PathophysiologyLSS can be congenita

PathophysiologyLSS can be congenital or acquired, and the degenerative acquired form is by far the most common1. Acquired stenosis is thought to result from a cascade of changes initiated by the degeneration of the nucleus pulposus of the intervertebral disc as patients age. Degeneration and atrophy of stabilizing axial musculature, repeated trauma to the axial spine from daily wear and tear, and potential occupational hazards lead to the desiccation of the nucleus and collapse of the disc space.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พยาธิสรีรวิทยาLSS สามารถเกิดขึ้นมาแต่กำเนิดหรือได้มา และรูปแบบความเสื่อมที่ได้รับนั้นพบได้บ่อยที่สุด การตีบตันที่ได้มานั้นคิดว่าเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงหลายระดับที่เริ่มต้นจากการเสื่อมของนิวเคลียสพัลโพซัสของหมอนรองกระดูกสันหลังเมื่อผู้ป่วยมีอายุมากขึ้น ความเสื่อมและการฝ่อของการรักษาเสถียรภาพของกล้ามเนื้อแกน การบาดเจ็บซ้ำๆ ที่กระดูกสันหลังตามแนวแกนจากการสึกหรอในแต่ละวัน และอันตรายจากการทำงานที่อาจเกิดขึ้น นำไปสู่การผึ่งให้แห้งของนิวเคลียสและการพังทลายของพื้นที่ดิสก์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

พยาธิสรีรวิทยา
LSS สามารถเป็นได้ทั้ง แต่กำเนิดหรือได้มาซึ่งความเสื่อมโทรมเป็นสิ่งที่พบมากที่สุดจนถึงปัจจุบัน 1. การตีบตันที่ได้รับเชื่อว่าเกิดจากชุดของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากความเสื่อมของนิวเคลียสของไขกระดูกสันหลัง การเสื่อมสภาพและการฝ่อของเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อ Axial ที่เสถียรการบาดเจ็บซ้ำ ๆ ที่กระดูกสันหลังของ Axial จากการสึกหรอในชีวิตประจำวันและอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานซึ่งนำไปสู่การอบแห้งของไขกระดูกและการล่มสลายของช่องว่างระหว่างแผ่นดิสก์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พยาธิสรีรวิทยา
โรคLSSอาจเกิดมาแต่กําเนิดหรือได้รับมาซึ่งเป็นโรคเสื่อมสภาพที่พบมากที่สุด การตีบตันที่ได้รับถือเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของนิวเคลียสแผ่นดิสก์เมื่อผู้ป่วยโตขึ้น การเสื่อมสภาพและการยุบตัวของเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อแกนกลางการสึกหรอในชีวิตประจําวันของกระดูกสันหลังส่วนกลางและความเสียหายจากการทํางานที่อาจเกิดขึ้นทําให้เกิดการคายน้ําของนิวเคลียสและการยุบตัวของพื้นที่ดิสก์intervertebral