BACKGROUND: Family caregivers suffe

BACKGROUND:

Family caregivers suffer physically, mentally, and spiritually. Community volunteers play an important role in supporting patients at the end of life or former caregivers in bereavement. However, there are no research reports of volunteer services focused on maintaining the wellbeing of end-of-life caregivers.

AIM:

To have volunteers, a hired volunteer coordinator, health care providers, and researchers implement and formatively evaluate a volunteer service to enable family caregivers to maintain their well being while providing care and subsequent bereavement. This presentation will focus on the volunteers' roles with the project as both agents of change to the service and as support for the caregivers.

METHOD:

A qualitative formative evaluation informed by Guba and Lincoln's Fourth Generation Evaluation (1989) participatory design was conducted. Data was collected through individual interviews, focus groups, participant observation during volunteer support meetings, and through volunteers' written reflections.

RESULTS:

Amongst the volunteers, volunteer coordinator, and principal investigator, there was mutual respect for and interest in learning about everyone's roles and experiences in the project. The experience was rewarding because they felt they helped the family caregiver and enjoyed developing and improving the service and working in a supportive team. Volunteers' challenges included being nervous for their first meeting with a caregiver, and frustration with some rules put in place to protect them (e.g. not helping the caregiver with direct care for the patient).

CONCLUSION:

Volunteers can be an effective part of the research team, while providing valuable support and encouragement for family caregivers to maintain their own wellbeing.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พื้นหลัง: เรื้อรังที่ครอบครัวประสบทางร่างกาย จิตใจ และพบ อาสาสมัครชุมชนมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนผู้ป่วยเมื่อสิ้นสุดของชีวิตหรืออดีตเรื้อรัง bereavement อย่างไรก็ตาม มีรายงานการวิจัยไม่บริการอาสาสมัครเน้นการรักษาสุขภาพที่ดีของการสิ้นสุดของชีวิตเรื้อรังเป้าหมาย: มีอาสาสมัคร ผู้ประสานงานอาสาสมัครเข้ ผู้ให้บริการสุขภาพ และนักวิจัยดำเนินการ และประเมินบริการอาสาสมัครเพื่อให้ครอบครัวเรื้อรังรักษาความสบายขณะให้การดูแลและต่อมา bereavement formatively งานนำเสนอนี้จะเน้นของอาสาสมัครบทบาทกับโครงการ เป็นทั้งตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงการบริการ และการสนับสนุนเรื้อรังวิธีการ: ดำเนินการประเมินความอุดมสมบูรณ์คุณภาพทราบ โดย Guba ลินคอล์นของประเมินรุ่นสี่ (1989) มีส่วนร่วมออกแบบและการ ข้อมูลถูกรวบรวมผ่านการสัมภาษณ์แต่ละ โฟกัสกลุ่ม การสังเกตผู้เรียนระหว่างการประชุมอาสาสมัครสนับสนุน และผ่านอาสาสมัครเขียนสะท้อนผลลัพธ์: Amongst the volunteers, volunteer coordinator, and principal investigator, there was mutual respect for and interest in learning about everyone's roles and experiences in the project. The experience was rewarding because they felt they helped the family caregiver and enjoyed developing and improving the service and working in a supportive team. Volunteers' challenges included being nervous for their first meeting with a caregiver, and frustration with some rules put in place to protect them (e.g. not helping the caregiver with direct care for the patient).CONCLUSION: Volunteers can be an effective part of the research team, while providing valuable support and encouragement for family caregivers to maintain their own wellbeing.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ภูมิหลัง: ผู้ดูแลผู้ป่วยครอบครัวต้องทนทุกข์ทรมานทางร่างกายจิตใจและจิตวิญญาณ อาสาสมัครชุมชนที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนผู้ป่วยในตอนท้ายของชีวิตหรือผู้ดูแลผู้ป่วยในอดีตปลิดชีพ แต่ไม่มีรายงานการวิจัยการให้บริการอาสาสมัครที่มุ่งเน้นในการรักษาสุขภาพที่ดีของผู้ดูแลปลายของชีวิต. AIM: จะมีอาสาสมัครผู้ประสานงานอาสาสมัครที่ได้รับการว่าจ้างให้บริการดูแลสุขภาพและนักวิจัยดำเนินการและ formatively ประเมินบริการอาสาสมัครที่จะช่วยให้ครอบครัว ผู้ดูแลผู้ป่วยในการรักษาความเป็นอยู่ของพวกเขาในขณะที่ให้การดูแลและเสียที่ตามมา นำเสนอนี้จะมุ่งเน้นไปที่บทบาทของอาสาสมัครกับโครงการเป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงทั้งการให้บริการและการสนับสนุนสำหรับผู้ดูแล. วิธีการ: การประเมินผลคุณภาพการก่อสร้างได้รับแจ้งจาก Guba และลิงคอล์นรุ่นที่สี่การประเมินผล (1989) การออกแบบที่มีส่วนร่วมได้ดำเนินการ ข้อมูลที่รวบรวมได้จากการสัมภาษณ์บุคคลโฟกัสกลุ่มร่วมสังเกตการณ์ในระหว่างการประชุมการสนับสนุนอาสาสมัครและผ่านอาสาสมัครสะท้อนเขียน. ผลการศึกษา: ในบรรดาอาสาสมัครผู้ประสานงานอาสาสมัครและผู้ตรวจสอบหลักมีความเคารพซึ่งกันและกันและความสนใจในการเรียนรู้เกี่ยวกับบทบาทของทุกคนและ ประสบการณ์ในโครงการ ประสบการณ์ที่คุ้มค่าเป็นเพราะพวกเขารู้สึกว่าพวกเขาช่วยดูแลครอบครัวและมีความสุขการพัฒนาและปรับปรุงการให้บริการและการทำงานในทีมงานที่ให้การสนับสนุน ความท้าทายที่อาสาสมัครรวมเป็นประสาทสำหรับการประชุมครั้งแรกของพวกเขากับผู้ดูแลและความยุ่งยากที่มีกฎบางอย่างใส่ในสถานที่ที่จะปกป้องพวกเขา (เช่นไม่ได้ช่วยให้การดูแลผู้ป่วยที่มีการดูแลโดยตรงสำหรับผู้ป่วย). สรุป: อาสาสมัครสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่มีประสิทธิภาพของการวิจัย ทีมในขณะที่ให้การสนับสนุนและให้กำลังใจที่มีคุณค่าสำหรับผู้ดูแลในครอบครัวในการดูแลรักษาสุขภาพที่ดีของตัวเอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พื้นหลัง : ผู้ดูแลในครอบครัว

ทรมานร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ อาสาสมัครชุมชนมีบทบาทในการรองรับผู้ป่วยที่ส่วนท้ายของชีวิต หรืออดีตผู้ดูแลในเหตุการณ์นั้น อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานวิจัยของอาสาสมัครต่างๆ เน้นการรักษาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยระยะสุดท้าย

เป้าหมาย :

จะได้จ้างอาสาสมัครผู้ประสานงานอาสาสมัครผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ และนักวิจัยใช้ formatively ประเมินและอาสาสมัครเพื่อช่วยให้ผู้ดูแลในครอบครัวในการรักษาของพวกเขาเป็นอย่างดีในขณะที่ให้การดูแลและภายหลังเหตุการณ์ . การนำเสนอนี้จะเน้นบทบาทของอาสาสมัครกับโครงการทั้งในฐานะตัวแทนของการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้บริการและสนับสนุนผู้ดูแล



วิธี :เชิงคุณภาพ ประเมินความก้าวหน้าการแจ้งโดยกูบาและลินคอล์นรุ่นที่ 4 ของการประเมินแบบมีส่วนร่วม ( 1989 ) การออกแบบการทดลอง เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์ แต่ละกลุ่ม การสังเกตแบบมีส่วนร่วม ระหว่างการประชุมสนับสนุนอาสาสมัครและอาสาสมัครเขียนสะท้อน

ผล :

ในหมู่อาสาสมัครผู้ประสานงานอาสาสมัคร และครูใหญ่ นักสืบมีความเคารพซึ่งกันและกันและความสนใจในการเรียนรู้เกี่ยวกับทุกบทบาทและประสบการณ์ในโครงการ ประสบการณ์เป็นรางวัล เพราะพวกเขารู้สึกว่า พวกเขาช่วยให้ผู้ดูแลในครอบครัวและสนุกกับการพัฒนาและปรับปรุงบริการและการทำงานเป็นทีมสนับสนุน อาสาสมัคร ' ความท้าทายรวมเป็นกังวลสำหรับการประชุมครั้งแรกของพวกเขากับผู้ดูแลและความยุ่งยากที่มีกฎการวางในสถานที่ที่จะปกป้องพวกเขา ( เช่นไม่ช่วยให้ผู้ดูแลมีการดูแลโดยตรงสำหรับผู้ป่วย ) .

สรุป :

อาสาสมัครสามารถเป็นส่วนหนึ่งของทีมวิจัยที่มีประสิทธิภาพ ในขณะที่ให้การสนับสนุนที่มีคุณค่าและส่งเสริมให้ญาติผู้ดูแลรักษาคุณภาพชีวิตของตนเอง .