The present study was carried out t

The present study was carried out to examine the role of transformational, transactional, and laissez-faire
leadership styles in predicting innovative work behavior among bank managers of Rawalpindi and Islamabad.
Multifactor Leadership Questionnaire (MLQ; Bass & Avolio, 1990) and Innovative Work Behavior Scale
(Butt, 2006) were used for data collection. The sample of the current study comprised 100 bank managers
including men (n = 78) and women (n = 22) with age range from 30 to 55 years (M = 33.42, SD = 9.13).
Stepwise regression analysis was applied to see the effect of leadership styles on innovative work behavior.
Results showed that transformational and transactional leadership style positively predicted innovative work
behavior whereas laissez-faire leadership style negatively predicted it. t-test revealed women bank managers to
have more transformational leadership style and men to be more innovative. In case of bank sectors, public
banks had more transformation leadership style and private bank were more innovative. Findings of the study
are in line with the theoretical assumptions of transformational and laissez-faire leadership style but inconsistent
for transactional leadership style. Practical implications are discussed and suggestions for future research are
made.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การศึกษาปัจจุบันได้รับการดำเนินการตรวจสอบบทบาทของภาวะ ธุรกรรม และ laissez-faireลักษณะความเป็นผู้นำในการทำนายความนวัตกรรมการทำงานพฤติกรรมผู้จัดการธนาคาร Rawalpindi และอิสลามาบัดแบบสอบถามภาวะผู้นำ multifactor (MLQ เบส & Avolio, 1990) และงานนวัตกรรมลักษณะขนาด(ชน 2006) ใช้สำหรับเก็บรวบรวมข้อมูล ตัวอย่างของการศึกษาปัจจุบันประกอบด้วยผู้จัดการธนาคาร 100รวมทั้งคน (n = 78) และหญิง (n = 22) มีช่วงอายุ 30-55 ปี (M = 33.42, SD = 9.13)วิเคราะห์การถดถอย stepwise ถูกใช้เพื่อดูผลของลักษณะความเป็นผู้นำในลักษณะการทำงานของงานนวัตกรรมผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่า ทรานแซคชัน และภาวะความเป็นผู้นำสไตล์บวกทำนายงานนวัตกรรมพฤติกรรมขณะนำ laissez-faire สไตล์ส่งคาดว่า จะ t-ทดสอบผู้หญิงเปิดเผยผู้จัดการธนาคารเพื่อมีลักษณะความเป็นผู้นำและคนเป็นนวัตกรรมมากขึ้นภาวะ ในกรณีที่ธนาคารภาค สาธารณะธนาคารมีลักษณะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม และธนาคารเอกชนมีนวัตกรรมมากขึ้น ผลการวิจัยของการศึกษาจะสอดคล้องกับสมมติฐานทฤษฎีแบบ laissez-faire และภาวะความเป็นผู้นำแต่ไม่สอดคล้องกันลักษณะผู้นำทรานแซคชัน มีการกล่าวถึงผลการปฏิบัติ และมีข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยในอนาคตได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาครั้งนี้ได้ดำเนินการเพื่อตรวจสอบบทบาทของการเปลี่ยนแปลงการทำธุรกรรมและไม่รู้ไม่ชี้รูปแบบการเป็นผู้นำในการทำนายพฤติกรรมการทำงานที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในหมู่ผู้บริหารธนาคารของราวัลและกรุงอิสลามาบัด.
Multifactor เป็นผู้นำแบบสอบถาม (MLQ; Bass & Avolio, 1990) และพฤติกรรมการทำงานของนวัตกรรม เครื่องชั่งน้ำหนัก
(หัวเราะ 2006) ถูกนำมาใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ตัวอย่างของการศึกษาในปัจจุบันประกอบด้วย 100
ผู้จัดการธนาคารรวมทั้งผู้ชาย(n = 78) และหญิง (n = 22) ที่มีช่วงอายุ 30-55 ปี (M = 33.42, SD = 9.13).
การวิเคราะห์การถดถอยแบบขั้นตอนถูกนำมาใช้เพื่อดู ผลของรูปแบบการเป็นผู้นำที่มีต่อพฤติกรรมการทำงานที่เป็นนวัตกรรมใหม่. ผลการศึกษาพบว่ารูปแบบภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงและการทำธุรกรรมที่คาดการณ์ในเชิงบวกงานนวัตกรรมพฤติกรรมในขณะที่ไม่รู้ไม่ชี้ลักษณะการเป็นผู้นำที่คาดการณ์ในเชิงลบมัน t-test เปิดเผยผู้หญิงผู้จัดการธนาคารเพื่อมีรูปแบบภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นและคนที่จะเป็นนวัตกรรมมากขึ้น ในกรณีของภาคธนาคารประชาชนธนาคารมีลักษณะความเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นและธนาคารเอกชนมีนวัตกรรมมากขึ้น ผลการศึกษาที่สอดคล้องกับสมมติฐานทฤษฎีของรูปแบบภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงและไม่รู้ไม่ชี้แต่ที่ไม่สอดคล้องกันสำหรับรูปแบบการเป็นผู้นำในการทำธุรกรรม ผลกระทบที่จะกล่าวถึงในทางปฏิบัติและข้อเสนอแนะสำหรับการวิจัยในอนาคตจะทำ