Anyone for coffeet coffee, often kn

Anyone for coffeet coffee, often known as"black gold." is the world's top selling product after oil It is grown in 60 countries and is worth round s billion per year. However, while affluent consumers pay several dollars for a cup of coffee helping international companies to make millions in profit the coffee farmers themselves enjoy few benefits. An average coffee farmer receives less than three U S. cents for a $3 cup of coffee Because they are forced to sell at the lowest possible price, they remain stuck in poverty, sometimes even having to sell their crop at well below the cost of production. When market prices hit a 30-year low in 2001 the nightmare for coffee farmers got even worse. Due to the slump in price, many farmers went bankrupt. and whole families became unemployed and abandoned their fields to move to cities.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

คน coffeet กาแฟ มักจะเรียกว่าเป็น"ทองคำสีดำ" เป็นสินค้าขายยอดของโลกหลังจากน้ำมันมันปลูกใน 60 ประเทศ และมีมูลค่า s รอบพันล้านต่อปี อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ผู้บริโภคที่มั่งคั่งจ่ายหลายดอลลาร์สำหรับกาแฟที่ช่วยให้บริษัทต่างชาติทำกำไรได้หลายล้าน เกษตรกรกาแฟเองได้รับประโยชน์ไม่กี่ ชาวกาแฟเฉลี่ยที่ได้รับน้อยกว่า 3 U S. เซ็นต์สำหรับ $3 ถ้วยกาแฟเนื่องจากพวกเขาถูกบังคับให้ขายที่ราคาต่ำสุด พวกเขายังคงติดอยู่ในความยากจน บางครั้งก็มีการขายที่ดีต่ำกว่าต้นทุนการผลิตพืช เมื่อราคาตลาดต่ำ 30 ปี 2544 ฝันร้ายสำหรับเกษตรกรกาแฟได้เลว เนื่องจากการตกราคา เกษตรกรหลายคนไปล้มละลาย และทั้งครอบครัวกลายเป็นผู้ว่างงาน และสาขาเพื่อไปที่เมืองที่ถูกทิ้งร้าง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทุกคนสำหรับกาแฟ coffeet ที่รู้จักกันมักจะเป็น "ทองสีดำ." เป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดของโลกหลังจากที่น้ำมันจะปลูกใน 60 ประเทศและมีมูลค่ารอบ s พันล้านต่อปี อย่างไรก็ตามในขณะที่ผู้บริโภคที่ร่ำรวยจ่ายเงินหลายสำหรับถ้วยกาแฟช่วยให้ บริษัท ต่างประเทศที่จะทำให้คนนับล้านในส่วนของกำไรเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟของตัวเองได้รับประโยชน์ไม่กี่ เกษตรกรกาแฟเฉลี่ยได้รับน้อยกว่าสามเซ็นต์ยูเอสสำหรับถ้วย $ 3 ของกาแฟเพราะพวกเขาถูกบังคับให้ขายในราคาที่ต่ำที่สุดที่พวกเขายังคงติดอยู่ในความยากจนบางครั้งก็มีการขายพืชผลของพวกเขาที่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต . เมื่อราคาในตลาดตีต่ำ 30 ปีในปี 2001 ฝันร้ายสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟได้เลวร้ายยิ่ง เนื่องจากการตกต่ำในราคาที่เกษตรกรจำนวนมากล้มละลาย และทั้งครอบครัวกลายเป็นผู้ว่างงานและถูกทอดทิ้งสาขาของพวกเขาที่จะย้ายไปยังเมือง