This chapter proposes a theory of i

This chapter proposes a theory of individual voter and elite behavior in “patronage democracies” which explains expectations of ethnic favoritism as an outcome of the information constraints that characterize patronage transactions in such democracies.
Situations in which observers have to distinguish between individuals under severe information constraints,
I argue, bias them toward schemes of ethnic categorization.
The voting decision in a patronage democracy is such a limited information situation. Consequently, voters are biased toward ethnic categorizations of the beneficiaries of patronage transactions.
Confronted with voter biases, I show why elites are forced to favor voters from their “own” categories in their search for office.
And voters, observing in turn that politicians help their “own,” but unaware that their own perceptual biases drive elites to adopt such a strategy, place their trust primarily in co-ethnic politicians,
leading to a self-enforcing and reinforcing equilibrium of ethnic favoritism in patronage democracies. This theory is summarized in Figure 4.1 above.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บทนี้เสนอทฤษฎีของผู้ลงคะแนนเสียงแต่ละคนและพฤติกรรม elite ใน "ระบอบประชาธิปไตยอุปถัมภ์" ซึ่งอธิบายความคาดหวังของชาติพันธุ์ลำเอียงเป็นผลที่ได้ของข้อจำกัดข้อมูลที่สนับสนุนธุรกรรมในระบอบประชาธิปไตยดังกล่าว สถานการณ์ที่ต้องแยกความแตกต่างระหว่างบุคคลภายใต้ข้อจำกัดข้อมูลที่รุนแรง ผู้สังเกตการณ์ ผมเถียง อคติพวกเขาไปสู่แบบแผนของการจัดประเภทเชื้อชาติ การตัดสินใจลงคะแนนเสียงในประชาธิปไตยอุปถัมภ์เป็นสถานการณ์ดังกล่าวข้อมูลที่จำกัด ดังนั้น ผู้ลงคะแนนจะลำเอียงไปทางชาติพันธุ์จัดประเภทของผู้รับประโยชน์ของธุรกรรมสนับสนุน ฉันเผชิญกับอคติของผู้ลงคะแนนเสียง แสดงทำไมร่ำรวยถูกบังคับให้ประชาชนลงคะแนนจากประเภท "ของตัวเอง" ในการค้นหาสำนักงานของชำร่วย และผู้ลง คะแนน การสังเกตในการเปิดที่ นักการเมืองช่วยเอง ", " แต่ไม่รู้ว่า อคติของตนเองรับรู้ขับที่ร่ำรวยจะนำมาใช้เป็นกลยุทธ์ วางหลักในการร่วมชาติพันธุ์นักการเมือง นำไปสู่การลำเอียงชาติพันธุ์ในระบอบประชาธิปไตยอุปถัมภ์สมดุลตนเองบังคับใช้ และเสริม ทฤษฎีนี้มีสรุปในรูป 4.1 ข้างต้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในบทนี้จะได้นำเสนอทฤษฎีของผู้มีสิทธิเลือกตั้งบุคคลและพฤติกรรมที่ยอดเยี่ยมใน "ระบอบประชาธิปไตยในพระบรมราชูปถัมภ์" ซึ่งอธิบายถึงความคาดหวังของการเล่นพรรคเล่นพวกชาติพันธุ์เป็นผลของการ จำกัด ข้อมูลที่เป็นลักษณะการทำธุรกรรมในพระบรมราชูปถัมภ์ในระบอบประชาธิปไตยดังกล่าว.
สถานการณ์ที่ผู้สังเกตการณ์จะต้องแยกแยะความแตกต่างระหว่างบุคคลภายใต้ข้อ จำกัด ของข้อมูลที่รุนแรง ,
ผมยืนยันอคติพวกเขาไปสู่รูปแบบของการจัดหมวดหมู่ของกลุ่มชาติพันธุ์.
การตัดสินใจการออกเสียงลงคะแนนในการปกครองระบอบประชาธิปไตยในพระบรมราชูปถัมภ์เป็นเช่นสถานการณ์ข้อมูลที่ จำกัด ดังนั้นผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะเอนเอียงไปทาง categorizations ชาติพันธุ์ของผลประโยชน์ของการทำธุรกรรมอุปถัมภ์.
เผชิญหน้ากับอคติผู้มีสิทธิเลือกตั้งผมแสดงว่าทำไมชนชั้นที่ถูกบังคับให้ประโยชน์แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจาก "ตัวเอง" ของพวกเขาหมวดหมู่ในการค้นหาของพวกเขาสำหรับสำนักงาน.
และผู้มีสิทธิเลือกตั้งสังเกตในทางกลับกันว่านักการเมืองช่วย "ตัวเอง" ของพวกเขา แต่ไม่รู้ว่าอคติการรับรู้ของตัวเองขับรถชนชั้นสูงเพื่อนำมาใช้กลยุทธ์ดังกล่าววางไว้วางใจนักการเมืองเป็นหลักในการร่วมชาติพันธุ์
นำไปสู่การบังคับใช้ด้วยตนเองและเสริมความสมดุลของการเล่นพรรคเล่นพวกชาติพันธุ์ในระบอบประชาธิปไตยในพระบรมราชูปถัมภ์ ทฤษฎีนี้ได้สรุปไว้ในรูปที่ 4.1 ข้างต้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บทนี้นำเสนอทฤษฎีของพฤติกรรมบุคคลและยอดผู้มีสิทธิเลือกตั้งใน " คุณูปการประชาธิปไตย " ซึ่งอธิบายถึงความคาดหวังของกลุ่มชาติพันธุ์ลำเอียงเป็นผลของข้อมูลข้อจำกัดในที่ลักษณะธุรกรรมในประเทศดังกล่าวสถานการณ์ที่ผู้สังเกตการณ์ต้องแยกแยะระหว่างบุคคล ภายใต้เงื่อนไขข้อมูลที่รุนแรงผมยืนยันอคติเกี่ยวกับโครงร่างของการจำแนกชาติพันธุ์การโหวตในการตัดสินใจเป็นประชาธิปไตย เป็นข้อมูลที่จำกัดในสถานการณ์ ดังนั้น ผู้มีสิทธิเลือกตั้งอคติทางชาติพันธุ์การจัดประเภทของผลประโยชน์ของธุรกรรมการอุปถัมภ์เผชิญหน้ากับผู้มีสิทธิเลือกตั้งอคติ ผมแสดงถึงชนชั้นสูงที่ถูกบังคับให้ช่วยโหวตจากหมวดหมู่ของ " ตัวเอง " ในการค้นหาของพวกเขาสำหรับสำนักงานผู้มีสิทธิเลือกตั้งในการเปิดและสังเกตว่านักการเมืองช่วยเอง " " แต่ไม่รู้ว่าอคติของตัวเองรับรู้ไดรฟ์ชนชั้นสูงใช้กลยุทธ์ดังกล่าว ที่ไว้วางใจของพวกเขาเป็นหลักในการร่วมชาตินักการเมืองาตนเองการบังคับใช้และเสริมสมดุลของกลุ่มชาติพันธุ์ในพรรค ในประเทศประชาธิปไตย . ทฤษฎีนี้ได้สรุปไว้ในรูปที่ 4.1 ขึ้นไป