Area cultivated using conservation

Area cultivated using conservation tillage methods has recently increased in Iran and soil compaction increment is one of the most challenging issues in this new technology. In addition to the soil compaction status at the end of growing season, soil compaction variation during the growing season is also important because of its potential effect on the crop growth and yield. Therefore, soil compaction variation during the corn growing season under different tillage methods and its effect on the crop yield was investigated in this study. The research was conducted in the form of a split plot experimental design with nine treatments and six replications. Main plots were tillage methods including: (1) conventional tillage method (CT); (2) reduced tillage (RT); and (3) zero tillage or direct drilling (ZT). Soil depth ranges of 0–0.10, 0.10–0.20, and 0.20–0.30 m were considered as sub plots. Soil bulk density (BD) and soil cone index (CI) were measured during corn growth season (eight measurements for bulk density and five measurements for cone index) as indices of soil compaction. Corn silage yield, thousand kernels weight, and grain yield were also determined in this research. Collected data were analyzed using SAS statistics software and Duncan's multiple range tests were used to compare the treatments means. Results indicated that tillage methods and soil depth had a significant effect on the soil bulk density so that the maximum soil bulk density was obtained from ZT method and soil depth range of 0.10–0.20 m. The difference between soil bulk densities in different tillage methods was statistically significant from the beginning of growth season to two month after the first irrigation (sixth measurement); while, this difference was not significant from the sixth measurement to the end of growth season. Soil cone index was also significantly affected by tillage methods and soil depth in such a way that ZT method and 0.20–0.30 m soil depth range had the maximum cone index. Although, the difference between tillage methods for corn yield and yield components was not statistically different, ZT method decreased corn thousand kernels weight, silage yield, and grain yield compared to the CT method for 11.1, 2.4, and 18.2%, respectively.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ล่าสุดได้เพิ่มตั้ง cultivated โดยใช้วิธีอนุรักษ์ tillage ในอิหร่าน และดินกระชับข้อมูลเพิ่มเป็นหนึ่งประเด็นท้าทายที่สุดในเทคโนโลยีใหม่นี้ นอกจากสถานะกระชับข้อมูลดินเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลเติบโต ปรับกระชับข้อมูลดินในระหว่างฤดูกาลเติบโตเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมีผลต่อศักยภาพการเติบโตของพืชและผลผลิต ดังนั้น ปรับกระชับข้อมูลดินในระหว่างฤดูกาลภายใต้ tillage แตกต่างวิธีการและผลผลิตพืชผลของการเจริญเติบโตข้าวโพดถูกตรวจสอบในการศึกษานี้ การวิจัยได้ดำเนินการในรูปแบบของการแบ่งแผนทดลองแบบรักษาเก้าและระยะ 6 ผืนหลักถูกวิธี tillage รวม: (1) วิธี tillage ธรรมดา (CT); (2) ลด tillage (RT); และ (3) ศูนย์ tillage หรือเจาะ (ZT) โดยตรง ช่วงความลึกดิน 0–0.10, 0.10–0.20 และ 0.20–0.30 m ได้ถือเป็นการลงจุดย่อย ดินจำนวนมากความหนาแน่น (BD) และดัชนีกรวยดิน (CI) ที่วัดในช่วงข้าวโพดฤดูการเจริญเติบโต (แปดวัดสำหรับความหนาแน่นจำนวนมากและวัด 5 ดัชนีกรวย) เป็นดัชนีของการกระชับข้อมูลดิน ผลผลิตไซเลจต่อข้าวโพด น้ำหนักเมล็ดพัน และผลผลิตข้าวยังถูกกำหนดในงานวิจัยนี้ ข้อมูลที่รวบรวมได้วิเคราะห์โดยใช้ซอฟต์แวร์สถิติ SAS และดันแคนของหลายช่วงทดสอบใช้ในการเปรียบเทียบการรักษาหมายถึง ผลระบุว่า วิธี tillage และความลึกของดินมีผลสำคัญในดินจำนวนมากความหนาแน่นเพื่อให้ความหนาแน่นสูงสุดดินจำนวนมากได้รับจาก ZT วิธีและดินลึกช่วง 0.10–0.20 เมตร ความแตกต่างระหว่างดินแน่นจำนวนมากในวิธีต่าง ๆ tillage ถูกทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาลเจริญเติบโตไปสองเดือนหลังจากชลประทานแรก (หกวัด); ในขณะที่ ความแตกต่างนี้ไม่สำคัญจากวัดหกถึงสิ้นสุดฤดูกาลเจริญเติบโต ดัชนีกรวยดินถูกจะได้รับผลกระทบ โดยวิธี tillage และความลึกของดินในลักษณะว่า ZT วิธีและ 0.20–0.30 m ดินจำพวกมีดัชนีสูงสุดกรวย ZT วิธีลดน้ำหนักเมล็ดข้าวโพดพัน ผลผลิตไซเลจต่อ แม้ว่า ความแตกต่างระหว่างวิธี tillage ข้าวโพดผลผลิตและองค์ประกอบผลผลิตไม่แตกต่างกันทางสถิติ และผลผลิตข้าวเปรียบเทียบกับวิธี CT 11.1, 2.4 และ 18.2% ตามลำดับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พื้นที่เพาะปลูกโดยใช้วิธีการไถพรวนการอนุรักษ์ได้เพิ่มขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ในประเทศอิหร่านและการเพิ่มขึ้นของการบดอัดดินเป็นหนึ่งในปัญหาที่ท้าทายที่สุดในเทคโนโลยีใหม่นี้ นอกจากนี้ยังมีการบดอัดดินสถานะที่ส่วนท้ายของฤดูการเจริญเติบโตการเปลี่ยนแปลงการบดอัดดินในช่วงฤดู​​ปลูกเป็นสิ่งที่สำคัญเพราะผลที่มีศักยภาพในการเจริญเติบโตของพืชและผลผลิต ดังนั้นรูปแบบการบดอัดดินในช่วงฤดู​​ปลูกข้าวโพดภายใต้วิธีการไถพรวนที่แตกต่างกันและส่งผลกระทบต่อผลผลิตพืชได้รับการตรวจสอบในการศึกษานี้ การวิจัยได้ดำเนินการในรูปแบบของการวางแผนการออกแบบการทดลองแยกกับเก้าและหกการรักษาซ้ำ แปลงหลักคือวิธีการไถพรวนรวมทั้ง: (1) วิธีการทั่วไปการไถพรวน (CT) (2) การไถพรวนลดลง (RT); และ (3) ศูนย์การไถพรวนหรือขุดเจาะโดยตรง (ZT) ช่วงความลึกของดิน 0-0.10, 0.10-0.20 และ 0.20-0.30 เมตรถูกถือว่าเป็นแปลงย่อย ความหนาแน่นของดิน (BD) และดัชนีกรวยดิน (CI) มีการวัดการเจริญเติบโตในช่วงฤดู​​ข้าวโพด (แปดวัดความหนาแน่นและห้าวัดสำหรับดัชนีกรวย) เป็นดัชนีของการบดอัดดิน ผลผลิตข้าวโพดหมักน้ำหนักพันเมล็ดและผลผลิตได้รับการพิจารณายังอยู่ในการวิจัยครั้งนี้ การเก็บรวบรวมข้อมูลที่ถูกวิเคราะห์โดยใช้สถิติ SAS ซอฟต์แวร์และการทดสอบช่วงของดันแคนหลายถูกนำมาใช้เพื่อเปรียบเทียบการรักษาวิธี ผลการศึกษาพบว่าวิธีการไถพรวนและความลึกของดินที่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญเกี่ยวกับความหนาแน่นของดินเพื่อให้ความหนาแน่นสูงสุดที่ได้รับจากวิธีการ ZT และระดับความลึกของดิน 0.10-0.20 ม. ความแตกต่างระหว่างความหนาแน่นของดินจำนวนมากในวิธีการไถพรวนที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติจากจุดเริ่มต้นของฤดูการเจริญเติบโตถึงสองเดือนหลังจากการชลประทานแรก (วัดที่หก); ในขณะที่ความแตกต่างนี้ไม่ได้เป็นอย่างมีนัยสำคัญจากการตรวจวัดที่หกที่ส่วนท้ายของฤดูการเจริญเติบโต ดัชนีกรวยดินยังได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญโดยวิธีการไถพรวนและความลึกของดินในลักษณะที่ว่าวิธีการ ZT และความลึกเมตรดิน 0.20-0.30 ช่วงมีค่าดัชนีสูงสุดกรวย แม้ว่าความแตกต่างระหว่างวิธีการไถพรวนสำหรับส่วนประกอบผลผลิตข้าวโพดและผลผลิตไม่แตกต่างกันทางสถิติวิธี ZT ลดน้ำหนักข้าวโพดเมล็ดพันผลผลิตหญ้าหมักและผลผลิตเมื่อเทียบกับวิธีการ CT 11.1, 2.4 และ 18.2% ตามลำดับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พื้นที่ที่ปลูกโดยใช้วิธีการอนุรักษ์ดินได้เพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ในอิหร่าน และทดสอบการบดอัดดินเป็นหนึ่งในความท้าทายที่สุดในเรื่องเทคโนโลยีใหม่นี้ นอกเหนือไปจากการบดอัดดินสถานะที่ส่วนท้ายของฤดูการเติบโต การบดอัดดินการเปลี่ยนแปลงในช่วงฤดูปลูก ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะมีผลต่อศักยภาพในการปลูกพืช การเจริญเติบโตและผลผลิต ดังนั้นการบดอัดดินการเปลี่ยนแปลงในช่วงฤดูกาลปลูกข้าวโพดภายใต้วิธีการไถพรวนที่แตกต่างกันและผลกระทบต่อผลผลิตถูกตรวจสอบในการศึกษานี้ งานวิจัยนี้ได้ทำการศึกษาในรูปแบบของการแยกแปลงทดลองกับเก้าการรักษา 6 ซ้ำ เรื่องหลักที่ถูกไถพรวนวิธีการรวมถึง : ( 1 ) วิธีการไถพรวนปกติ ( CT ) ; ( 2 ) ลดการไถพรวน ( RT )( 3 ) ศูนย์การไถพรวนหรือเจาะตรง ( คูน ) ความลึกของดินช่วง 0 - 0.10 , 0.10 และ 0.20 และ 0.20 - 0.30 เมตรถือว่าเป็นซับพล็อต . ความหนาแน่นรวมของดิน ( BD ) และดินโคน ( CI ) ดัชนีวัดในช่วงฤดูการเจริญเติบโตของข้าวโพด ( แปดวัดสำหรับความหนาแน่นและห้าวัดดัชนีกรวย ) เป็นดัชนีของการบดอัดดิน ผลผลิตข้าวโพดหมัก , พันเมล็ด น้ำหนักและผลผลิตเมล็ดพันธุ์ยังมุ่งมั่นในการวิจัยนี้ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ SAS ซอฟต์แวร์การทดสอบและหลายช่วงดันแคนเปรียบเทียบบําบัด หมายถึง ผลการศึกษาพบว่า วิธีการเตรียมดินและความลึกของดินมีผลต่อความหนาแน่นของดินเพื่อให้ดินมีความหนาแน่นสูงสุดที่ได้จากวิธี ZT และดินความลึกระหว่าง 0.10 และ 0.20 เมตรความแตกต่างระหว่างวิธีการไถพรวนดินและความหนาแน่นรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จากจุดเริ่มต้นของฤดูการเจริญเติบโตสองเดือนแรก ( วัดชลประทาน 6 ) ; ในขณะที่ความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญจากการวัด 6 ที่จะจบฤดูกาลการเจริญเติบโตดัชนีกรวยดินยังมีผลต่อวิธีการการเตรียมดินและความลึกของดินในลักษณะวิธี ZT และ 0.20 - 0.30 เมตร มีความลึกของดินช่วงดัชนีกรวยสูงสุด ถึงแม้ว่าความแตกต่างระหว่างวิธีการเตรียมดินเพื่อเพิ่มผลผลิตข้าวโพดและผลผลิตไม่แตกต่างกันทางสถิติ วิธีลดน้ำหนัก 1000 เมล็ดคูน ข้าวโพด ผลผลิตหญ้าหมักและผลผลิตข้าวเมื่อเทียบกับวิธี CT สำหรับ 11.1 , 2.4 และ 18.2 ตามลำดับ