เมืองรูปพระจันทน์เสี้ยวแห่งนี้สงบและซบเซามากเมื่อเทียบกับเมืองหลวงที่สับสนวุ่นวายแห่งอื่นของเชีย บรรยากาศความรุ่งโรจน์ที่เสื่อมสลายลงเรื่อยๆทำให้เสน่ห์อันเรียบง่ายของเวียงจันทน์โดนเด่นยิ่งชัด
ปอล แตรู บันทึกไว้ในปี 1975 ว่า “เวียงจันทน์เป็นนครที่โดดเด่น แต่หาความสะดวกสบายไม่ได้ ซ่องโสเภณียังสะอาดกว่าโรงแรม กัญชาราคาถูกกว่ายาสูบ ส่วนยาฝิ่นก็หาได้ง่ายกว่าเบียเย็นๆสักแก้ว” แม้ลาวจะเปลี่ยนไปมากตลอดช่วง 25 ปี ที่ตกใต้การปกครองแบบคอมมิวนิสต์ แต่เวียงจันทน์ก็ยังรักษาจิตวิญญาณของเมืองโบราณในเขตแดนเอาไว้ได้ คือเป็นเมืองโบราณในเขตชายแดนเอาไว้ได้ คือเป็นเมืองที่ทุกสิ่งยังดำเนินต่อไปตามวิถีทางของมัน แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะมีประสิทธิภาพเสมอไป
นครเวียงจันทน์ในปัจจุบันมีความหลากหลายทางด้านสถาปัตยกรรม อาหารกินและวัฒนธรรมอยู่มาก โดยมีอิทธิพลของลาว ไทย จีน เวียดนาม ฝรั่งเศส อเมริกา และแม้กระทั่งโซเวียตปะปนให้เห็นกันอยู่ทั่วไป เวียงจันทน์มีประชากรเพียง 10 % ของทั้งประเทศ แต่กลับมั่งคั่งรุ่งเรืองไม่น้อย การพัฒนาความเจริญในช่วงหลายปีหลังนี้ส่งผลให้โฉมหน้าของเวียงจันทน์ในปัจจุบันแตกต่างไปจากเวียงจันทน์ในสมัยหลังสงครามอินโดจีนครั้งที่สองมาก ทุกวันนี้ไม่เพียงแต่ไฟฟ้าเท่านั้น แม้แต่อินเตอร์เน็ตก็มีให้ใช้ ตามถนนหนทางมีรถยนต์แบบขับเคลื่อนสี่ล้อวิ่งผ่านไป สำนักงาน บ้านพัก และไนต์คลับก็ล้วนแต่ติดเตื่องปรับอากาศทั้งสิ้น