The thermal conductivity of the pol

The thermal conductivity of the polystyrene building insulation
is affected by the change in operating temperature. In all cases,
higher temperature results in greater thermal conductivity. The
results reported here also show that thermal conductivity
increases with the reduction in material density.
The thermal conductivity of the samples is affected by the temperature
at the mid-thickness of the insulation material and this
change is particularly significant around noon. According to our
data, the increase in thermal conductivity of the wall and roof
can reach as much as 9.4% and 20%, respectively.
The accumulated heat through the insulation layer within the
wall-roof assembly, which produces increase in its temperature,
indicates the change in insulation thermal conductivity. Indeed,
the change in heat accumulated within the wall and roof is particularly
pronounced around noon and can reach 4% and 14%, respectively,
compared to the heat based on k24. Consequently, this will
affect the cooling load calculation when operating at temperatures
exceeding 24
C.
The effect of Rroof is higher on the heat transmitted through it
compared with Rwall, due to the significant amount of solar radiation
incident on the flat surface of the roof. For the maximum value
of kwall and kroof, the peak in the cooling load for both walls and
roof, as measured on July 15th at 11:00 pm, is higher by
0.766 kW compared with the reference value of 41 kW, obtained
using k24.
The results of this study confirm the need to mandate that thermal
insulation material manufacturers provide the k-values of
their insulation materials at different operating temperatures for
different densities of the samples, as this would allow building
designers to accurately assess the energy requirements of
buildings.
The effect of the moisture content on the thermal conductivity
of the insulation should also be investigated. This will be considered
as a further step in this research.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การนำความร้อนของโฟมฉนวนกันความร้อนอาคารได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนอุณหภูมิ ในทุกกรณีอุณหภูมิสูงขึ้นส่งผลในการนำความร้อนที่มากขึ้น การผลรายงานที่นี่แสดงว่าการนำความร้อนเพิ่มขึ้นกับการลดความหนาแน่นของวัสดุการนำความร้อนของตัวอย่างเป็นผลกระทบจากอุณหภูมิที่ความหนากลางของวัสดุฉนวนเปลี่ยนแปลงเป็นสำคัญโดยเฉพาะช่วงเที่ยงวัน ตามของเราข้อมูล การเพิ่มขึ้นของการนำความร้อนของผนังและหลังคาสามารถเข้าถึงได้มากถึง 9.4% และ 20% ตามลำดับสะสมความร้อนผ่านชั้นของฉนวนกันความร้อนภายในตัวประกอบผนังหลังคา ซึ่งก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิบ่งชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงในการนำความร้อนฉนวนกันความร้อน แน่นอนการเปลี่ยนแปลงความร้อนสะสมภายในผนัง และหลังคาเป็นอย่างยิ่งเด่นชัดช่วงเที่ยงวัน และสามารถเข้าถึง 4% และ 14% ตามลำดับเมื่อเทียบกับความร้อนที่อิง k24 ดังนั้น นี้จะส่งผลต่อการคำนวณภาระความเย็นเมื่องานเกิน 24 เซลเซียสผลของการ Rroof คือสูงขึ้นความร้อนส่งผ่านมันไปเมื่อเทียบกับ Rwall เนื่องจากรังสีแสงอาทิตย์จำนวนอย่างมีนัยสำคัญเหตุการณ์บนพื้นผิวของหลังคาแบน สำหรับค่าสูงสุดของ kwall และ kroof โหลดสูงสุดในการระบายความร้อนสำหรับผนังทั้งสอง และหลังคา วัดได้ในวันที่ 15 11 กรกฎาคม:00 pm ไม่ขึ้น0.766 วัตต์เมื่อเทียบกับค่าอ้างอิงของ 41 กิโลวัตต์ ได้รับusing k24.The results of this study confirm the need to mandate that thermalinsulation material manufacturers provide the k-values oftheir insulation materials at different operating temperatures fordifferent densities of the samples, as this would allow buildingdesigners to accurately assess the energy requirements ofbuildings.The effect of the moisture content on the thermal conductivityof the insulation should also be investigated. This will be consideredas a further step in this research.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การนำความร้อนของฉนวนกันความร้อนอาคารสไตรีน
ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในการดำเนินงาน ในทุกกรณี
ผลอุณหภูมิที่สูงขึ้นในการนำความร้อนมากขึ้น
ผลการรายงานที่นี่นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าการนำความร้อนที่
เพิ่มขึ้นกับการลดความหนาแน่นของวัสดุ.
การนำความร้อนของกลุ่มตัวอย่างได้รับผลกระทบจากอุณหภูมิ
ที่กลางความหนาของวัสดุฉนวนกันความร้อนและ
การเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเที่ยง ตามที่เรา
ข้อมูลที่เพิ่มขึ้นในการนำความร้อนของผนังและหลังคา
สามารถเข้าถึงมากที่สุดเท่าที่ 9.4% และ 20% ตามลำดับ.
ความร้อนสะสมผ่านชั้นฉนวนกันความร้อนภายใน
ประกอบผนังหลังคาซึ่งเป็นผู้ผลิตเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิของมัน
บ่งบอก ฉนวนกันความร้อนการเปลี่ยนแปลงในการนำความร้อน อันที่จริง
การเปลี่ยนแปลงในความร้อนสะสมภายในผนังและหลังคาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เด่นชัดประมาณเที่ยงและสามารถเข้าถึง 4% และ 14% ตามลำดับ
เมื่อเทียบกับความร้อนขึ้นอยู่กับ K24 ดังนั้นนี้จะ
ส่งผลกระทบต่อการคำนวณภาระการทำความเย็นเมื่อใช้งานที่อุณหภูมิ
เกิน 24 องศาเซลเซียส.
ผลของการ Rroof จะสูงกว่าในความร้อนที่ส่งผ่านมัน
เทียบกับ Rwall เนื่องจากจำนวนเงินที่สำคัญของรังสีแสงอาทิตย์
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวที่เรียบของหลังคา . สำหรับค่าสูงสุด
ของ kwall และ kroof สูงสุดในภาระการทำความเย็นสำหรับทั้งผนังและ
หลังคาที่วัดในวันที่ 15 กรกฎาคมเวลา 11:00 เป็นที่สูงขึ้นโดย
0.766 กิโลวัตต์เมื่อเทียบกับค่าอ้างอิงจาก 41 กิโลวัตต์ที่ได้รับ
ใช้ K24
ผลที่ได้จากการศึกษาครั้งนี้ยืนยันความจำเป็นในการระบายความร้อนที่เอกสารที่
ผู้ผลิตฉนวนกันความร้อนให้ K-คุณค่าของ
วัสดุฉนวนกันความร้อนของพวกเขาที่อุณหภูมิการใช้งานที่แตกต่างกันสำหรับ
ความหนาแน่นที่แตกต่างกันตัวอย่างเช่นนี้จะช่วยให้การสร้าง
นักออกแบบที่จะต้องประเมินความต้องการใช้พลังงานของ
อาคาร
ผลของความชื้นในการนำความร้อน
ของฉนวนกันความร้อนควรได้รับการตรวจสอบ นี้จะได้รับการพิจารณา
เป็นขั้นตอนต่อไปในการวิจัยครั้งนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สภาพการนำความร้อนของฉนวนโพลีสไตรีน อาคารผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงในอุณหภูมิ . ในทุกกรณีอุณหภูมิที่สูงขึ้นในผลลัพธ์มากกว่าความร้อนการนำ ที่ผลรายงานนี้ยังแสดงให้เห็นว่าค่าการนำความร้อนเพิ่มขึ้นกับลดความหนาแน่นของวัสดุการนำความร้อนของกลุ่มตัวอย่างจะได้รับผลกระทบจากอุณหภูมิที่ความหนาของวัสดุฉนวนกันความร้อนและกลางเปลี่ยนเป็นสําคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งรอบเที่ยง ตามของเราข้อมูล การเพิ่มขึ้นของผนังและหลังคาการนำความร้อนสามารถเข้าถึงเท่าที่ 9.4 % และ 20 % ตามลำดับสะสมความร้อนผ่านชั้นฉนวนภายในประกอบผนังหลังคาที่ผลิตเพิ่มอุณหภูมิของแสดงการเปลี่ยนฉนวนกันความร้อนการนำ แน่นอนการเปลี่ยนแปลงในความร้อนที่สะสมภายในผนังและหลังคาโดยเฉพาะออกเสียงประมาณเที่ยง และสามารถไปถึง 4% และ 14 ตามลำดับเมื่อเทียบกับความร้อนขึ้นอยู่กับ k24 . ดังนั้น นี้ จะมีผลต่อการคำนวณค่าภาระการทำความเย็นเมื่อใช้งานที่อุณหภูมิเกิน 24 Cผลของ rroof ที่สูงบนความร้อนส่งผ่านเมื่อเทียบกับ rwall เนื่องจากการปริมาณรังสีเหตุการณ์บนพื้นผิวเรียบของหลังคา สำหรับมูลค่าสูงสุดของ kwall และ kroof , สูงสุดในการทำความเย็นทั้งผนังและหลังคาเป็นวัดเมื่อวันที่ 15 ที่ 11 : 00 น. สูง0.766 กิโลวัตต์ เมื่อเทียบกับค่าอ้างอิงของ 41 กิโลวัตต์ , ได้รับการใช้ k24 .ผลการศึกษานี้ยืนยันต้องอาณัติที่ความร้อนผู้ผลิตวัสดุฉนวนกันความร้อนให้ k-values ของของวัสดุฉนวนกันความร้อนที่อุณหภูมิที่แตกต่างกันสำหรับความหนาแน่นที่แตกต่างกันของตัวอย่าง นี้จะช่วยให้อาคารนักออกแบบที่ถูกต้องประเมินความต้องการพลังงานของอาคารผลของความชื้นในการนำความร้อนของฉนวนกันความร้อน นอกจากนี้ยังควรตรวจสอบ นี้จะถือว่าเป็นขั้นตอนต่อไปในงานวิจัยนี้