Freud regarded the monotheistic God

Freud regarded the monotheistic God as an illusion based upon the infantile emotional need for a powerful, supernatural pater familias. He maintained that religion – once necessary to restrain man's violent nature in the early stages of civilization – in modern times, can be set aside in favor of reason and science.[151] "Obsessive Actions and Religious Practices" (1907) notes the likeness between faith (religious belief) and neurotic obsession.[152] Totem and Taboo (1913) proposes that society and religion begin with the patricide and eating of the powerful paternal figure, who then becomes a revered collective memory.[153] These arguments were further developed in The Future of an Illusion (1927) in which Freud argued that religious belief serves the function of psychological consolation. Freud argues the belief of a supernatural protector serves as a buffer from man's "fear of nature" just as the belief in an afterlife serves as a buffer from man's fear of death. The core idea of the work is that all of religious belief can be explained through its function to society, not for its relation to the truth. This is why, according to Freud, religious beliefs are "illusions". In Civilization and Its Discontents (1930), he quotes his friend Romain Rolland, who described religion as an "oceanic sensation", but says he never experienced this feeling.[154] Moses and Monotheism (1937) proposes that Moses was the tribal pater familias, killed by the Jews, who psychologically coped with the patricide with a reaction formation conducive to their establishing monotheist Judaism;[155] analogously, he described the Roman Catholic rite of Holy Communion as cultural evidence of the killing and devouring of the sacred father.[89][156]
Moreover, he perceived religion, with its suppression of violence, as mediator of the societal and personal, the public and the private, conflicts between Eros and Thanatos, the forces of life and death.[157] Later works indicate Freud's pessimism about the future of civilization, which he noted in the 1931 edition of Civilization and its Discontents.[158]
In a footnote of his 1909 work, Analysis of a Phobia in a Five year old Boy, Freud theorized that the universal fear of castration was provoked in the uncircumcised when they perceived circumcision and that this was "the deepest unconscious root of anti-Semitism".[159]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ฟรอยด์ได้รับการยกย่องพระเจ้าองค์เดียวเป็นภาพลวงตาขึ้นอยู่กับความต้องการทางอารมณ์ของเด็ก ๆ ที่มีประสิทธิภาพ, Familias บิดาเหนือธรรมชาติ เขายืนยันว่าศาสนา - เมื่อจำเป็นในการยับยั้งของมนุษย์ธรรมชาติรุนแรงในขั้นเริ่มต้นของอารยธรรม -. ในยุคปัจจุบันสามารถนำมาพักไว้ในความโปรดปรานของเหตุผลและวิทยาศาสตร์ [151] "การกระทำครอบงำและวิธีปฏิบัติทางศาสนา" (1907) บันทึกความคล้ายคลึงกันระหว่างศรัทธา (ความเชื่อทางศาสนา) และความหลงใหลโรคประสาทได้. [152] Totem และห้าม (1913) เสนอว่าสังคมและศาสนาเริ่มต้นด้วยปิตุฆาตและการรับประทานอาหารของตัวเลขบิดาที่มีประสิทธิภาพที่แล้วจะกลายเป็นความทรงจำที่เคารพ. [153] ข้อโต้แย้งเหล่านี้ได้รับการพัฒนาต่อไปในอนาคตของภาพลวงตา (1927) ซึ่งฟรอยด์แย้งว่าความเชื่อทางศาสนาทำหน้าที่การทำงานของปลอบใจทางจิตวิทยา ฟรอยด์ระบุความเชื่อของผู้พิทักษ์ธรรมชาติทำหน้าที่เป็นกันชนจากชายคนหนึ่งของ "ความกลัวของธรรมชาติ" เช่นเดียวกับความเชื่อในชีวิตหลังความตายทำหน้าที่เป็นกันชนจากความกลัวของมนุษย์แห่งความตาย แนวคิดหลักของการทำงานคือทั้งหมดของความเชื่อทางศาสนาสามารถอธิบายได้ผ่านการทำงานของตนให้กับสังคมไม่ได้สำหรับความสัมพันธ์กับความจริง นี่คือเหตุผลที่ตามฟรอยด์เชื่อทางศาสนาคือ "ภาพลวงตา" อารยธรรมและ Discontents มัน (1930) เขาพูดกับเพื่อนของเขา Romain Rolland ผู้บรรยายศาสนาเป็น "มหาสมุทรรู้สึก" แต่เขาบอกว่าเขาไม่เคยมีประสบการณ์ความรู้สึกนี้. [154] โมเสสและ Monotheism (1937) เสนอว่าโมเสสเป็น Familias บิดาของชนเผ่าฆ่าชาวยิวที่รับมือจิตใจกับปิตุฆาตที่มีการก่อปฏิกิริยาที่เอื้อต่อการ monotheist สร้างของพวกเขายูดาย; [155] analogously เขาอธิบายพระราชพิธีโรมันคาทอลิกศักดิ์สิทธิ์ ศีลมหาสนิทเป็นหลักฐานทางวัฒนธรรมของการฆ่าและเผาผลาญของพ่อศักดิ์สิทธิ์. [89] [156]
นอกจากนี้เขาเห็นว่าศาสนากับการปราบปรามของความรุนแรงเป็นสื่อกลางของสังคมและส่วนบุคคล, ภาครัฐและเอกชน, ความขัดแย้งระหว่างความรักและ Thanatos กองกำลังของชีวิตและความตาย. [157] ผลงานต่อมาแสดงให้เห็นแง่ร้ายของฟรอยด์เกี่ยวกับอนาคตของอารยธรรมซึ่งเขาตั้งข้อสังเกตในฉบับ 1931 ของอารยธรรมและ Discontents ของ. [158]
ในเชิงอรรถ 1909 ทำงานวิเคราะห์ความหวาดกลัวของเขาในเด็กอายุห้าปี, ฟรอยด์มหาเศรษฐีที่ กลัวสากลของการตัดอัณฑะเจ็บใจในเข้าสุหนัตเมื่อพวกเขารับรู้และการขลิบที่ว่านี้ก็คือ "รากหมดสติที่ลึกที่สุดของการต่อต้านชาวยิว". [159]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ฟรอยด์ถือว่าพระเจ้าเกี่ยวกับความเชื่อว่าพระเจ้ามีองค์เดียวที่เป็นภาพลวงตาตามในอารมณ์ความต้องการพลังเหนือธรรมชาติที่พ่อได้ familias . เขายังคงยืนยันว่าศาสนา–เมื่อจำเป็นเพื่อยับยั้งความรุนแรงของมนุษย์ในขั้นเริ่มต้นของอารยธรรม–ในยุคปัจจุบันสามารถเมินเฉยในความโปรดปรานของเหตุผลและวิทยาศาสตร์ [ 151 ] " ครอบงำการกระทำและการปฏิบัติทางศาสนา " ( 1907 ) บันทึกการอุปมาระหว่างศรัทธา ( ความเชื่อทางศาสนา ) และประสาทครอบงำ [ 152 ] รูปสลัก และการห้าม ( 1913 ) เสนอว่า สังคม และศาสนา เริ่มจาก ปิตุฆาต และกินของที่มีรูปบิดาที่เคารพโดยรวมแล้วกลายเป็นความทรงจำ [ 153 ] อาร์กิวเมนต์เหล่านี้ถูกพัฒนาต่อไปในอนาคตของภาพลวงตา ( 1927 ) ที่ฟรอยด์เสนอว่าหน้าที่การทำงานของความเชื่อทางศาสนา การจิตวิทยา ซิกมันด์ ฟรอยด์ โต้แย้งความเชื่อของผู้ปกป้องเหนือธรรมชาติที่ทำหน้าที่เป็นบัฟเฟอร์ จากชาย " ความกลัวของธรรมชาติ " เช่นความเชื่อในชีวิตหลังความตาย ทำหน้าที่เป็นบัฟเฟอร์ จากความกลัวตายของมนุษย์ โดยแนวคิดหลักของงานคือ ทุกศาสนาสามารถอธิบายถึงหน้าที่ต่อสังคม ไม่มีความสัมพันธ์กับความจริง นี่คือเหตุผลที่ , ตามที่ฟรอยด์ , ความเชื่อทางศาสนาเป็น " ภาพลวงตา " ในอารยธรรมและ Discontents ( 1930 ) เขาพูดเพื่อนแมง โรลองด์ ใครอธิบายศาสนาเป็น " ความรู้สึก " มหาสมุทร แต่กล่าวว่าเขาไม่เคยมีประสบการณ์ความรู้สึกนี้ [ 154 ] โมเสสและให้สัตยาบัน ( 1937 ) เสนอว่าโมเสสเป็น familias pater เผ่าฆ่าชาวยิว ซึ่งในการรับมือกับลูกฆ่าพ่อกับ ปฏิกิริยาการวางของพวกเขาสร้างสะใจยูดาย ; [ 155 ] analogously เขาอธิบายนิกายโรมันคาทอลิกพิธีศีลมหาสนิทเพื่อเป็นหลักฐานทางวัฒนธรรมของการฆ่าและกินของพ่อศักดิ์สิทธิ์ [ 89 ] [ 156 ]นอกจากนี้ เขารับรู้ศาสนากับการปราบปรามของความรุนแรง เป็นสื่อกลางของสังคมและส่วนตัว สาธารณะ และส่วนตัว ความขัดแย้งระหว่างความรักและทานาทอส พลังแห่งชีวิตและความตาย [ 157 ] ภายหลังงานบ่งชี้ฟรอยด์มองในแง่ร้ายเกี่ยวกับอนาคตของอารยธรรม ซึ่งเขาได้กล่าวไว้ใน พ.ศ. 2474 และรุ่นของอารยธรรม Discontents [ 158 ]ในหมายเหตุการทำงานของเขา 1909 , การวิเคราะห์ของความหวาดกลัวในเด็กอายุ 5 ปี ฟรอยด์ theorized ที่ความกลัวสากลของการทำหมันที่ถูกกระตุ้นในผู้ที่ไม่ได้เข้าสุหนัตเมื่อพวกเขารับรู้การขลิบและนี้คือ " สปิริตของการต่อต้านชาวยิวสติราก " [ 159 ]