘ ค่ำแล้ว ๒๕๐๐ สายลม ๒๕๐๐ ไกลกังวล (เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย) ๒๕๐๑ แสงเดือน ๒๕๐๒ ฝัน (เพลินภูพิงค์) ๒๕๐๒ แผ่นดินของเรา ๒๕๐๒ มาร์ชราชนาวิกโยธิน ๒๕๐๒ ภิรมย์รัก ๒๕๐๒ Nature Waltz ๒๕๐๒ The Hunter ๒๕๐๒ Kinari Waltz ๒๕๐๒ พระมหามงคล ๒๕๐๕ ยูงทอง ๒๕๐๘ ในดวงใจนิรันดร์ ๒๕๐๘ เตือนใจ ๒๕๐๘ ไร้จันทร์ (ไร้เดือน) ๒๕๐๘ เกาะในฝัน ๒๕๐๙ เกษตรศาสตร์ ๒๕๑๔ ความฝันอันสูงสุด ๒๕๑๘ แว่ว ๒๕๑๙ เราสู้ ๒๕๑๙ เรา-เหล่าราบ ๒๑ ๒๕๒๒ Blues for Uthit ๒๕๓๗ รัก ๒๕๓๘ เมนูไข่
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
เมื่อมีพระชนมพรรษาได้ 18 พรรษาใน พ.ศ. 2489 ทรงพระราชนิพนธ์เพลง "แสงเทียน" เป็นเพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรกและจนถึงปัจจุบันมีเพลงพระราชนิพนธ์ทั้งสิ้น 48 เพลงทุกเพลงล้วนมีทำนองไพเราะประทับใจผู้ฟังสอดคล้องกับเนื้อร้องซึ่งมีคตินานัปการและเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่ง ของชีวิตคนไทยในยามที่บ้านเมืองไม่สงบสุขก็พระราชทานเพลงปลุกใจเพื่อเป็นกำลังใจแก่ข้าราชการทหารพลเรือนและประชาชนผู้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติมิให้เกิดความย่อท้อในการทำความดีต่อชาติศาสน์กษัตริย์ต่อตนเองและต่อสังคมทรงตั้งสถานี วิทยุ อ.ส. เพื่อเป็นขึ้นสื่อกลางในห้างหุ้นส่วนจำกัดหัวเรื่อง: การให้ความสามารถบันเทิงสารประโยชน์และกระดานข่าวต่าง ๆ แก่ประชาชน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคุณทรงใช้เครื่องดนตรีเป็นสื่อผูกพันสถาบันที่คุณพระมหากษัตริย์กับนิสิตนักศึกษาเป็นโดยเสด็จฯ ไปคุณทรงดนตรีร่วมกับนิสิตนักศึกษาเป็นผู้แต่ง: มหาวิทยาลัยต่า ง ๆ รวมทั้งเป็นสื่อกระชับสัมพันธไมตรี ระหว่างประเทศกับนานาประเทศได้อย่างแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นพระปรีชาสามารถด้านดนตรีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นที่ชื่นชมของชาวต่างประเทศจนกระทั่งใน พ.ศ. 2507 สถาบันการดนตรีและศิลปะการแสดงแห่ง กรุงเวียนนา (ปัจจุบันเปลี่ยนฐานะเป็นมหาวิทยาลัยการดนตรีและ ศิลปะการแสดง ) ได้ทูลเกล้าฯถวายประกาศนียบัตรและสมาชิกกิตติมศักดิ์ลำดับ ที่ 23 แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระบรมนามาภิไธย "ภูมิพลอดุลยเดช" 2489 แสงเทียน 2489 ใกล้รุ่ง 2490 ชะตาชีวิต 2,490 ดวงใจกับความรัก 2491 มาร์ชราชวัลลภ 2492 เทวาพาคู่ฝัน 2492 มหาจุฬาลงกรณ์ 2492 พรปีใหม่ 2492 แก้วตาขวัญใจ 2492 คำหวาน 2492 อาทิตย์อับแสง 2495 ยิ้มสู้ 2495 รักคืนเรือน 2,495 มาร์ช ธงไชยเฉลิมพล 2495 ยามค่ำ 2497 ลมหนาว 2497 ศุกร์สัญลักษณ์ 2497 เมื่อโสมส่อง 2498 โอ้ฉันพูด! 2498 สายฝน 2498 คุณจะไม่เคยดู 2498 ยามเย็น 2498 Lay Kram Goes Dixie 2498 ค่ำแล้ว 2,500 2,500 สายลมไกลกังวล (เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย) 2501 2502 แสงเดือนฝัน (เพลินภูพิงค์) 2502 แผ่นดินของเรา 2502 มาร์ช ราชนาวิกโยธิน 2,502 ภิรมย์รัก 2502 Nature Waltz 2502 ฮันเตอร์ 2502 Kinari Waltz 2502 พระมหามงคล 2505 ยูงทอง 2508 ในดวงใจนิรันดร์ 2508 เตือนใจ 2508 ไร้จันทร์ (ไร้เดือน) 2,508 เกาะในฝัน 2509 เกษตรศาสตร์ 2514 ความฝันอันสูงสุด 2,518 แว่ว 2519 เราสู้ 2519 เรา - เหล่าราบ 21 2522 บลูส์อุทิศ 2537 2538 รักเมนูไข่









การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงเป็นคีตกวีและนักดนตรีที่ชาวโลกยกย่องทรงพระปรีชาสามารถในการทรงดนตรีพระราชนิพนธ์เพลงแลกเรียบเรียงเสียงประสานทรงเป็นครูสอนดนตรีแก่ข้าราชบริพารใกล้ชิดและทรงซ่อมเครื่องดนตรีได้ด้วยรวมทั้งทรงเชี่ยวชาญในศิลปะแขน งต่างจะอย่างแท้จริงสมกับที่พสกนิกรชาวไทยน้อมเกล้าถวายพระราชสมั​ญญา " อัครศิลปิน "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเริ่มเรียนดนตรีเมื่อพระชนมายุ๑๓พรรษาขณะประทับอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์กับครูชาวอัลซาสชื่อนายเวย์เบรชท์ ( เวย์เบรชท์ ) โดยทรงเรียนเป่าแซกโซโฟนวิชาการดนตรีการเขียนโน้ตและสเกลต่างจะในแนวดนตรีคลาสสิคต่อมาจึงเริ่มฝึกดนตรีแจ๊สและทรง ดนตรีสากลโดยทรงหัดเป่าแซกโวโฟนกับเพลงจากแผ่นเสียงของ​วงดนตรีที่มีฝีมือเช่นจอห์น ฮ็อดเจส และซิดนี่ย์ เบเชต์เป็นต้นจนทรงมีความชำนาญจึงทรงเป่าสอดแทรกกับแผ่นเสี​ยงของนักดนตรีที่มีชื่อเสียงได้เป็นอย่างดีทรงโปรดดนตรีประเภทดิ๊กซี่แลนด์แจ๊สมากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องดนตรีได ้ดีหลายชนิดทั้งประเภทเครื่องลมเช่นแซกโซโฟนคลาริเนตและประเภทเครื่องทองเหลืองเช่นทรัมเปตรวมทั้งเปียโนและกีตาร์ที่ทรงฝึกเพิ่มเติมในภ​ายหลังเพื่อประกอบการพระราชนิพนธ์เพลงและเพื่อทรงดน​ตรีร่วมกับวงดนตรีส่วนพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเริ่มพระราชนิพนธ์เพลงเมื่อมีพระชนมพรรษาได้๑๘พรรษา the พ . ศ . ๒๔๘๙ทรงพระราชนิพนธ์เพลง " แสงเทียน " เป็นเพลงพระราชนิพนธ์เพลงแรกและจนถึงปัจจุบันมีเพลงพระราชนิพนธ์ทั้งสิ้น๔๘เพลงทุกเพลงล้วนมีทำนองไพเราะประทับใจผู้ฟังสอดคล้องกับเนื้อร้องซึ่งมีคตินานัปการและเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของชีวิตคนไทยในยามที่บ้านเมืองไม่สงบสุข ก็พระราชทานเพลงปลุกใจเพื่อเป็นกำลังใจแก่ข้าราชการทหารพลเรือนและประชาชนผู้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติมิให้เกิดความย่อท้อในการทำความดีต่อชาติศาสน์กษัตริย์ต่อตนเองและต่อสังคมทรงตั้งสถานีวิทยุ Admiral ส . ขึ้นเพื่อเป็นสื่อกลางในการให้ความบันเทิงสารประโยชน์และข่าวสารต่างจะแก่ประชาชนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอ
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: