Art & ArchitectureThe Cathedral of

Art & Architecture
The Cathedral of Saint Paul has been in existence, in various buildings, since 1841. But it was Archbishop John Ireland, the renowned shepherd of the Archdiocese of Saint Paul, who helped bring to life the vision of a permanent mother church for Minnesota in 1904. In 1905, Emmanuel Louis Masqueray, a French architect trained at the Ecole des Beaux Arts in Paris, was selected to design what we know today as the fourth Cathedral of Saint Paul. Masqueray's devotion to the Catholic faith and his warm, personal relationship with Archbishop Ireland made him uniquely suited to the task. Ireland and his building committee wanted to create a structure that would stand for centuries. The new Cathedral needed to be "a modern building, perfect in its acoustics, in its sanitary, ventilating, heating and other details," according to a peer of Masqueray. Thus was the task of Masqueray and the many designers, craftsman, laborers, clergy and laypeople who worked on this structure.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ศิลปะและสถาปัตยกรรมมหาวิหารเซนต์พอลได้รับในการดำรงอยู่ อาคารต่าง ๆ ตั้งแต่ 1841 แต่มันเป็นอาร์ชบิชอปแห่งไอร์แลนด์จอห์น เลี้ยงแกะขึ้นชื่อของ Archdiocese ของเซนต์พอล ที่ช่วยให้ชีวิตนิมิตของคริสตจักรแม่ถาวรสำหรับมินนิโซตาในปี 1904 ใน 1905 เอมมานูเอลหลุยส์ Masqueray สถาปนิกฝรั่งเศสการฝึกอบรมที่ได้รับการเดซาร์ในปารีส เลือกการออกแบบสิ่งที่เรารู้วันนี้เป็นวิหารสี่ของเซนต์พอล ความจงรักภักดีของ Masqueray ความเชื่อคาทอลิกความสัมพันธ์อบอุ่น ส่วนตัวของเขากับอาร์ชบิชอปแห่งไอร์แลนด์ขึ้นเขาโดยเฉพาะเหมาะสมกับงาน ไอร์แลนด์และคณะกรรมการอาคารของเขาต้องการสร้างโครงสร้างที่ยืนมานานหลายศตวรรษ โบสถ์ใหม่จำเป็นต้องเป็น "ทันสมัยอาคาร สมบูรณ์แบบของเสียง การสุขาภิบาล การระบายอากาศ เครื่องทำความร้อน และราย ละเอียดอื่น ๆ ตามแบบเพียร์ของ Masqueray จึง เป็นงานของ Masqueray และหลายดีไซน์เนอร์ ช่างฝีมือ คนงาน พระสงฆ์ และ laypeople ที่ทำงานในโครงสร้างนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ศิลปะและสถาปัตยกรรม
มหาวิหารเซนต์ปอลที่ได้รับในการดำรงอยู่ในอาคารต่าง ๆ ตั้งแต่ 1841 แต่มันก็เป็นบาทหลวงจอห์นไอร์แลนด์, คนเลี้ยงแกะที่มีชื่อเสียงของอัครสังฆมณฑลของนักบุญพอลที่ช่วยนำไปสู่ชีวิตวิสัยทัศน์ของคริสตจักรแม่ถาวรสำหรับ มินนิโซตาในปี 1904 ในปี 1905 มานูเอลหลุยส์ Masqueray เป็นสถาปนิกชาวฝรั่งเศสได้รับการฝึกฝนที่ Ecole des Beaux Arts ในกรุงปารีสได้รับเลือกให้ออกแบบสิ่งที่เรารู้ในวันนี้เป็นวิหารที่สี่ของนักบุญพอล ความจงรักภักดี Masqueray เพื่อความเชื่อคาทอลิกและอบอุ่นความสัมพันธ์ส่วนตัวของเขากับอาร์คบิชอปไอร์แลนด์ทำให้เขาไม่ซ้ำกันเหมาะกับงาน ไอร์แลนด์และอาคารคณะกรรมการของเขาต้องการที่จะสร้างโครงสร้างที่จะยืนมานานหลายศตวรรษ มหาวิหารใหม่ที่จำเป็นในการเป็น "อาคารที่ทันสมัยสมบูรณ์แบบในอะคูสติกของตนในด้านสุขอนามัยของระบายความร้อนและรายละเอียดอื่น ๆ ตามไปด้วย" เพียร์ของ Masqueray จึงเป็นงานของการ Masqueray และนักออกแบบช่างฝีมือแรงงาน, พระสงฆ์และฆราวาสที่ทำงานในโครงสร้างนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ศิลปะ สถาปัตยกรรมมหาวิหารเซนต์พอลได้รับในการดำรงอยู่ ในอาคารต่าง ๆ ตั้งแต่ ร้าน . แต่มันเป็นอาร์ชบิชอปจอห์นไอร์แลนด์ ผู้โด่งดังของอัครสังฆมณฑลของนักบุญ เปาโล ที่ช่วยนำชีวิตวิสัยทัศน์ของคริสตจักรแม่ถาวรสำหรับมินนิโซตาใน 1904 . ใน 1905 , เอ็มมานูเอล หลุยส์ masqueray , สถาปนิกชาวฝรั่งเศสฝึกที่ Ecole des Beaux Arts ในปารีส ได้รับเลือกในการออกแบบ สิ่งที่เรารู้ในวันนี้เป็นวิหารที่สี่ของ Saint Paul masqueray เป็นการอุทิศตนเพื่อความเชื่อคาทอลิกและอบอุ่น ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับหัวหน้าของบิชอพไอร์แลนด์ทำไม่ซ้ำใครเหมาะกับงาน ไอร์แลนด์และคณะกรรมการอาคารของเขาต้องการที่จะสร้างโครงสร้างที่ยืนสำหรับหลายศตวรรษ วิหารแห่งใหม่ต้องเป็นอาคารที่ทันสมัย สมบูรณ์แบบในระบบเสียงในสุขาภิบาล ระบายอากาศ ความร้อนและรายละเอียดอื่น ๆ " ตามแบบของ masqueray . ดังนั้น คือ งาน masqueray และนักออกแบบหลายช่างฝีมือแรงงาน , พระสงฆ์และโยมที่ทำงานบนโครงสร้างนี้