ความเชื่อเป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ และถือว่าเป็นวัฒนธรรมของมนุษย์อย่างหนึ่ง การดำรงชีวิตของมนุษย์ในสมัยโบราณที่มีความเจริญทางด้านวิชาการน้อย ความเชื่อจึงเกิดจากการเกิดขึ้น และการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติที่มนุษย์เชื่อว่าเป็นการบันดาลให้เกิดขึ้นจากอำนาจของเทวดา พระเจ้า หรือภูตผีปีศาจ ดังนั้นเมื่อเกิดปรากฏการณ์ต่างๆ ขึ้น เช่น ฝนตก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด อุทกภัย และวาตภัย ต่างๆ ขึ้น ล้วนเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อชีวิตหรือความเป็นอยู่ของมนุษย์ ซึ่งยากที่จะป้องกันหรือแก้ไขได้ด้วยตัวเอง บางอย่างเป็นเหตุการณ์ที่อำนวยประโยชน์ แต่บางเหตุการณ์ก็เป็นอันตรายต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของมนุษย์ มนุษย์จึงพยายามที่จะคิดหาวิธีการที่จะก่อให้เกิดผลในทางที่ดี และเกิดความสุขให้กับตนเอง เพื่อกระทำต่อสิ่งที่มีอำนาจเหนือธรรมชาติเหล่านั้น ทำให้เกิดเป็นแนวทางปฏิบัติที่เป็นพิธีกรรม หรือศาสนาเกิดขึ้น
ในความคิดของฉัน ความเชื่อหรือความศรัทธานั้นก็ คือ การที่ทำให้คนที่มีความเชื่อมีความมั่นใจ สุขใจ อุ่นใจ เบาใจ และช่วยให้หายจากความหวาดกลัวในสิ่งที่ไม่สามารถเข้าใจได้และหลีกหนีได้ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคนเรา มันคือ การยอมรับว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นความจริงหรือเป็นสิ่งที่เราไว้ใจ ความจริงหรือความไว้วางใจที่เป็นรูปของความเชื่อนั้น ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นความจริงที่ตรงตามหลักเหตุผลหรือหลักวิทยาศาสตร์ใดๆ คนที่เชื่อในฤกษ์ยามก็จะถือว่า วันเวลาการโคจรของดวงดาวจะก่อให้เกิดผลต่อตัวมนุษย์ คนที่เชื่อเครื่องรางของขลังก็จะมีความยึดมั่นว่า เครื่องรางของขลังให้คุณให้โทษแก่ตนได้จริง ตัวอย่างของความเชื่อ ได้แก่ ไสยศาสตร์ โหราศาสตร์ โชคลาง ของขลัง ผีสาง นางไม้ ความเชื่ออำนาจลึกลับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับวิทยาศาสตร์อย่างสิ้นเชิง เพราะวิทยาศาสตร์จะเชื่อถือได้ก็ต่อเมื่อ สิ่งๆนั้นที่เราต้องการรู้ มันสามารถที่จะทดลองและพิสูจน์มันได้ ว่ามันเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงและเป็นสิ่งที่เป็นไปได้
ความเชื่อนั้นเป็นสิ่งที่มาช่วยให้มนุษย์มีความมั่นใจ สุขใจ เบาใจ และหลุดพ้นจากความทุกข์ลงได้ โดยความเชื่อของแต่ละคนก็อาจไม่เหมือนกันไป บางคนก็เชื่อตามพ่อแม่ บางคนก็เชื่อจากการถูกบังคับ บางคนก็เชื่อจากการเรียนรู้ บางคนก็เชื่อโดยใช้ปัญญา ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญที่จะนำมาเปรียบเทียบกัน สิ่งสำคัญคือความเชื่อนั้นได้ช่วยทำให้ความทุกข์ของจิตใจเราลดน้อยลงหรือไม่? ถ้าความเชื่อใดช่วยให้ความทุกข์ของจิตใจเราลดน้อยลงได้ ความเชื่อนั้นก็เหมาะสมสำหรับเรา แต่ถ้าความเชื่อใดไม่ช่วยให้ความทุกข์ของจิตใจเราลดน้อยลงได้ ความเชื่อนั้นก็ไม่เหมาะสมสำหรับเรา