With the demise of living matter, s

With the demise of living matter, such as diatoms, planktons, spores and pollens, the organic matter begins to undergo decomposition or degradation.[6] In this break-down process, large biopolymers from proteins and carbohydrates begin to dismantle either partially or completely. (According to Tucker (1988), this break-down process is basically the reverse of photosynthesis[7]). These dismantled components are units that can then polycondense to form polymers. This polymerization usually happens alongside the formation of a mineral component (geopolymer) resulting in a sedimentary rock like kerogen shale.

The formation of polymers in this way accounts for the large molecular weights and diverse chemical compositions associated with kerogen. The smallest units are the fulvic acids, the medium units are the humic, and the largest units are the humins. When organic matter is contemporaneously deposited with geologic material, subsequent sedimentation and progressive burial or overburden provide significant pressure and a temperature gradient. When these humic precursors are subjected to sufficient geothermal pressures for sufficient geologic time, they begin to undergo certain specific changes to become kerogen. Such changes are indicative of the maturity stage of a particular kerogen. These changes include loss of hydrogen, oxygen, nitrogen, and sulfur, which leads to loss of other functional groups that further promote isomerization and aromatization which are associated with increasing depth or burial. Aromatization then allows for neat molecular stacking in sheets, which in turn increases molecular density and vitrinite reflectance properties, as well as changes in spore coloration, characteristically from yellow to orange to brown to black with increasing depth.[8]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มีลูกเรื่องชีวิต diatoms แพลงก์ตอน เพาะเฟิร์น และละออง เรณู อินทรีย์เริ่มจะรับแยกส่วนประกอบหรือย่อยสลาย [6] ในกระบวนการนี้แบ่งลง biopolymers ขนาดใหญ่จากโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตเริ่ม dismantle บางส่วน หรือทั้งหมด (ตามทักเกอร์ (1988), กระบวนการนี้แบ่งลงเป็นพื้นกลับของ photosynthesis[7]) สิ่งเหล่านี้ dismantled เป็นหน่วยที่สามารถ polycondense กับโพลิเมอร์แบบฟอร์มแล้ว Polymerization นี้มักจะเกิดขึ้นควบคู่ไปกับการก่อตัวของส่วนประกอบ (ด้าน) แร่ในหินตะกอนเช่นดินดานเคโรเจนการก่อตัวของโพลิเมอร์ด้วยวิธีนี้บัญชีสำหรับน้ำหนักโมเลกุลขนาดใหญ่และหลากหลายจนเคมีเกี่ยวข้องกับเคโรเจน หน่วยที่เล็กที่สุดมีกรดฟุลวิ หน่วยกลางฮิวมิค และหน่วยที่ใหญ่ที่สุด humins เมื่ออินทรีย์ contemporaneously ฝาก ด้วยวัสดุธรณีวิทยา ตกตะกอนภายหลัง และฝังศพแบบก้าวหน้า หรือ overburden ให้ไล่อุณหภูมิและความดันที่สำคัญ เมื่อ precursors ฮิวมิคเหล่านี้ภายใต้ความดันใต้พิภพเพียงพอสำหรับพอธรณีกาล ผู้เริ่มต้นเพื่อรับการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเฉพาะเจาะจงเป็น เคโรเจน การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่อระยะครบกำหนดของเคโรเจนเฉพาะได้ เปลี่ยนแปลงเหล่านี้รวมถึงสูญเสียไฮโดรเจน ออกซิเจน ไนโตรเจน และ กำมะถัน ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียของ functional กลุ่มอื่น ๆ ที่เพิ่มเติม ส่งเสริม isomerization aromatization ซึ่งสัมพันธ์กับความลึกที่เพิ่มขึ้นหรือฝังศพ Aromatization แล้วอนุญาตให้เรียบร้อยโมเลกุลซ้อนในแผ่น ซึ่งจะเพิ่มความหนาแน่นโมเลกุลและคุณสมบัติ vitrinite แบบสะท้อนแสง ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงในการย้อมสีสปอร์ characteristically จากสีเหลืองกับสีส้มกับสีน้ำตาลเป็นสีดำด้วยความลึกเพิ่มขึ้น [8]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กับการตายของที่อยู่อาศัยเรื่องเช่นไดอะตอมแพลงก์ตอน, สปอร์และละอองเรณู, สารอินทรีย์เริ่มที่จะได้รับจากการสลายตัวหรือการเสื่อมสภาพ. [6] ในกระบวนการทำลายลงนี้พลาสติกชีวภาพขนาดใหญ่จากโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตเริ่มต้นที่จะรื้อทั้งบางส่วนหรือทั้งหมด . (ตามที่ทักเคอร์ (1988) กระบวนการทำลายลงนี้เป็นพื้นหลังของการสังเคราะห์แสง [7]) รื้อส่วนประกอบเหล่านี้เป็นหน่วยงานที่สามารถ polycondense ในรูปแบบโพลีเมอ พอลิเมอนี้มักจะเกิดขึ้นควบคู่ไปกับการก่อตัวขององค์ประกอบแร่ (จีโอโพลิเมอร์) ที่เกิดในหินเช่นหิน kerogen. การก่อตัวของโพลิเมอร์ในลักษณะนี้บัญชีสำหรับน้ำหนักโมเลกุลขนาดใหญ่และมีความหลากหลายองค์ประกอบทางเคมีที่เกี่ยวข้องกับ kerogen หน่วยที่เล็กที่สุดที่มีกรดฟุลวิค, หน่วยฮิวมิกขนาดกลางและหน่วยงานที่ใหญ่ที่สุดที่มี humins เมื่อสารอินทรีย์จะฝาก contemporaneously ด้วยวัสดุทางธรณีวิทยาการตกตะกอนตามมาและความก้าวหน้าที่ฝังศพหรือเปิดหน้าดินให้ความดันที่สำคัญและอุณหภูมิลาด เมื่อสารตั้งต้นฮิวมิกเหล่านี้จะอยู่ภายใต้แรงกดดันความร้อนใต้พิภพเพียงพอสำหรับแร่เวลาเพียงพอที่พวกเขาเริ่มที่จะได้รับการเปลี่ยนแปลงเฉพาะบางอย่างที่จะกลายเป็น kerogen การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงขั้นตอนการครบกำหนดของ kerogen โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้รวมถึงการสูญเสียของไฮโดรเจนออกซิเจนไนโตรเจนและกำมะถันซึ่งนำไปสู่การสูญเสียของการทำงานเป็นกลุ่มอื่น ๆ ที่ส่งเสริมและ isomerization aromatization ที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มความลึกหรือที่ฝังศพ aromatization แล้วช่วยให้การซ้อนโมเลกุลเรียบร้อยในแผ่นซึ่งจะเพิ่มความหนาแน่นของโมเลกุลและคุณสมบัติการสะท้อน vitrinite เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงในสีสปอร์มีลักษณะจากสีเหลืองเป็นสีส้มสีน้ำตาลสีดำที่มีความลึกที่เพิ่มขึ้น. [8]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กับการตายของสิ่งมีชีวิต เช่น แพลงก์ตอนไดอะตอมเกสรดอกไม้ , สปอร์ และ อินทรีย์จะผ่านการสลายตัวหรือการย่อยสลาย [ 6 ] ในนี้แบ่งลงขั้นตอนใหญ่ โปรตีนจากโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตเริ่มรื้อไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ( ตาม ทัคเกอร์ ( 1988 ) นี้แบ่งลงขั้นตอนโดยทั่วไปกลับแสง [ 7 ] )รื้อถอนส่วนประกอบเหล่านี้เป็นหน่วยที่สามารถ polycondense รูปแบบโพลิเมอร์ กระบวนการนี้มักจะเกิดขึ้นควบคู่ไปกับการเกิดแร่องค์ประกอบ ( Geopolymer ) ที่เกิดในหินตะกอน เช่น หินดินดานเคอโรเจน

การก่อตัวของพอลิเมอร์ในวิธีนี้บัญชีสำหรับขนาดใหญ่ น้ำหนักโมเลกุล และหลากหลายองค์ประกอบทางเคมีที่เกี่ยวข้องกับเลขฐานสิบ .หน่วยที่เล็กที่สุดคือกรดฟูลวิค ปานกลาง หน่วยเป็น ฮิวมิค และหน่วยที่ใหญ่ที่สุดเป็น humins . เมื่ออินทรีย์เป็น contemporaneously ฝากไว้กับแร่วัสดุ ต่อมาการตกตะกอนและการฝังศพก้าวหน้า หรือกั้นให้ความดันและอุณหภูมิที่มีการไล่ระดับสี .เมื่อสารฮิวมิกเหล่านี้อาจมีแรงกดดันใต้พิภพที่เพียงพอสำหรับธรณีกาลเพียงพอที่พวกเขาเริ่มที่จะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเฉพาะเจาะจงเป็นเลขฐานสิบ . การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะแสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะขั้นของเลขฐานสิบโดยเฉพาะ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้รวมถึงการสูญเสียไฮโดรเจน ออกซิเจน ไนโตรเจน และกำมะถันซึ่งนำไปสู่การสูญเสียของหมู่ฟังก์ชันอื่น ๆที่ส่งเสริมการแยก และฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มความลึก หรืองานศพ ฟอร์มแล้วช่วยให้โมเลกุลเรียงในแผ่นเรียบร้อย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความหนาแน่นของโมเลกุลและสมบัติการสะท้อนรัมสไตน์ เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงในการย้อมสีสปอร์ ,ตัวสีส้มสีเหลืองจากสีน้ำตาลดำ เพิ่มความลึก [ 8 ]