Under British administration, Burma

Under British administration, Burma was the second-wealthiest country in South-East Asia. It had been the world's largest exporter of rice. Burma also had a wealth of natural and labour resources. It produced 75% of the world's teak and had a highly literate population.[21] The country was believed to be on the fast track to development.[21] However, agricultural production fell dramatically during the 1930s as international rice prices declined, and did not recover for several decades.[206]
During World War II, the British destroyed the major oil wells and mines for tungsten, tin, lead and silver to keep them from the Japanese. Burma was bombed extensively by both sides. After a parliamentary government was formed in 1948, Prime Minister U Nu embarked upon a policy of nationalization and the state was declared the owner of all land. The government also tried to implement a poorly considered Eight-Year plan. By the 1950s, rice exports had fallen by two thirds and mineral exports by over 96% (as compared to the pre-World War II period). Plans were partly financed by printing money, which led to inflation.[207] The 1962 coup d'état was followed by an economic scheme called the Burmese Way to Socialism, a plan to nationalise all industries, with the exception of agriculture. The catastrophic program turned Burma into one of the world's most impoverished countries.[60] Burma's admittance to Least Developed Country status by the UN in 1987 highlighted its economic bankruptcy

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ภายใต้การปกครองของอังกฤษ, พม่าเป็นประเทศที่สองที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มันเคยเป็นผู้ส่งออกที่ใหญ่ที่สุดในโลกของข้าว พม่ายังมีความมั่งคั่งของทรัพยากรธรรมชาติและแรงงาน มันผลิต 75% ของไม้สักของโลกและมีประชากรที่รู้หนังสือสูง. [21] ประเทศเชื่อว่าจะเป็นในการติดตามอย่างรวดเร็วไปสู่​​การพัฒนา. [21] อย่างไรก็ตามผลผลิตทางการเกษตรลดลงอย่างมากในช่วงทศวรรษที่ 1930 ในขณะที่ราคาข้าวระหว่างประเทศปฏิเสธและยังไม่ฟื้นตัวหลายทศวรรษ. [206]
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองอังกฤษทำลายบ่อน้ำมันและเหมืองแร่ที่สำคัญสำหรับทังสเตนดีบุกตะกั่วและเงินเพื่อให้พวกเขา จากญี่ปุ่น พม่าถูกทิ้งระเบิดอย่างกว้างขวางโดยทั้งสองฝ่าย หลังจากที่รัฐสภารัฐบาลที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1948,นายกรัฐมนตรี U Nu ลงมือกับนโยบายของชาติและรัฐที่มีการประกาศเป็นเจ้าของที่ดินทั้งหมด รัฐบาลยังพยายามที่จะดำเนินการตามแผนแปดปีถือว่าไม่ดี โดยปี 1950, การส่งออกข้าวได้ลดลงโดยสองในสามและการส่งออกแร่ธาตุกว่า 96% (เทียบกับ pre-โลกในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง) แผนเงินทุนบางส่วนโดยการพิมพ์เงินซึ่งนำไปสู่​​ภาวะเงินเฟ้อ[207] 1962 รัฐประหารศิลปวัตถุตามมาด้วยโครงการทางเศรษฐกิจที่เรียกว่าทางพม่าเพื่อสังคมนิยมแผนการที่จะสัญชาติทุกอุตสาหกรรมมีข้อยกเว้นของการเกษตร โปรแกรมหันภัยพิบัติประเทศพม่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก. อนุญาติ [60] พม่ากับสถานะประเทศพัฒนาน้อยที่สุดโดยสหประชาชาติในปี 1987 เน้นการล้มละลายทางเศรษฐกิจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ภายใต้การบริหารของอังกฤษ พม่าเป็นประเทศร่ำรวยที่สองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มันมีการส่งออกที่ใหญ่ที่สุดในโลกของข้าว นอกจากนี้พม่ายังมีทรัพยากรธรรมชาติ และแรงงานมากมาย มันผลิต 75% ของไม้สักของโลก และมีประชากรมาก literate[21] ประเทศที่ว่าจะติดตามการพัฒนาอย่างรวดเร็ว[21] แต่ เกษตรตกอย่างมากในระหว่างช่วงทศวรรษ 1930 เป็นราคาข้าวที่ต่างประเทศปฏิเสธ และได้รับการกู้คืนสำหรับหลายทศวรรษที่ผ่านมาไม่[206]
ในระหว่างสงครามโลก อังกฤษถูกทำลายบ่อน้ำมันใหญ่ และลูกระเบิดสำหรับทังสเตน ดีบุก ลูกค้าเป้าหมาย และเงินเพื่อให้พวกเขาจากญี่ปุ่น พม่ามี bombed อย่างกว้างขวาง โดยทั้งสองฝ่าย หลังจากรัฐบาลรัฐสภาก่อตั้งขึ้นในค.ศ. 1948 จำนวนนายกรัฐมนตรี U Nu เมื่อนโยบายมีชาติ และรัฐถูกประกาศให้เจ้าของที่ดินทั้งหมด รัฐบาลยังพยายามที่จะดำเนินงานการพิจารณาแผนแปดปี โดยมินิ ส่งออกข้าวได้ลดลง โดยสองในสาม และแร่ส่งออกกว่า 96% (เมื่อเทียบกับระยะเวลาสงคราม pre-World) แผนได้เงินบางส่วน โดยพิมพ์เงิน ซึ่งนำไปสู่อัตราเงินเฟ้อ[207] 1962 ประหารได้ตามแผนเศรษฐกิจเรียกว่าพม่าไปทางสังคมนิยม แผนการ nationalise ทุกอุตสาหกรรม ยกเว้นเกษตร โปรแกรมรุนแรงเปิดประเทศพม่าเป็นประเทศที่จนที่สุดของโลก[60] พม่า admittance สถานะประเทศพัฒนาน้อยที่สุดโดยสหประชาชาติในปี 1987 เน้นความล้มละลายทางเศรษฐกิจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ภายใต้ การบริหารงานของอังกฤษพม่าเป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มันเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลกที่ข้าว พม่ายังมีความมั่งคั่งของทรัพยากรธรรมชาติและแรงงาน ได้ผลิต 75% ของไม้สักของโลกและได้รู้หนังสือสูงประชากร.[ 21 ]ประเทศเชื่อว่าจะต้องอยู่บนอย่างรวดเร็วในการพัฒนา.[ 21 ]อย่างไรก็ตามการผลิต ภาค เกษตรลดลงอย่างมากในระหว่างปี 1930 ที่ราคาข้าวระหว่างประเทศลดลงและไม่ได้กู้คืนหลายทศวรรษ.[ 206 ]
ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองของอังกฤษที่ถูกทำลายกับระเบิดและบ่อน้ำมันที่สำคัญสำหรับแร่สีเงินและนำไปสู่ทังสเตนเพื่อป้องกันไม่ให้ญี่ปุ่น พม่าก็ถูกระเบิดอย่างกว้างขวางโดยทั้งสองด้าน หลังจากรัฐบาลในระบบ รัฐสภา ที่มาในปี 1948U นุนายกรัฐมนตรีกระทรวงนโยบายของชาติและของรัฐที่ประกาศเป็นเจ้าของที่ดินทั้งหมด รัฐบาลยังพยายามที่จะใช้แผน eight-year ได้ไม่ดีนักได้รับการพิจารณาให้ได้ 1950 s โดยที่การส่งออกข้าวมาโดยการส่งออกทั้งสองและเกลือแร่ในสามได้มากกว่า 96% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง) มีการวางแผนเป็นบางส่วนสนับสนุนเงินทุนโดยการพิมพ์เงินที่นำไปสู่ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน[ 207 ] 1962 ที่ชาเวซตามมาด้วยโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่เรียกว่าพม่าทางที่จะไปยังสังคมนิยมแผนที่จะแต่ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมยกเว้นในการทำการเกษตร โปรแกรมรุนแรงที่หันมาประเทศพม่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนของโลก.[ 60 ]สถานแรกรับของประเทศพม่าในสถานะประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างน้อยที่สุดโดยสหประชาชาติที่ในปี 1987 ที่ถูกไฮไลท์ให้เด่นชัดขึ้นล้มละลายทางเศรษฐกิจของ