However, these raw materials are ba

However, these raw materials are basically food crop continuously utilizing these for ethanol production would be in conflict with the growing demand for food. The use of Nipa palm as a source of bioethanol is more advantageous compared to these crops in terms of yields and sustainability. The potential of Nipa palm to produce sugar (Ekpunobi and Eboatu, 2008), alcohol (Dalibard, 1999), and ethanol (Tamunaidu et al., 2011; Thong-Om 2009) has been already proven and reported. Tamunaisdu et al. (2011) found Nipa palm sap to be a good source and prospect for bioethanol production as it can be easily fermented with high yields of ethanol. Nipa palm is considered to be one of most versatile plant in the coastal areas due to its many uses (Hamilton and Murphy, 1987; Miah et al, 2003; Quimbo, 1991; Wongchan, 1997). In the early days, it has been used for wide variety of purposes, such as thatching, making vinegar, and for alcoholic beverages. Nowadays, it is used as the primary source of ethanol and or biofuel production in some parts of the world like West Africa and Malaysia (Biopact team, 2007; and Tan, 2001).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

อย่างไรก็ตาม วัตถุดิบเหล่านี้ได้โดยทั่วไปพืชอาหารอย่างต่อเนื่องใช้สำหรับการผลิตเอทานอลเหล่านี้จะขัดแย้งกับความเติบโตต้องการอาหาร การใช้ Nipa palm เป็นแหล่งที่มาของ bioethanol ผลดีเมื่อเทียบกับพืชเหล่านี้ในแง่ของผลผลิตและความยั่งยืน จากศักยภาพในการผลิตน้ำตาล (Ekpunobi และ Eboatu, 2008), แอลกอฮอล์ (Dalibard, 1999), และเอทานอล (Tamunaidu et al. 2011 Thong-Om 2009) ได้รับการพิสูจน์ และรายงาน Tamunaisdu et al. (2011) พบนิภา sap ปาล์มเพื่อเป็นแหล่งที่ดีและโอกาสสำหรับผลิต bioethanol มันสามารถนำมาหมักได้ง่าย ๆ ด้วยผลตอบแทนสูงของเอทานอล นิภาปาล์มถือเป็นหนึ่งในพืชหลากหลายมากที่สุดในพื้นที่ชายฝั่งทะเลเนื่องจากการใช้งานจำนวนมาก (แฮมิลตันและเมอร์ฟี่ 1987 แอ et al, 2003 Quimbo, 1991 Wongchan, 1997) ในยุคแรก มันถูกใช้สำหรับหลากหลายของวัตถุประสงค์ เช่นกรอบ ทำน้ำส้มสายชู และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในปัจจุบันนี้ มันถูกใช้เป็นแหล่งที่มาหลักของการผลิตเอทานอลและเชื้อเพลิงชีวภาพหรือในบางส่วนของโลกเช่นแอฟริกาตะวันตกและมาเลเซีย (ทีม Biopact, 2007 และตาล 2001)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แต่วัตถุดิบเหล่านี้โดยทั่วไปพืชอาหารอย่างต่อเนื่องใช้เหล่านี้สำหรับการผลิตเอทานอจะอยู่ในความขัดแย้งกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับอาหาร การใช้งานของนิภาปาล์มเป็นแหล่งที่มาของเอทานอลเป็นได้เปรียบมากขึ้นเมื่อเทียบกับพืชเหล่านี้ในแง่ของอัตราผลตอบแทนและความยั่งยืน ศักยภาพของนิภาปาล์มในการผลิตน้ำตาล (Ekpunobi และ Eboatu 2008), เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (Dalibard, 1999) และเอทานอล (Tamunaidu et al, 2011;. ทองอ้อม 2009) ได้รับการพิสูจน์แล้วและมีการรายงาน Tamunaisdu et al, (2011) พบนิภา SAP ปาล์มจะเป็นแหล่งที่ดีและโอกาสสำหรับการผลิตเอทานอลที่จะสามารถหมักได้อย่างง่ายดายด้วยอัตราผลตอบแทนที่สูงของเอทานอล นิภาปาล์มจะถือเป็นหนึ่งในพืชที่หลากหลายที่สุดในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันเนื่องมาจากการใช้งานจำนวนมาก (แฮมิลตันและเมอร์ฟี่, 1987; Miah et al, 2003; Quimbo 1991; Wongchan, 1997) ในวันแรกจะได้รับการใช้สำหรับหลากหลายวัตถุประสงค์เช่นมุงทำให้น้ำส้มสายชูและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ปัจจุบันมันถูกใช้เป็นแหล่งที่มาหลักของเอทานอลและไบโอดีเซลหรือการผลิตในบางส่วนของโลกเช่นแอฟริกาตะวันตกและมาเลเซีย (ทีม Biopact 2007 และตาล, 2001)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อย่างไรก็ตาม วัตถุดิบเหล่านี้โดยทั่วไปอาหารพืชที่ใช้ผลิตเอทานอลอย่างต่อเนื่องเหล่านี้จะขัดแย้งกับความต้องการเพิ่มขึ้นสำหรับอาหาร การใช้ต้นจากเป็นแหล่งที่มาของรถยนต์จะได้ประโยชน์มากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับพืชในแง่ของผลผลิตและความยั่งยืน ศักยภาพของจากการผลิตน้ำตาล ( ekpunobi และ eboatu , 2008 ) , แอลกอฮอล์ ( dalibard , 1999 ) และเอทานอล ( tamunaidu et al . , 2011 ; ทองอ้อม 2009 ) ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว และรายงาน tamunaisdu et al . ( 2011 ) ที่พบจาก SAP เป็นแหล่งที่ดีและโอกาสสำหรับการผลิตเอทานอลที่สามารถหมักที่มีผลผลิตสูงของเอทานอล จากจะถือว่าเป็นหนึ่งในพืชที่หลากหลายที่สุดในบริเวณชายฝั่ง เนื่องจากใช้มากของมัน ( Hamilton และ เมอร์ฟี่ , 1987 ; เซมมิ et al , 2003 ; Quimbo , 1991 ; wongchan , 1997 ) ในวันแรก , มันถูกใช้สำหรับหลากหลายของวัตถุประสงค์ เช่น มุงหลังคาด้วยจาก ทำให้ส้มและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ปัจจุบันมันถูกใช้เป็นแหล่งที่มาหลักของการผลิตไบโอดีเซลและเอทานอล หรือในบางส่วนของโลก เช่น แอฟริกาตะวันตก และมาเลเซีย ( biopact ทีม , 2007 ; แทน , 2001 )