แม้ว่าท้ายที่สุดการปะทะกันระหว่างขบวนการเสรีไทยกับกองทัพญี่ปุ่นไม่มีโอ การแปล - แม้ว่าท้ายที่สุดการปะทะกันระหว่างขบวนการเสรีไทยกับกองทัพญี่ปุ่นไม่มีโอ ไทย วิธีการพูด

แม้ว่าท้ายที่สุดการปะทะกันระหว่างขบ

แม้ว่าท้ายที่สุดการปะทะกันระหว่างขบวนการเสรีไทยกับกองทัพญี่ปุ่นไม่มีโอกาสเกิดขึ้น เพราะญี่ปุ่นประกาศยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไข เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488 หลังจากสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูถล่มเมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ เมื่อวันที่ 6 และ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2488 และการปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นดำเนินการโดยกองกำลังสัมพันธมิตร แม้ว่าไทยจะร่วมกับญี่ปุ่นในการประกาศสงครามต่อฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่งอาจจะต้องถูกปลดอาวุธและถูกยึดครองในฐานะผู้แพ้สงคราม แต่ปรากฏว่าในวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488 นายปรีดี พนมยงค์ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้ประกาศสันติภาพ มีสาระสำคัญว่าการประกาศสงครามต่อสหรัฐฯ และอังกฤษตลอดจนการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อฝ่ายสัมพันธมิตรทั้งปวงผิดจากเจตจำนงของประชาชนชาวไทยและขัดกับรัฐธรรมนูญและกฎหมายบ้านเมือง การประกาศสงครามต่อฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นโมฆะ ไม่ผูกพันประชาชนชาวไทย ประเทศไทยได้ตัดสินใจที่จะให้กลับคืนมาซึ่งสัมพันธไมตรีอันดีอันเคยมีมากับนานาประเทศเหมือนเมื่อก่อนวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 และพร้อมที่จะร่วมมือเต็มที่ทุกทางกับสหประชาชาติในการสถาปนาเสถียรภาพในโลกนี้
การประกาศสันติภาพนี้ได้ดำเนินการตามโทรเลขให้คำแนะนำจากจอมพลเรือลอร์ดหลุยส์ เมาน์ทแบทเตน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสัมพันธมิตรในเอเชียอาคเนย์ ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลอังกฤษให้แจ้งแก่นายปรีดีว่าถ้าหากกระทำตามคำแนะนำของเมาน์ทแบทเตนแล้ว อังกฤษก็พร้อมที่จะไม่บังคับให้ไทยต้องยอมจำนนอย่างปราศจากเงื่อนไข ดุจเดียวกับการปฏิบัติต่อประเทศผู้แพ้สงคราม[22] ทั้งหมดนี้คือผลสำเร็จโดยสมบูรณ์ของขบวนการเสรีไทยภายใต้การนำของนายปรีดี พนมยงค์ นั่นคือไทยไม่เสียเอกราชและอธิปไตย ไม่ต้องยอมจำนน ไม่ต้องวางอาวุธ และไม่ต้องถูกยึดครอง สำหรับการที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายรวมทั้งการต้องคืนดินแดนที่ญี่ปุ่นมอบให้ทั้งทางด้านมลายูและทางด้านสหรัฐไทยใหญ่ ก็ต้องถือเป็นเรื่องที่สมควร เพราะความเสียหายของสัมพันธมิตรก็ดี และดินแดนที่ไทยได้มาระหว่างสงครามก็ดี เป็นผลจากการที่ไทยเข้าร่วมมือเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตามสิ่งที่มีน้ำหนักที่สุดที่ทำให้ไทยไม่ตกเป็นผู้แพ้สงครามเช่นเดียวกับญี่ปุ่นคือปฏิบัติการที่ได้รับความร่วมมืออย่างลับ ๆ ของเสรีไทยกับฝ่ายสัมพันธมิตรในด้านการทหาร ทำให้ไทยมีอำนาจต่อรองในการเจรจากับฝ่ายสัมพันธมิตรหลังสงครามยุติ โดยสหรัฐอเมริกาถือว่าไทยไม่เคยประกาศสงครามต่อประเทศของตน เพราะทางเอกอัครราชทูตไม่ได้ปฏิบัติตามรัฐบาลและไม่ได้ยื่นจดหมายประกาศสงครามให้กับฝ่ายอเมริกา การดำเนินงานของเสรีไทยเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้สัมพันธมิตรคืออเมริกาสนับสนุนไม่ให้ไทยต้องแพ้สงคราม แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นการเมืองระหว่างประเทศที่อเมริกาต้องการเข้ามามีอำนาจในภูมิภาคเอเชียแทนอังกฤษและชาติในยุโรปที่เสียหายจากสงครามมาก จนไม่สามารถรักษาอาณานิคมอยู่ได้จนเป็นการสิ้นสุดยุคอาณานิคม โดยมีสหรัฐอเมริกาได้ก้าวเข้ามาเป็นมหาอำนาจของโลกแทน
ขณะที่อังกฤษดำเนินนโยบายต่อไทยแตกต่างไปจากสหรัฐอเมริกา ถือว่าไทยแพ้สงครามเช่นเดียวกับญี่ปุ่นและต้องชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามให้กับอังกฤษ รวมทั้งถูกปฏิบัติเหมือนผู้แพ้สงครามก็คือต้องมีการปลดอาวุธทหาร แต่สหรัฐอเมริกาเป็นผู้แสดงเจตนาชัดเจนตามกฎบัตรแอตแลนติกที่ต้องการให้อังกฤษปรับท่าทีให้ผ่อนปรนกับประเทศไทย โดยจะต้องคงความเป็นอธิปไตยและเอกราชเอาไว้ โดยหลังสงครามไทยได้เจรจายุติสงครามกับอังกฤษและต้องตกลงทำสัญญาชดใช้ค่าเสียหายแก่อังกฤษ โดยหลักคือไทยต้องชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามเป็นข้าวจำนวนมาก[23] จนทำให้ประเทศไทยประสบปัญหาขาดแคลนข้าวภายในประเทศจนเป็นปัญหาการเมืองภายในต่อมา
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
แม้ว่าท้ายที่สุดการปะทะกันระหว่างขบวนการเสรีไทยกับกองทัพญี่ปุ่นไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเพราะญี่ปุ่นประกาศยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไขเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมพ.ศ. 2488 หลังจากสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูถล่มเมืองฮิโรชิมาและนางาซากิเมื่อวันที่ 6 และ 9 สิงหาคมพ.ศ. 2488 และการปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นดำเนินการโดยกองกำลังสัมพันธมิตรแม้ว่าไทยจะร่วมกับญี่ปุ่นในการประกาศสงครามต่อฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งอาจจะต้องถูกปลดอาวุธและถูกยึดครองในฐานะผู้แพ้สงครามแต่ปรากฏว่าในวันที่ 16 สิงหาคมพ.ศ. 2488 นายปรีดีพนมยงค์ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้ประกาศสันติภาพมีสาระสำคัญว่าการประกาศสงครามต่อสหรัฐฯ และอังกฤษตลอดจนการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อฝ่ายสัมพันธมิตรทั้งปวงผิดจากเจตจำนงของประชาชนชาวไทยและขัดกับรัฐธรรมนูญและกฎหมายบ้านเมืองการประกาศสงครามต่อฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นโมฆะไม่ผูกพันประชาชนชาวไทยประเทศไทยได้ตัดสินใจที่จะให้กลับคืนมาซึ่งสัมพันธไมตรีอันดีอันเคยมีมากับนานาประเทศเหมือนเมื่อก่อนวันที่ 8 ธันวาคมพ.ศ. 2484 และพร้อมที่จะร่วมมือเต็มที่ทุกทางกับสหประชาชาติในการสถาปนาเสถียรภาพในโลกนี้การประกาศสันติภาพนี้ได้ดำเนินการตามโทรเลขให้คำแนะนำจากจอมพลเรือลอร์ดหลุยส์ เมาน์ทแบทเตน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสัมพันธมิตรในเอเชียอาคเนย์ ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลอังกฤษให้แจ้งแก่นายปรีดีว่าถ้าหากกระทำตามคำแนะนำของเมาน์ทแบทเตนแล้ว อังกฤษก็พร้อมที่จะไม่บังคับให้ไทยต้องยอมจำนนอย่างปราศจากเงื่อนไข ดุจเดียวกับการปฏิบัติต่อประเทศผู้แพ้สงคราม[22] ทั้งหมดนี้คือผลสำเร็จโดยสมบูรณ์ของขบวนการเสรีไทยภายใต้การนำของนายปรีดี พนมยงค์ นั่นคือไทยไม่เสียเอกราชและอธิปไตย ไม่ต้องยอมจำนน ไม่ต้องวางอาวุธ และไม่ต้องถูกยึดครอง สำหรับการที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายรวมทั้งการต้องคืนดินแดนที่ญี่ปุ่นมอบให้ทั้งทางด้านมลายูและทางด้านสหรัฐไทยใหญ่ ก็ต้องถือเป็นเรื่องที่สมควร เพราะความเสียหายของสัมพันธมิตรก็ดี และดินแดนที่ไทยได้มาระหว่างสงครามก็ดี เป็นผลจากการที่ไทยเข้าร่วมมือเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นทั้งสิ้นอย่างไรก็ตามสิ่งที่มีน้ำหนักที่สุดที่ทำให้ไทยไม่ตกเป็นผู้แพ้สงครามเช่นเดียวกับญี่ปุ่นคือปฏิบัติการที่ได้รับความร่วมมืออย่างลับ ๆ ของเสรีไทยกับฝ่ายสัมพันธมิตรในด้านการทหาร ทำให้ไทยมีอำนาจต่อรองในการเจรจากับฝ่ายสัมพันธมิตรหลังสงครามยุติ โดยสหรัฐอเมริกาถือว่าไทยไม่เคยประกาศสงครามต่อประเทศของตน เพราะทางเอกอัครราชทูตไม่ได้ปฏิบัติตามรัฐบาลและไม่ได้ยื่นจดหมายประกาศสงครามให้กับฝ่ายอเมริกา การดำเนินงานของเสรีไทยเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้สัมพันธมิตรคืออเมริกาสนับสนุนไม่ให้ไทยต้องแพ้สงคราม แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นการเมืองระหว่างประเทศที่อเมริกาต้องการเข้ามามีอำนาจในภูมิภาคเอเชียแทนอังกฤษและชาติในยุโรปที่เสียหายจากสงครามมาก จนไม่สามารถรักษาอาณานิคมอยู่ได้จนเป็นการสิ้นสุดยุคอาณานิคม โดยมีสหรัฐอเมริกาได้ก้าวเข้ามาเป็นมหาอำนาจของโลกแทนขณะที่อังกฤษดำเนินนโยบายต่อไทยแตกต่างไปจากสหรัฐอเมริกา ถือว่าไทยแพ้สงครามเช่นเดียวกับญี่ปุ่นและต้องชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามให้กับอังกฤษ รวมทั้งถูกปฏิบัติเหมือนผู้แพ้สงครามก็คือต้องมีการปลดอาวุธทหาร แต่สหรัฐอเมริกาเป็นผู้แสดงเจตนาชัดเจนตามกฎบัตรแอตแลนติกที่ต้องการให้อังกฤษปรับท่าทีให้ผ่อนปรนกับประเทศไทย โดยจะต้องคงความเป็นอธิปไตยและเอกราชเอาไว้ โดยหลังสงครามไทยได้เจรจายุติสงครามกับอังกฤษและต้องตกลงทำสัญญาชดใช้ค่าเสียหายแก่อังกฤษ โดยหลักคือไทยต้องชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามเป็นข้าวจำนวนมาก[23] จนทำให้ประเทศไทยประสบปัญหาขาดแคลนข้าวภายในประเทศจนเป็นปัญหาการเมืองภายในต่อมา
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
แม้ว่าท้ายที่สุดการปะทะกันระหว่างขบวนการเสรีไทยกับกองทัพญี่ปุ่นไม่มีโอกาสเกิดขึ้น เพราะญี่ปุ่นประกาศยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไข เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488 หลังจากสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูถล่มเมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ เมื่อวันที่ 6 และ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2488 และการปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นดำเนินการโดยกองกำลังสัมพันธมิตร แม้ว่าไทยจะร่วมกับญี่ปุ่นในการประกาศสงครามต่อฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่งอาจจะต้องถูกปลดอาวุธและถูกยึดครองในฐานะผู้แพ้สงคราม แต่ปรากฏว่าในวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488 นายปรีดี พนมยงค์ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้ประกาศสันติภาพ มีสาระสำคัญว่าการประกาศสงครามต่อสหรัฐฯ และอังกฤษตลอดจนการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อฝ่ายสัมพันธมิตรทั้งปวงผิดจากเจตจำนงของประชาชนชาวไทยและขัดกับรัฐธรรมนูญและกฎหมายบ้านเมือง การประกาศสงครามต่อฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นโมฆะ ไม่ผูกพันประชาชนชาวไทย ประเทศไทยได้ตัดสินใจที่จะให้กลับคืนมาซึ่งสัมพันธไมตรีอันดีอันเคยมีมากับนานาประเทศเหมือนเมื่อก่อนวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 และพร้อมที่จะร่วมมือเต็มที่ทุกทางกับสหประชาชาติในการสถาปนาเสถียรภาพในโลกนี้
การประกาศสันติภาพนี้ได้ดำเนินการตามโทรเลขให้คำแนะนำจากจอมพลเรือลอร์ดหลุยส์ เมาน์ทแบทเตน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสัมพันธมิตรในเอเชียอาคเนย์ ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลอังกฤษให้แจ้งแก่นายปรีดีว่าถ้าหากกระทำตามคำแนะนำของเมาน์ทแบทเตนแล้ว อังกฤษก็พร้อมที่จะไม่บังคับให้ไทยต้องยอมจำนนอย่างปราศจากเงื่อนไข ดุจเดียวกับการปฏิบัติต่อประเทศผู้แพ้สงคราม[22] ทั้งหมดนี้คือผลสำเร็จโดยสมบูรณ์ของขบวนการเสรีไทยภายใต้การนำของนายปรีดี พนมยงค์ นั่นคือไทยไม่เสียเอกราชและอธิปไตย ไม่ต้องยอมจำนน ไม่ต้องวางอาวุธ และไม่ต้องถูกยึดครอง สำหรับการที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายรวมทั้งการต้องคืนดินแดนที่ญี่ปุ่นมอบให้ทั้งทางด้านมลายูและทางด้านสหรัฐไทยใหญ่ ก็ต้องถือเป็นเรื่องที่สมควร เพราะความเสียหายของสัมพันธมิตรก็ดี และดินแดนที่ไทยได้มาระหว่างสงครามก็ดี เป็นผลจากการที่ไทยเข้าร่วมมือเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตามสิ่งที่มีน้ำหนักที่สุดที่ทำให้ไทยไม่ตกเป็นผู้แพ้สงครามเช่นเดียวกับญี่ปุ่นคือปฏิบัติการที่ได้รับความร่วมมืออย่างลับ ๆ ของเสรีไทยกับฝ่ายสัมพันธมิตรในด้านการทหาร ทำให้ไทยมีอำนาจต่อรองในการเจรจากับฝ่ายสัมพันธมิตรหลังสงครามยุติ โดยสหรัฐอเมริกาถือว่าไทยไม่เคยประกาศสงครามต่อประเทศของตน เพราะทางเอกอัครราชทูตไม่ได้ปฏิบัติตามรัฐบาลและไม่ได้ยื่นจดหมายประกาศสงครามให้กับฝ่ายอเมริกา การดำเนินงานของเสรีไทยเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้สัมพันธมิตรคืออเมริกาสนับสนุนไม่ให้ไทยต้องแพ้สงคราม แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นการเมืองระหว่างประเทศที่อเมริกาต้องการเข้ามามีอำนาจในภูมิภาคเอเชียแทนอังกฤษและชาติในยุโรปที่เสียหายจากสงครามมาก จนไม่สามารถรักษาอาณานิคมอยู่ได้จนเป็นการสิ้นสุดยุคอาณานิคม โดยมีสหรัฐอเมริกาได้ก้าวเข้ามาเป็นมหาอำนาจของโลกแทน
ขณะที่อังกฤษดำเนินนโยบายต่อไทยแตกต่างไปจากสหรัฐอเมริกา ถือว่าไทยแพ้สงครามเช่นเดียวกับญี่ปุ่นและต้องชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามให้กับอังกฤษ รวมทั้งถูกปฏิบัติเหมือนผู้แพ้สงครามก็คือต้องมีการปลดอาวุธทหาร แต่สหรัฐอเมริกาเป็นผู้แสดงเจตนาชัดเจนตามกฎบัตรแอตแลนติกที่ต้องการให้อังกฤษปรับท่าทีให้ผ่อนปรนกับประเทศไทย โดยจะต้องคงความเป็นอธิปไตยและเอกราชเอาไว้ โดยหลังสงครามไทยได้เจรจายุติสงครามกับอังกฤษและต้องตกลงทำสัญญาชดใช้ค่าเสียหายแก่อังกฤษ โดยหลักคือไทยต้องชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามเป็นข้าวจำนวนมาก[23] จนทำให้ประเทศไทยประสบปัญหาขาดแคลนข้าวภายในประเทศจนเป็นปัญหาการเมืองภายในต่อมา
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
แม้ว่าท้ายที่สุดการปะทะกันระหว่างขบวนการเสรีไทยกับกองทัพญี่ปุ่นไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเพราะญี่ปุ่นประกาศยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไขเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมพ . ศ .2488 หลังจากสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณูถล่มเมืองฮิโรชิมาและนางาซากิเมื่อวันที่ 6 และ 9 สิงหาคมพ . ศ .2488 และการปลดอาวุธทหารญี่ปุ่นดำเนินการโดยกองกำลังสัมพันธมิตรแม้ว่าไทยจะร่วมกับญี่ปุ่นในการประกาศสงครามต่อฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งอาจจะต้องถูกปลดอาวุธและถูกยึดครองในฐานะผู้แพ้สงครามแต่ปรากฏว่าในวันที่ 16พ .ศ .นายปรีดีพนมยงค์ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้ประกาศสันติภาพมีสาระสำคัญว่าการประกาศสงครามต่อสหรัฐฯ 2488การประกาศสงครามต่อฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นโมฆะไม่ผูกพันประชาชนชาวไทยประเทศไทยได้ตัดสินใจที่จะให้กลับคืนมาซึ่งสัมพันธไมตรีอันดีอันเคยมีมากับนานาประเทศเหมือนเมื่อก่อนวันที่ 8 ธันวาคมพ .ศ . 2484 และพร้อมที่จะร่วมมือเต็มที่ทุกทางกับสหประชาชาติในการสถาปนาเสถียรภาพในโลกนี้
การประกาศสันติภาพนี้ได้ดำเนินการตามโทรเลขให้คำแนะนำจากจอมพลเรือลอร์ดหลุยส์เมาน์ทแบทเตนผู้บัญชาการทหารสูงสุดสัมพันธมิตรในเอเชียอาคเนย์อังกฤษก็พร้อมที่จะไม่บังคับให้ไทยต้องยอมจำนนอย่างปราศจากเงื่อนไขดุจเดียวกับการปฏิบัติต่อประเทศผู้แพ้สงคราม [ 22 ] ทั้งหมดนี้คือผลสำเร็จโดยสมบูรณ์ของขบวนการเสรีไทยภายใต้การนำของนายปรีดีพนมยงค์ไม่ต้องยอมจำนนไม่ต้องวางอาวุธและไม่ต้องถูกยึดครองสำหรับการที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายรวมทั้งการต้องคืนดินแดนที่ญี่ปุ่นมอบให้ทั้งทางด้านมลายูและทางด้านสหรัฐไทยใหญ่ก็ต้องถือเป็นเรื่องที่สมควรและดินแดนที่ไทยได้มาระหว่างสงครามก็ดีเป็นผลจากการที่ไทยเข้าร่วมมือเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตามสิ่งที่มีน้ำหนักที่สุดที่ทำให้ไทยไม่ตกเป็นผู้แพ้สงครามเช่นเดียวกับญี่ปุ่นคือปฏิบัติการที่ได้รับความร่วมมืออย่างลับจะของเสรีไทยกับฝ่ายสัมพันธมิตรในด้านการทหารโดยสหรัฐอเมริกาถือว่าไทยไม่เคยประกาศสงครามต่อประเทศของตนเพราะทางเอกอัครราชทูตไม่ได้ปฏิบัติตามรัฐบาลและไม่ได้ยื่นจดหมายประกาศสงครามให้กับฝ่ายอเมริกาแต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นการเมืองระหว่างประเทศที่อเมริกาต้องการเข้ามามีอำนาจในภูมิภาคเอเชียแทนอังกฤษและชาติในยุโรปที่เสียหายจากสงครามมากจนไม่สามารถรักษาอาณานิคมอยู่ได้จนเป็นการสิ้นสุดยุคอาณานิคมขณะที่อังกฤษดำเนินนโยบายต่อไทยแตกต่างไปจากสหรัฐอเมริกาถือว่าไทยแพ้สงครามเช่นเดียวกับญี่ปุ่นและต้องชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามให้กับอังกฤษรวมทั้งถูกปฏิบัติเหมือนผู้แพ้สงครามก็คือต้องมีการปลดอาวุธทหารโดยจะต้องคงความเป็นอธิปไตยและเอกราชเอาไว้โดยหลังสงครามไทยได้เจรจายุติสงครามกับอังกฤษและต้องตกลงทำสัญญาชดใช้ค่าเสียหายแก่อังกฤษโดยหลักคือไทยต้องชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามเป็นข้าวจำนวนมาก [ 23 ]
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: