2. Theoretical PerspectiveDespite t

2. Theoretical Perspective
Despite the different theoretical approaches that can be and have been used to explain TBL
reporting, the most widely advanced theoretical perspectives in the social and environmental
accounting literature are legitimacy and stakeholder theories (Branco, Eugenio, & Ribeiro,
2008; M. Islam & C. Deegan, 2010; Joshi & Gao, 2009). These theories reflect the view that
corporations with proactive social and environmental programmes gain a competitive
advantage over less socially and environmentally active companies by sharing their social
and environmental activities with stakeholder groups. However, this study uses only
stakeholder theory to investigate TBL reporting by Thai listed companies in annual reports
because this theory is premised on the notion that stakeholders expect companies to be
socially and environmentally responsible so that there is a market premium in improved
social and environmental performance. The theory is also concerned with the ways
companies manage their stakeholder relationships (Gray, Collison, & Bebbington, 1998;
Llena, Monera, & Hernandez, 2007; Roberts, 1992).
Stakeholder theory explains specific corporate actions and activities using a
stakeholder-agency approach, and is concerned with how relationships with stakeholders are
managed by companies in terms of the acknowledgement of stakeholder accountability
(Cheng & Fan, 2010; Freeman, Harrison, & Wick, 2007). As stakeholder influences become
crucial for corporate image and comparative advantage, companies manage their stakeholder
relationships by providing information, often in the form of voluntary disclosures in their
annual reports or on their websites. The justification is that stakeholders which (Collier, 2008)
defines as those who have a stake in an organisation, have something at risk as well as the
power to influence the organisation, including its actions, decisions, policies or goals.
Potential stakeholders include shareholders, creditors, suppliers, government, customers,
competitors, employees, employees’ families, media, the local community, local charities,
and future generations (Carrol & Bucholtz, 2006; C. Deegan, 2001). According to Gray et al.
(1996), stakeholders are identified by companies to ascertain which groups need to be
managed in order to further the interest of the corporation. Stakeholder theory suggests that companies will manage these relationships based on different factors such as the nature of the
task environment, the salience of stakeholder groups and the values of decision makers who
determine the shareholder ranking process (Donaldson & Preston, 1995). As such,
management will tend to satisfy the information demands of those stakeholders important to
the corporations’ ongoing survival so that corporations would not respond to all stakeholders
equally (Nasi, Nasi, Philip, & Zylidopoulos, 1997). The power of stakeholders and their
expectations can change over time, so that companies have to continually adapt their
operating and reporting behaviours (C. Deegan, 2001). In summary, stakeholder theory views
corporations as part of a social system while focusing on the various stakeholder groups
within society (Ratanajongkol, Davey, & Low, 2006).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

2. มุมมองทฤษฎีแม้ มีแนวทางทฤษฎีต่าง ๆ ที่สามารถใช้อธิบาย TBLรายงาน มากสุดอย่างกว้างขวางขั้นสูงมุมมองทฤษฎีในทางสังคม และสิ่งแวดล้อมเอกสารประกอบการลงบัญชีชอบธรรมและทรรศนะทฤษฎี (บรังโค่ Eugenio, & Ribeiro2008 ม. อิสลามและ C. Deegan, 2010 Joshi และเกา 2009) ทฤษฎีเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่บริษัท มีโครงการสังคม และสิ่งแวดล้อมเชิงรุกเพื่อการแข่งขันได้เปรียบบริษัทน้อยสังคม และสิ่งแวดล้อมใช้งานร่วมกันของสังคมและกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมกับกลุ่มผู้ อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้ใช้เฉพาะบริษัทในรายงานประจำปีแสดงทรรศนะทฤษฎีวิพากษ์ TBL รายงาน โดยไทยเนื่องจากทฤษฎีนี้จะ premised ในความที่เสียคาดว่าบริษัทจะรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เป็นตลาดพรีเมี่ยมใน การปรับปรุงประสิทธิภาพของสังคม และสิ่งแวดล้อม ทฤษฎียังเกี่ยวข้องกับวิธีบริษัทจัดการความสัมพันธ์ผู้ (สีเทา Collison, & Bebbington, 1998Llena, Monera, & นานเด ซ 2007 โรเบิตส์ 1992)ทรรศนะทฤษฎีอธิบายการดำเนินการขององค์กรและใช้กิจกรรมการวิธีการมาตรการหน่วยงาน และเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์กับการมีส่วนได้เสียอย่างไรบริหารงาน โดยบริษัทในแง่ของการยอมรับของเสียในเรื่องความรับผิดชอบ(เฉิงและพัดลม 2010 ฟรีแมน Harrison และวิ ค 2007) มีผลต่อผู้ เป็นสิ่งสำคัญในรูปขององค์กรและเปรียบเทียบข้อดี บริษัทจัดการทรรศนะของพวกเขาความสัมพันธ์ โดยการให้ข้อมูล บ่อยครั้งในรูปแบบของการเปิดเผยข้อมูลความสมัครใจในการรายงานประจำปีหรือ ในเว็บไซต์ของตน เหตุผลที่ว่าเสียที่ (กำลังขุดถ่านหิน 2008)กำหนดให้เป็นผู้ที่มีเงินเดิมพันในองค์การ มีบางสิ่งบางอย่างที่มีความเสี่ยง รวมทั้งอำนาจที่มีอิทธิพลต่อองค์กร รวมทั้งการดำเนินการ ตัดสินใจ นโยบาย หรือเป้าหมายมีส่วนได้เสียที่อาจเกิดขึ้นรวมถึงผู้ถือหุ้น เจ้าหนี้ ผู้จำหน่าย รัฐบาล ลูกค้าคู่แข่ง พนักงาน พนักงานครอบครัว สื่อ ชุมชนท้องถิ่น เสียมและคนรุ่นอนาคต (Carrol & Bucholtz, 2006 C. Deegan, 2001) ตาม Gray et al(1996), ระบุ โดยบริษัทการตรวจจำเป็นต้องเสียจัดการเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทเพิ่มเติม ทฤษฎีมาตรการแนะนำว่า บริษัทจะจัดการความสัมพันธ์เหล่านี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่นลักษณะของการงานสิ่งแวดล้อม salience ของทรรศนะกลุ่ม และค่าของผู้ตัดสินใจที่กำหนดกระบวนการ (Donaldson & เพรสตัน 1995) การจัดอันดับผู้ถือหุ้น เช่นจัดการจะมีแนวโน้มที่จะ ตอบสนองความต้องการข้อมูลของเสียที่สำคัญการอยู่รอดของบริษัทอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บริษัทจะไม่ตอบสนองต่อทุกฝ่ายเท่า ๆ กัน (ดูดีทันสมัย ทำเล ฟิลิป & Zylidopoulos, 1997) ของเสีย และการความคาดหวังสามารถเปลี่ยนช่วงเวลา เพื่อที่บริษัทต้องปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องของพวกเขาการดำเนินงาน และรายงานพฤติกรรม (C. Deegan, 2001) ในมุมมองของทฤษฎีทรรศนะสรุปบริษัทเป็นส่วนหนึ่งของระบบสังคมในขณะเดียวกันกลุ่มมาตรการต่าง ๆภายในสังคม (Ratanajongkol ซีโร่ดาเวย์ และ ต่ำ 2006)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

2. มุมมองเชิงทฤษฎี
แม้จะมีวิธีการที่แตกต่างกันทางทฤษฎีที่สามารถและได้รับการใช้ในการอธิบาย TBL
รายงานกันอย่างกว้างขวางที่สุดมุมมองทางทฤษฎีขั้นสูงในสังคมและสิ่งแวดล้อม
วรรณกรรมทางบัญชีมีความถูกต้องและทฤษฎีที่ผู้มีส่วนได้เสีย (Branco นีโอและแบร์โต,
2008; M . อิสลามและ C. ดีแกน, 2010; Joshi & Gao, 2009) ทฤษฎีเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่
บริษัท ที่มีโครงการทางสังคมและสิ่งแวดล้อมในเชิงรุกได้รับการแข่งขัน
ได้เปรียบกว่า บริษัท สังคมและสิ่งแวดล้อมที่ใช้งานน้อยลงโดยใช้งานร่วมกันทางสังคมของพวกเขา
กิจกรรมและสิ่งแวดล้อมกับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย อย่างไรก็ตามการศึกษานี้ใช้เพียง
ทฤษฎีผู้มีส่วนได้เสียในการตรวจสอบ TBL รายงานของ บริษัท จดทะเบียนไทยในรายงานประจำปี
เพราะทฤษฎีนี้เป็น premised ในความคิดที่ว่าผู้มีส่วนได้เสียคาดหวังว่า บริษัท จะเป็น
สังคมและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อให้มีพรีเมี่ยมในตลาดในการปรับปรุง
ประสิทธิภาพการทำงานด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม . ทฤษฎีนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับวิธีการที่
บริษัท จัดการความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้เสียของพวกเขา (สีเทา, โค Bebbington & 1998;
Llena, Monera และ Hernandez, 2007 โรเบิร์ต, 1992).
ทฤษฎีผู้มีส่วนได้เสียอธิบายการกระทำขององค์กรที่เฉพาะเจาะจงและกิจกรรมโดยใช้
หน่วยงานผู้มีส่วนได้เสีย วิธีการและเป็นกังวลกับวิธีการความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้เสียได้รับการ
จัดการโดย บริษัท ในแง่ของการรับรู้ของความรับผิดชอบของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
(Cheng & พัดลม, 2010; ฟรีแมน, แฮร์ริสันและตะเกียง 2007) ในฐานะที่เป็นผู้มีส่วนได้เสียมีอิทธิพลต่อการกลายเป็น
สิ่งสำคัญสำหรับภาพลักษณ์และความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ บริษัท จัดการผู้มีส่วนได้เสียของพวกเขา
ความสัมพันธ์โดยการให้ข้อมูลมักจะอยู่ในรูปแบบของการเปิดเผยข้อมูลด้วยความสมัครใจของพวกเขาใน
รายงานประจำปีหรือบนเว็บไซต์ของตน เหตุผลก็คือว่าผู้มีส่วนได้เสียที่ (ถ่านหิน 2008)
ระบุว่าผู้ที่มีส่วนร่วมในองค์กรมีบางสิ่งบางอย่างที่มีความเสี่ยงเช่นเดียวกับ
อำนาจที่จะมีอิทธิพลต่อองค์กรรวมถึงการกระทำของตนในการตัดสินใจนโยบายหรือเป้าหมาย.
ผู้มีส่วนได้เสียที่อาจเกิดขึ้นรวมถึงผู้ถือหุ้น เจ้าหนี้คู่ค้าของรัฐบาลลูกค้า
คู่แข่งทางการค้าพนักงานและครอบครัวของพนักงานสื่อชุมชนท้องถิ่นองค์กรการกุศลท้องถิ่น
และคนรุ่นอนาคต (Carrol & Bucholtz 2006; C. ดีแกน, 2001) ตามสีเทา et al.
(1996) ผู้มีส่วนได้เสียจะมีการระบุโดย บริษัท ที่จะสืบหากลุ่มซึ่งจะต้องมีการ
บริหารจัดการเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ของ บริษัท ทฤษฎีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้เห็น บริษัท ที่จะจัดการความสัมพันธ์เหล่านี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่แตกต่างกันเช่นลักษณะของ
สภาพแวดล้อมงานนูนของกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียและค่านิยมของผู้มีอำนาจตัดสินใจที่
ตรวจสอบการจัดอันดับของผู้ถือหุ้น (โดนัลด์และเพรสตัน 1995) เช่น
การจัดการจะมีแนวโน้มที่จะตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียข้อมูลเหล่านั้นสิ่งสำคัญที่จะ
บริษัท 'การอยู่รอดอย่างต่อเนื่องเพื่อที่ บริษัท จะไม่ตอบสนองต่อผู้มีส่วนได้เสียทุก
อย่างเท่าเทียมกัน (นาซี, นาซี, ฟิลิปและ Zylidopoulos, 1997) อำนาจของผู้มีส่วนได้เสียของพวกเขาและ
ความคาดหวังที่จะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเพื่อให้ บริษัท ต้องปรับอย่างต่อเนื่องของพวกเขา
พฤติกรรมการดำเนินงานและการรายงาน (C. ดีแกน, 2001) โดยสรุปทฤษฎีผู้มีส่วนได้เสียมีความเห็น
บริษัท เป็นส่วนหนึ่งของระบบสังคมในขณะที่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้มีส่วนได้เสียต่างๆ
ในสังคม (Ratanajongkol ดาวี่และต่ำ, 2006)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

2 . ทฤษฎีทฤษฎีแนวทางมุมมอง
แม้จะแตกต่างกันที่สามารถถูกใช้เพื่ออธิบายการรายงาน
ทีบีแอล ให้มุมมองเชิงทฤษฎีที่ทันสมัยมากที่สุดอย่างกว้างขวางในสังคม และ สิ่งแวดล้อม
บัญชีวรรณกรรมทฤษฎีความชอบธรรม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ( บลังโคะจีโน่& Ribeiro
, , , 2008 ; ม. อิสลาม&ซี. ดีเกิ้น , 2010 ; โจชิ&เกา ประจำปี 2552 ) ทฤษฎีเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองที่
บริษัทมีโครงการเชิงรุก สังคม สิ่งแวดล้อม ให้ได้เปรียบในการแข่งขันมากกว่า บริษัท ที่ใช้งานน้อย
สังคมและสิ่งแวดล้อมโดยการแบ่งปัน
ทางสังคมและกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมในกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย . อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้ใช้ทฤษฎี
ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพียงสืบสวนทีบีแอลรายงาน โดยบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
รายงานประจำปีเพราะทฤษฎีนี้ premised จากความคิดที่เกี่ยวข้องคาดว่าบริษัทจะ
สังคม และรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นตลาดพรีเมี่ยมในการปรับปรุง
สังคม สิ่งแวดล้อม ประสิทธิภาพ ทฤษฎีนี้ยังเกี่ยวข้องกับวิธีจัดการความสัมพันธ์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัท
( สีเทา คอลลิสัน& เบบบิงตัน , 1998 ;
llena มอเนอรา& Hernandez , , , 2007 ; โรเบิร์ต , 1992 ) .
ทฤษฎีอธิบายการกระทำของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยเฉพาะ และกิจกรรมการใช้
หน่วยงานผู้มีส่วนได้ส่วนเสียวิธีการ , และเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้เสียจะ
การจัดการโดย บริษัท ในแง่ของการยอมรับของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (
( เฉิง&พัดลม , 2010 ; ฟรีแมน แฮริสัน &วิค , 2007 ) เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอิทธิพลกลายเป็น
สําคัญสําหรับภาพลักษณ์และความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบบริษัทจัดการความสัมพันธ์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ของพวกเขาโดยการให้ข้อมูลที่มักจะอยู่ในรูปแบบของการเปิดเผยข้อมูลโดยสมัครใจในรายงานของพวกเขา
ประจำปีหรือในเว็บไซต์ของพวกเขา เหตุผลคือ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งคอล , 2008 )
กําหนดเป็นผู้มีส่วนร่วมในองค์กร มีความเสี่ยงเช่นเดียวกับ
อำนาจอิทธิพลขององค์กร รวมถึงการกระทำ การตัดสินใจนโยบายหรือเป้าหมาย ศักยภาพผู้เกี่ยวข้องรวมถึง
ผู้ถือหุ้น เจ้าหนี้ ซัพพลายเออร์ , รัฐบาล , ลูกค้า , พนักงาน , พนักงาน
คู่แข่ง , ครอบครัว , สื่อ , ชุมชนท้องถิ่น , องค์กรการกุศลท้องถิ่น
และลูกหลานในอนาคต ( คาร์รอล& bucholtz , 2006 ; C . ดีเกิ้น , 2001 ) ตามสีเทา et al .
( 1996 ) ผู้มีส่วนได้เสียมีการระบุโดย บริษัท เพื่อตรวจสอบซึ่งกลุ่มต้อง
การจัดการเพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ของบริษัท ทฤษฎีผู้มีส่วนได้เสีย ชี้ให้เห็นว่า บริษัทจะจัดการความสัมพันธ์เหล่านี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ธรรมชาติของ
งานสิ่งแวดล้อม ความเด่นของกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และคุณค่าของการตัดสินใจใคร
ตรวจสอบผู้ถือหุ้นอันดับกระบวนการ ( โดนัลด์&เพรสตัน , 1995 ) เช่น ,
การจัดการมีแนวโน้มที่จะตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญข้อมูล

ของบริษัทอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้องค์กรอยู่รอด จะไม่ตอบสนองต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด
เท่าเทียมกัน ( นาซี นาซี ฟิลิป & zylidopoulos , 1997 ) พลังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและความคาดหวังของพวกเขา
สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้น บริษัท มีอย่างต่อเนื่องปรับของพวกเขางาน และรายงานพฤติกรรม
( C .ดีเกิ้น , 2001 ) สรุปทฤษฎีความคิดเห็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
องค์กรเป็นส่วนหนึ่งของระบบสังคม ในขณะที่มุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ ภายในสังคม (
ratanajongkol เดวี่ & , ต่ำ , 2006 )