ในบรรดาสิ่งมีชีวิตที่เรืองแสงชนิดต่

ในบรรดาสิ่งมีชีวิตที่เรืองแสงชนิดต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น สิ่งที่มีผู้ พยายามศึกษาปฏิกิริยาเคมีภายในเซลล์เป็นชนิดแรกคือหอยสองกาบ โฟลาส แดคติลุส (Pholas dactylus) ผู้ทดลองนำมาสกัดในน้ำเย็น สารละ ลายที่ได้จากการสกัดจะเรืองแสงอยู่ชั่วครู่แล้วก็หยุดแต่สารละลายที่ได้จาก การสกัดด้วยน้ำร้อนจะไม่เรืองแสง แต่เมื่อตั้งทิ้งไว้ให้เย็นและนำไปผสม กับสารละลายแรกที่ดับแล้ว จะกลับมีการเรืองแสงขึ้นมาใหม่
เมื่อเปรียบเทียบปฏิกิริยาการเรืองแสงของสิ่งมีชีวิต (bioluminescence) ดังกล่าวข้างต้นกับการเรืองแสงในระบบสิ่งไร้ชีวิต (phosphorescence หรือ fl uorescence) แล้ว ข้อแตกต่างสำคัญก็ คือ การเรืองแสงในระบบสิ่งไร้ชีวิตเป็นผลของการเปลี่ยนแปลงความร้อนหรือกระแสไฟฟ้าหรือการสั่นสะเทือนของอณู ส่วนการเรืองแสงของสิ่งมีชีวิตเป็นผลจากปฏิกิริยาชีวเคมีภายในเซลล์มีการผลิตแสงที่ไม่มีพลังงานความร้อน และสีที่ปรากฏพบในสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว จะเป็นแสงในช่วงคลื่นตั้งแต่ประมาร 0.000048-0.000050 ซม. (น้ำเงินหรือน้ำเงินปน เขียว) ถึงประมาณ 0.0000565 ซม. (เขียวปนเปลือง) เช่นในหิ่งห้อย จนกระทั่งถึง 0.0000614 ซม. (แดง) ในพวกหนอนรถไฟ เป็นต้น ถึงแม้การเรืองแสงในสิ่งมีชีวิต ต่าง ๆ จะเกิดขึ้นภายใต้สภาวะแวดล้อมต่างกัน มีผลลัพธ์แตกต่างกันมากมายในแง่ของ สี แสง ตำแหน่ง ช่วง เวลา และจังหวะการเรืองแสงแต่การเรืองแสงในสิ่งมีชีวิตทุกชนิดเป็นปฏิกิริยาชีวเคมีทั้งหลายภายในเซลล์ที่มีชีวิตมีผล สำคัญ คือ การเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสารในเซลล์ และการหมุนเวียนพลังงาน ในปฏิกิริยาการเรืองแสงของสิ่งมีชีวิต เอนไซม์ที่เกี่ยวข้อง คือ ลูซิเฟอรัส จะทำปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลงสารลูซิเฟอริน ปฏิกิริยานี้เป็นปฏิกิริยาที่ต้องการก๊าซออกซิเจนไปทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบปฏิกิริยา การเผาไหม้ภายในเซลล์ ต่างกันที่พลังงานที่ผลิตขึ้นในกรณีนี้เป็นพลังงานแสง
ผลจากการเปรียบเทียบสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ที่มีการเรืองแสง ปรากฏว่าปรากฏการณ์การเรืองแสงนี้มีในสิ่งมีชีวิตทุกลำดับขั้นวิวัฒนาการ ตั้งแต่จุลินทรีย์ต่าง ๆ ที่มีเซลล์เดียวขึ้นมาถึงพวกที่มีกระดูกสันหลัง และในทุกชนิดพบว่าเป็นปฏิกิริยาชีวเคมีแบบเดียว กัน คือ เป็นปฏิกิริยาที่ต้องใช้ออกซิเจนไปทำปฏิกิริยากับสารในเซลล์ โดยความควบคุมของเอนไซม์และปล่อยพลังงานออกมาในรูปของ แสง การวิวัฒนาการเกิดขบวนการเรืองแสงนี้จึงสันนิษฐานว่าเป็นขบวนการที่เกิดในระยะแรกเริ่มของโลก โดยเฉพาะในยุคที่โลก นี้เริ่มมีการผลิตออกซิเจนโดยขบวนการสังเคราะห์แสงของพืชสีเขียว และเป็นขบวนการที่เกิดระยะเดียวกับที่มีการเกิดการหายใจโดยใช้ออกซิเจน การผลิตแสงเป็นการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่รอดตายจากการคัดเลือกโดยธรรมชาติและอยู่มาได้จนถึงปัจจุบัน เป็นการปรับตัวแบบหนึ่งที่ส่งเสริมการสืบพันธุ์ และการรอดตายจากศัตรู  

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ๆ ดังกล่าวข้างต้นสิ่งที่มีผู้ โฟลาสแดคติลุส (Pholas dactylus) ผู้ทดลองนำมาสกัดในน้ำเย็นสารละ การสกัดด้วยน้ำร้อนจะไม่เรืองแสง กับสารละลายแรกที่ดับแล้ว
(ชีวิตเรืองแสง) (uorescence ฟอสฟอรัสหรือ FL) แล้วข้อแตกต่างสำคัญก็คือ จะเป็นแสงในช่วงคลื่นตั้งแต่ประมาร 0.000048-.000050 ซม (น้ำเงินหรือน้ำเงินปนเขียว) ถึงประมาณ 0.0000565 ซม (เขียวปนเปลือง) เช่นในหิ่งห้อยจนกระทั่งถึง 0.0000614 ซม (แดง) ในพวกหนอนรถไฟเป็นต้นถึงแม้การเรืองแสงในสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ มีผลลัพธ์แตกต่างกันมากมายในแง่ของสีแสงตำแหน่งช่วงเวลา สำคัญคือ และการหมุนเวียนพลังงาน เอนไซม์ที่เกี่ยวข้องคือลูซิเฟอรัส การเผาไหม้ภายในเซลล์
ๆ ที่มีการเรืองแสง ตั้งแต่จุลินทรีย์ต่าง ๆ กันคือ แสง โดยเฉพาะในยุคที่โลก และการรอดตายจากศัตรู  

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในบรรดาสิ่งมีชีวิตที่เรืองแสงชนิดต่างจะดังกล่าวข้างต้นสิ่งที่มีผู้พยายามศึกษาปฏิกิริยาเคมีภายในเซลล์เป็นชนิดแรกคือหอยสองกาบโฟลาสแดคติลุส ( โฟลา ดคติลุส ) ผู้ทดลองนำมาสกัดในน้ำเย็นสารละการสกัดด้วยน้ำร้อนจะไม่เรืองแสงแต่เมื่อตั้งทิ้งไว้ให้เย็นและนำไปผสมกับสารละลายแรกที่ดับแล้วจะกลับมีการเรืองแสงขึ้นมาใหม่
เมื่อเปรียบเทียบปฏิกิริยาการเรืองแสงของสิ่งมีชีวิต ( ไบโอลูมิเนสเซน ) ดังกล่าวข้างต้นกับการเรืองแสงในระบบสิ่งไร้ชีวิต ( พรายน้ำค็อค FL uorescence ) แล้วข้อแตกต่างสำคัญก็ความส่วนการเรืองแสงของสิ่งมีชีวิตเป็นผลจากปฏิกิริยาชีวเคมีภายในเซลล์มีการผลิตแสงที่ไม่มีพลังงานความร้อนและสีที่ปรากฏพบในสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวจะเป็นแสงในช่วงคลื่นตั้งแต่ประมาร 0000048-0.000050 ซม . ( น้ำเงินหรือน้ำเงินปนเขียว ) ถึงประมาณ 0.0000565 ซม . ( เขียวปนเปลือง ) เช่นในหิ่งห้อยจนกระทั่งถึง 0.0000614 ซม .( แดง ) ในพวกหนอนรถไฟเป็นต้นถึงแม้การเรืองแสงในสิ่งมีชีวิตต่างจะจะเกิดขึ้นภายใต้สภาวะแวดล้อมต่างกันมีผลลัพธ์แตกต่างกันมากมายในแง่ของสีแสงตำแหน่งช่วงเวลาสำคัญความการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสารในเซลล์และการหมุนเวียนพลังงานในปฏิกิริยาการเรืองแสงของสิ่งมีชีวิตเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องความลูซิเฟอรัสจะทำปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลงสารลูซิเฟอรินการเผาไหม้ภายในเซลล์ต่างกันที่พลังงานที่ผลิตขึ้นในกรณีนี้เป็นพลังงานแสง
ผลจากการเปรียบเทียบสิ่งมีชีวิตต่างจะที่มีการเรืองแสงปรากฏว่าปรากฏการณ์การเรืองแสงนี้มีในสิ่งมีชีวิตทุกลำดับขั้นวิวัฒนาการตั้งแต่จุลินทรีย์ต่างจะที่มีเซลล์เดียวขึ้นมาถึงพวกที่มีกระดูกสันหลัง' ความเป็นปฏิกิริยาที่ต้องใช้ออกซิเจนไปทำปฏิกิริยากับสารในเซลล์โดยความควบคุมของเอนไซม์และปล่อยพลังงานออกมาในรูปของแสงโดยเฉพาะในยุคที่โลกนี้เริ่มมีการผลิตออกซิเจนโดยขบวนการสังเคราะห์แสงของพืชสีเขียวและเป็นขบวนการที่เกิดระยะเดียวกับที่มีการเกิดการหายใจโดยใช้ออกซิเจนเป็นการปรับตัวแบบหนึ่งที่ส่งเสริมการสืบพันธุ์และการรอดตายจากศัตรู