A semi-arid climate or steppe clima

A semi-arid climate or steppe climate is the climate of a region that receives precipitation below potential evapotranspiration, but not extremely. A more precise definition is given by the Köppen climate classification that treats steppe climates (BSk and BSh) as intermediates between desert climates (BW) and humid climates in ecological characteristics and agricultural potential. Semi-arid climates tend to support short or scrubby vegetation, with semi-arid areas usually dominated by either grasses or shrubs.

To determine if a location has a semi-arid climate, the precipitation threshold must first be determined. Finding the precipitation threshold (in millimeters) involves first multiplying the average annual temperature in °C by 20, then adding 280 if 70% or more of the total precipitation is in the high-sun half of the year (April through September in the Northern Hemisphere, or October through March in the Southern), or 140 if 30%–70% of the total precipitation is received during the applicable period, or 0 if less than 30% of the total precipitation is so received. If the area's annual precipitation is less than the threshold but more than half the threshold, it is classified as a BS (steppe climate).[1]

Furthermore, to delineate "hot semi-arid climates" from "cold semi-arid climates", there are three widely used isotherms: Either a mean annual temperature of 18°C, or a mean temperature of 0°C or −3°C in the coldest month, so that a location with a "BS" type climate with the appropriate temperature above whichever isotherm is being used is classified as "hot semi-arid" (BSh), and a location with the appropriate temperature below the given isotherm is classified as "cold semi-arid" (BSk).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สภาพภูมิอากาศกึ่งแห้งแล้งหรือทุ่งหญ้าสเตปป์สภาพภูมิอากาศมีสภาพภูมิอากาศของภูมิภาคที่ได้รับฝนต่ำกว่าศักยภาพ evapotranspiration แต่มากไม่ คำจำกัดความที่ชัดเจนยิ่งขึ้นได้ โดยการจัดประเภทภูมิอากาศ Köppen ที่ปฏิบัติต่อสภาพอากาศที่ทุ่งหญ้าสเตปป์ (BSk และ BSh) เป็นตัวกลางระหว่างอากาศทะเลทราย (BW) และสภาพอากาศที่ชื้นในลักษณะระบบนิเวศและศักยภาพทางการเกษตร สภาพอากาศกึ่งแห้งแล้งมีแนวโน้มสนับสนุนพืชระยะสั้น หรือ scrubby มีพื้นที่กึ่งแห้งแล้งมักจะครอบงำ โดยหญ้าหรือพุ่มเพื่อดูว่า สถานที่มีภูมิอากาศกึ่งแห้งแล้ง ขีดจำกัดฝนต้องก่อนกำหนด หาขีดจำกัดฝน (ในหน่วยมิลลิเมตร) เกี่ยวข้องกับแรก คูณปีอุณหภูมิเฉลี่ยใน° C 20 เพิ่ม 280 ถ้าฝนรวมอย่างน้อย 70% ในซันสูง ครึ่งหนึ่งของปี (เมษายนถึงกันยายนในซีกโลกเหนือ หรือเดือนตุลาคมถึงมีนาคมในภาคใต้), หรือ 140 ถ้าได้รับในระหว่างรอบระยะเวลาใช้ 30%-70% ของฝนรวม หรือ 0 ถ้าน้อยกว่า 30% ของฝนรวมนั้นได้รับการ ว่าอันฝนรายปีน้อยกว่าขีดจำกัดแต่ขีดจำกัดมากกว่าครึ่ง ถูกจัดประเภทเป็น BS (ภูมิอากาศทุ่งหญ้าสเตปป์) [1]นอกจากนี้ ไป "ร้อนกึ่งแห้งแล้งสภาพอากาศที่" จาก "กึ่งแห้งแล้งสภาพอากาศเย็น" มีสาม isotherms ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย: หนึ่งอุณหภูมิรายปีเฉลี่ย 18 ° C หรืออุณหภูมิเฉลี่ย 0 ° C หรือ −3 ° C ในเดือนกับ ให้ตำแหน่งกับสภาพภูมิอากาศชนิด "BS" ด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสมข้างต้นใช้ isotherm ใดถูกจัดประเภทเป็น "ร้อนกึ่งแห้งแล้ง" (BSh) และสถานที่ มีอุณหภูมิที่เหมาะสมใต้ isotherm กำหนดถูกจัดประเภทเป็น "เย็นกึ่งแห้งแล้ง" (BSk)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สภาพภูมิอากาศกึ่งแห้งแล้งหรือสภาพภูมิอากาศบริภาษคือสภาพภูมิอากาศของภูมิภาคที่ได้รับการเร่งรัดด้านล่างคายระเหยที่อาจเกิดขึ้น แต่ไม่มาก ความหมายที่แม่นยำมากขึ้นจะได้รับจากKöppenภูมิอากาศประเภทที่ถือว่าภูมิอากาศบริภาษ (BSk และ BSH) เป็นตัวกลางระหว่างภูมิอากาศทะเลทราย (BW) และภูมิอากาศร้อนชื้นในลักษณะของระบบนิเวศและศักยภาพทางการเกษตร ภูมิอากาศกึ่งแห้งแล้งแนวโน้มที่จะสนับสนุนพันธุ์ไม้เตี้ยสั้นหรือมีพื้นที่กึ่งแห้งแล้งมักจะครอบงำโดยทั้งหญ้าหรือพุ่มไม้. การตรวจสอบว่าสถานที่ที่มีสภาพภูมิอากาศกึ่งแห้งแล้งเกณฑ์ฝนแรกจะต้องได้รับการพิจารณา หาเกณฑ์ฝน (มิลลิเมตร) ครั้งแรกที่เกี่ยวข้องกับการคูณปีอุณหภูมิโดยเฉลี่ยใน° C 20 แล้วเพิ่ม 280 ถ้า 70% หรือมากกว่าของฝนรวมในช่วงครึ่งสูงดวงอาทิตย์ของปี (เมษายนถึงเดือนกันยายนในภาคเหนือ ซีกโลกหรือเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคมในภาคใต้) หรือ 140 ถ้า 30% -70% ของปริมาณน้ำฝนรวมจะได้รับในช่วงระยะเวลาบังคับหรือ 0 ถ้าน้อยกว่า 30% ของปริมาณน้ำฝนรวมจะได้รับดังนั้น หากปริมาณน้ำฝนประจำปีของพื้นที่น้อยกว่าเกณฑ์ แต่มากกว่าครึ่งหนึ่งเกณฑ์ก็จัดเป็น วท.บ. (สภาพภูมิอากาศบริภาษ). [1] นอกจากนี้ในการวาดภาพ "ภูมิอากาศกึ่งแห้งแล้งร้อน" จาก "ภูมิอากาศกึ่งแห้งแล้งเย็น" มีสาม isotherms ใช้กันอย่างแพร่หลาย: ทั้งอุณหภูมิเฉลี่ยรายปีของ 18 องศาเซลเซียสหรืออุณหภูมิเฉลี่ยของ 0 ° C หรือ -3 องศาเซลเซียสในเดือนที่หนาวเย็นเพื่อให้สถานที่ที่มี "BS" สภาพภูมิอากาศที่มีประเภทที่เหมาะสม อุณหภูมิสูงกว่าไอโซเทอมแล้วแต่จำนวนใดจะถูกใช้เป็นที่จัดเป็น "กึ่งแห้งแล้งร้อน" (BSH) และสถานที่ที่มีอุณหภูมิที่เหมาะสมด้านล่างได้รับไอโซเทอมจัดเป็น "กึ่งแห้งแล้งเย็น" (ที่ BSk)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ภูมิอากาศกึ่งแห้งแล้งหรือทุ่งหญ้าสเตปป์ภูมิอากาศภูมิอากาศของพื้นที่ที่ได้รับปริมาณน้ำฝนต่ำกว่าค่าการคายระเหยน้ำสูงสุด แต่ไม่มาก ความละเอียดแม่นยำมากขึ้นจะได้รับโดย K ö ppen ภูมิอากาศการจำแนกประเภทที่ถือว่าบรรยากาศท้องทุ่ง ( และเป็นคอวี bsh ) ตัวกลางระหว่างภูมิอากาศทะเลทราย ( BW ) และชื้นภูมิอากาศในลักษณะทางนิเวศวิทยาและศักยภาพทางการเกษตรกึ่งแห้งแล้ง สภาพอากาศมักจะสนับสนุนสั้นหรือเตี้ยพืชกับพื้นที่กึ่งแห้งแล้งมักจะ dominated โดยให้หญ้าหรือพุ่มไม้

เพื่อตรวจสอบว่าสถานที่มีภูมิอากาศกึ่งแห้งแล้ง , การตกตะกอนเกณฑ์จะต้องได้รับการพิจารณา การค้นหาที่เกี่ยวข้องกับเกณฑ์การตกตะกอน ( มิลลิเมตร ) ก่อนการคูณอุณหภูมิเฉลี่ยรายปีในต่อเรือด้วย 20แล้วเพิ่มถ้า 70% หรือมากกว่าของปริมาณน้ำฝนทั้งหมดในสูงดวงอาทิตย์ครึ่งปี ( เมษายนถึงกันยายนในซีกโลก เหนือ หรือ เดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคมในภาคใต้ ) หรือถ้า 30% – 70% ของจำนวนทั้งหมดที่ได้รับในช่วงระยะเวลาที่ใช้ได้ หรือ 0 ถ้าน้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณน้ำฝนทั้งหมดที่ได้รับมากถ้าพื้นที่ของฝนประจำปีน้อยกว่าเกณฑ์ แต่มากกว่าครึ่งหนึ่งของธรณีประตู ก็จัดว่าเป็น BS ( บรรยากาศท้องทุ่ง ) [ 1 ]

นอกจากนี้ เพื่อแสดงถึงการ " ร้อนกึ่งแห้งแล้งภูมิอากาศ " จาก " เย็นกึ่งแห้งแล้งภูมิอากาศ " , มีการใช้กันอย่างแพร่หลายสมดุลย์ : ทั้งหมายถึงอุณหภูมิ 18 ประจำปี ° C หรืออุณหภูมิเฉลี่ยของ 0 ° C หรือ− 3 ° C ในเดือนที่หนาวจัดเพื่อที่สถานที่ด้วย " BS " ประเภทภูมิอากาศที่มีอุณหภูมิที่เหมาะสมข้างต้นจะถูกใช้เพื่อจัดเป็น " ร้อนแห้งแล้ง " ( bsh ) และเป็นสถานที่ที่มีอุณหภูมิที่เหมาะสมด้านล่างเพื่อให้จัดเป็น " หนาวแห้งแล้ง " ( คอวี )