การศึกษาการเจริญเติบโตและการเปลี่ยน

การศึกษาการเจริญเติบโตและการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาบางประการของผักหวานป่าในจังหวัดพะเยา มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของปัจจัยของความเข้มแสงและดินปลูก 4 ชนิด ที่มีผลต่อการเจริญเติบโตและการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของผักหวานป่า และเพื่อศึกษาหาปริมาณน้ำตาล วิตามินซี และเอนไซม์คะตาเลสที่มีในใบผักหวานป่า จากการศึกษาการเจริญเติบโตของผักหวานป่าในดินปลูก 4 ชนิด ในตาข่ายกรองแสง 60% และ 80% พบว่าลำต้นผักหวานป่า มีความสูงเจริญเติบโตได้ดีที่สุดในดินลูกรัง สูงถึง 15.38 cm ขนาดลำต้นของผักหวานป่า มีขนาดลำต้นเจริญเติบโตได้ดีที่สุด ในดินทรายและในดินร่วน มีขนาดลำต้นใหญ่สุดถึง 0.68 cm จำนวนใบพบว่ามีการเจริญเติบโตมากที่สุดในดินร่วน มีจำนวนใบมากถึง 12.25 ใบ พื้นที่ของใบ มีการเจริญเติบโตสูงสุดในดินทราย มีพื้นที่ของใบมากถึง 14.31 cm2 ที่ตาข่ายกรองแสง 60% ซึ่งมีปริมาณแสงสูงกว่าตาข่ายกรองแสง 80% มีผลทำให้การเจริญเติบโตของผักหวานป่าเจริญได้ดีกว่าปริมาณแสงที่น้อย และได้ทำการศึกษาวัดค่าสี RGB ของใบผักหวานป่า พบว่าใบผักหวานป่ามีสีเขียวเข้มที่สุด ในดินปลวก มีค่า R 20, G 30, B 0 จากตาข่ายกรองแสง 80% และให้สีเขียวอ่อนที่สุดอยู่ที่ต้นที่ 1 ในดินลูกรัง มีค่า R 102, G 115, B 35, จากตาข่ายกรองแสง 60% นอกจากนี้ยังได้มีการนำใบผักหวานป่าจากต้นแม่พันธุ์ ที่อำเภอ เชียงม่วน จังหวัดพะเยา มาหาปริมาณน้ำตาล วิตามินซี และเอนไซม์คะตาเลส พบว่า หลังจากเก็บผักหวานป่าไว้เป็นเวลา 15 วัน จะมีปริมาณน้ำตาลในใบผักหวานป่า มีค่า 6.16, 5.87, 5.00, 4.22 และ 3.65°Brix ลดลงตามลำดับ ปริมาณวิตามินซี มีค่า 2.10, 2.30, 2.37, 2.47 และ 2.74 mg เพิ่มขึ้นตามลำดับ และปริมาณเอนไซม์คะตาเลส มีค่า 4822.41, 3856.31, 2939.95, 2635.99 และ 1963.21 nkat ลดลงตามลำดับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การศึกษาการเจริญเติบโตและการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาบางประการของผักหวานป่าในจังหวัดพะเยามีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของปัจจัยของความเข้มแสงและดินปลูก 4 สิ่งที่มีผลต่อการเจริญเติบโตและการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของผักหวานป่าและเพื่อศึกษาหาปริมาณน้ำตาลวิตามินซีและเอนไซม์คะตาเลสที่มีในใบผักหวานป่าจากการศึกษาการเจริญเติบโตของผักหวานป่าในดินปลูก 4 สิ่งในตาข่ายกรองแสง 60% และ 80% พบว่าลำต้นผักหวานป่ามีความสูงเจริญเติบโตได้ดีที่สุดในดินลูกรังสูงถึงซม. 15.38 ขนาดลำต้นของผักหวานป่ามีขนาดลำต้นเจริญเติบโตได้ดีที่สุดในดินทรายและในดินร่วน.มีขนาดลำต้นใหญ่สุดถึง 0.68 cm จำนวนใบพบว่ามีการเจริญเติบโตมากที่สุดในดินร่วนมีจำนวนใบมากถึง = 12.25 ใบพื้นที่ของใบมีการเจริญเติบโตสูงสุดในดินทรายมีพื้นที่ของใบมากถึง 14.31 cm2 ที่ตาข่ายกรองแสง 60% ซึ่งมีปริมาณแสงสูงกว่าตาข่ายกรองแสง 80% มีผลทำให้การเจริญเติบโตของผักหวานป่าเจริญได้ดีกว่าปริมาณแสงที่น้อยและได้ทำการศึกษาวัดค่าสี RGB ของใบผักหวานป่าพบว่าใบผักหวานป่ามีสีเขียวเข้มที่สุดในดินปลวกมีค่า R 20, G 30, B 0 จากตาข่ายกรองแสง 80% และให้สีเขียวอ่อนที่สุดอยู่ที่ต้นที่ 1 ในดินลูกรังมีค่า R 102, G 115, B 35 นอกจากนี้ยังได้มีการนำใบผจากตาข่ายกรองแสง 60%ักหวานป่าจากต้นแม่พันธุ์ที่อำเภอเชียงม่วนจังหวัดพะเยามาหาปริมาณน้ำตาลวิตามินซีและเอนไซม์คะตาเลสพบว่าหลังจากเก็บผักหวานป่าไว้เป็นเวลา 15 วันจะมีปริมาณน้ำตาลในใบผักหวานป่ามีค่า 6.16, 5.87, 5.00, 4.22 และ 3.65 ° Brix ลดลงตามลำดับปริมาณวิตามินซีมีค่า 2.10, 2.30, 2.37, 2.47 และ 2.74 มก.เพิ่มขึ้นตามลำดับและปริมาณเอนไซม์คะตาเลสมีค่า 4822.41, 3856.31, 2939.95, 2635.99 และ 1963.21 nkat ลดลงตามลำดับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

4 ชนิด และเพื่อศึกษาหา​​ปริมาณน้ำตาลวิตามินซี 4 ชนิดในตาข่ายกรองแสง 60% และ 80% พบว่าลำต้นผักหวานป่า สูงถึง 15.38 ซม. ขนาดลำต้นของผักหวานป่ามีขนาดลำต้นเจริญเติบโตได้ดีที่สุดในดินทรายและในดินร่วนมีขนาดลำต้นใหญ่สุดถึง 0.68 ซม. มีจำนวนใบมากถึง 12.25 ใบพื้นที่ของใบมีการเจริญเติบโตสูงสุดในดินทรายมีพื้นที่ของใบมากถึง 14.31 cm2 ที่ตาข่ายกรองแสง 60% 80% และได้ทำการศึกษาวัดค่าสี RGB ของใบผักหวานป่า ในดินปลวกมีค่า R 20, G 30, B 0 จากตาข่ายกรองแสง 80% 1 ในดินลูกรังมีค่า R 102, G 115, B 35, จากตาข่ายกรองแสง 60% ที่อำเภอเชียงม่วนจังหวัดพะเยามาหาปริมาณน้ำตาลวิตามินซีและเอนไซม์คะตาเลสพบว่าหลังจากเก็บผักหวานป่าไว้เป็นเวลา 15 วันจะมีปริมาณน้ำตาลในใบผักหวานป่ามีค่า 6.16, 5.87, 5.00, 4.22 และ 3.65 ° Brix ลดลงตาม ลำดับปริมาณวิตามินซีมีค่า 2.10, 2.30, 2.37, 2.47 และ 2.74 มก. เพิ่มขึ้นตามลำดับและปริมาณเอนไซม์คะตาเลสมีค่า 4,822.41, 3,856.31, 2,939.95, 2,635.99 และ 1,963.21 nkat ลดลงตามลำดับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษาการเจริญเติบโตและการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาบางประการของผักหวานป่าในจังหวัดพะเยามีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของปัจจัยของความเข้มแสงและดินปลูก 4 ชนิดและเพื่อศึกษาหาปริมาณน้ำตาลวิตามินซีและเอนไซม์คะตาเลสที่มีในใบผักหวานป่าจากการศึกษาการเจริญเติบโตของผักหวานป่าในดินปลูก 4 ชนิดในตาข่ายกรองแสง 60% และ 80% พบว่าลำต้นผักหวานป่า15 สูงถึง .38 ซม. ขนาดลำต้นของผักหวานป่ามีขนาดลำต้นเจริญเติบโตได้ดีที่สุดในดินทรายและในดินร่วนมีขนาดลำต้นใหญ่สุดถึง 0.68 เซนติเมตรจำนวนใบพบว่ามีการเจริญเติบโตมากที่สุดในดินร่วนมีจำนวนใบมากถึง 1225 ใบพื้นที่ของใบมีการเจริญเติบโตสูงสุดในดินทรายมีพื้นที่ของใบมากถึง 1431 CM2 ที่ตาข่ายกรองแสง 60% ซึ่งมีปริมาณแสงสูงกว่าตาข่ายกรองแสง 80% มีผลทำให้การเจริญเติบโตของผักหวานป่าเจริญได้ดีกว่าปริมาณแสงที่น้อยและได้ทำการศึกษาวัดค่าสี RGB ของใบผักหวานป่าในดินปลวกมีค่า R 20กรัม 30 B 0 จากตาข่ายกรองแสง 80% และให้สีเขียวอ่อนที่สุดอยู่ที่ต้นที่ 1 ในดินลูกรังมีค่า R 102 กรัม 115 B 35จากตาข่ายกรองแสง 60% นอกจากนี้ยังได้มีการนำใบผักหวานป่าจากต้นแม่พันธุ์ที่อำเภอเชียงม่วนจังหวัดพะเยามาหาปริมาณน้ำตาลวิตามินซีและเอนไซม์คะตาเลสพบว่าหลังจากเก็บผักหวานป่าไว้เป็นเวลา 15 ได้รับเลือกตั้งผ่านกระบวนการประชาธิปไตยของพม่ามีค่า 616 , 5.87 , 5.00 , 4.17 และ 3.65 องศาบริกซ์ลดลงตามลำดับปริมาณวิตามินซีมีค่า 2.10 2.30 2.37 , 2.47 และ 2.74 มิลลิกรัมเพิ่มขึ้นตามลำดับและปริมาณเอนไซม์คะตาเลสมีค่า 4822.41 3856.31 2939.95 , , , และ 2635.99 1963.21 nkat ลดลงตามลำดับ