According to His Majesty’s model, 3

According to His Majesty’s model, 30 percent of the farmer’s land should be used for growing rice, 30 percent for growing vegetables and fruit, and 30 percent as a pond; the remaining 10 percent should be devoted to the farmer’s home and to other uses. Of course, the appropriate portion may vary from location to location depending on geo-conditions.
The second stage: Once farmers can support themselves, then they should pursue their development by working together as a cooperative as well as by expanding their production processes and commercial activities to a more advanced stage.
The third stage: For developed communities, further expansion of the production process and commerce such as cooperative stores or rice-milling factories can rely on cooperation from commercial banks or oil companies* to improve the farmers’ livelihoods.
How successful have these diversified farming techniques or the New Theory of Agriculture been? From anecdotal evidence around the country, for rural communities and families that have adopted Sufficiency Economy Philosophy as their guiding principle, the experiences have been quite positive.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตามรุ่นของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, ร้อยละ 30 ของที่ดินของเกษตรกรควรจะใช้สำหรับการปลูกข้าว, ร้อยละ 30 สำหรับการปลูกผักและผลไม้และร้อยละ 30 ในขณะที่บ่อ; ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 10 ควรจะอุทิศให้กับบ้านของเกษตรกรและเพื่อการใช้งานอื่น ๆ แน่นอนส่วนที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันไปจากที่ตั้งไปยังสถานที่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขทางภูมิศาสตร์-
ขั้นตอนที่สอง.เมื่อเกษตรกรสามารถสนับสนุนตัวเองแล้วพวกเขาก็ควรติดตามการพัฒนาของพวกเขาโดยการทำงานร่วมกันเป็นความร่วมมือเช่นกันตามการขยายกระบวนการผลิตของพวกเขาและกิจกรรมเชิงพาณิชย์เพื่อเวทีที่สูงขึ้น
ขั้นตอนที่สาม:. ให้กับชุมชนที่พัฒนาแล้วขยายตัวต่อไปของกระบวนการผลิตและการพาณิชย์เช่นร้านค้าสหกรณ์หรือโรงงานสีข้าวสามารถพึ่งพาความร่วมมือจากธนาคารพาณิชย์หรือน้ำมัน * บริษัท ในการปรับปรุงวิถีชีวิตของเกษตรกร.
วิธีที่ประสบความสำเร็จมีเทคนิคการทำฟาร์มเหล่านี้มีความหลากหลายหรือทฤษฎีใหม่ของการรับการเกษตร ? จากหลักฐานทั่วประเทศสำหรับชุมชนในชนบทและครอบครัวที่ไ​​ด้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักการของพวกเขาประสบการณ์ที่ได้รับในเชิงบวกค่อนข้าง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตามแบบจำลองของในหลวง ร้อยละ 30 ของที่ดินของชาวนาควรใช้สำหรับปลูกข้าว 30 เปอร์เซ็นต์สำหรับปลูกผัก และผลไม้ และ 30 เปอร์เซ็นต์เป็นบ่อ ร้อยละ 10 ที่เหลือควรจะทุ่มเท เพื่อชาวบ้าน และการใช้งานอื่น ๆ แน่นอน ส่วนที่เหมาะสมขึ้นจากสถานที่ตั้งภูมิศาสตร์-เงื่อนไขการ
ขั้นสอง: เมื่อเกษตรกรสามารถช่วยเหลือตัวเอง แล้วพวกเขาควรติดตามการพัฒนา โดยทำงานร่วมกันเป็นสหกรณ์ที่ เป็นขยายกระบวนการผลิตและกิจกรรมทางการค้าของพวกเขาให้เป็นสูงขึ้นเวที
ขั้นที่สาม: การพัฒนาชุมชน ขยายเพิ่มเติมของกระบวนการผลิตและการค้าเช่นสหกรณ์ร้านค้าหรือโรงสีข้าวสามารถพึ่งพาความร่วมมือจากธนาคารพาณิชย์ หรือน้ำมันบริษัท * เพื่อปรับปรุงวิถีชีวิตของเกษตรกรได้
วิธีประสบความสำเร็จเหล่านี้มีหลากหลายเทคนิคการทำการเกษตรหรือทฤษฎีใหม่เกษตร จากหลักฐานเล็ก ๆ ทั่วประเทศ สำหรับชุมชนชนบทและครอบครัวที่ได้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักการแนวทาง ประสบการณ์ได้รับบวกค่อนข้าง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตามรุ่นของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวร้อยละ 30 ของที่ดินของเกษตรกรที่จะใช้เป็นข้าวเพิ่มขึ้น 30% สำหรับผักและผลไม้และ 30% เป็นบ่อน้ำที่ 10% ที่เหลือจะต้องทุ่มเทให้กับบ้านของเกษตรกรและการใช้อื่นๆ แน่นอนว่าส่วนที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันไปจากที่ตั้งในที่ตั้งที่ขึ้นอยู่กับบนเวที geo - เงื่อนไข.
ที่สองเมื่อเกษตรกรสามารถสนับสนุนตัวเองแล้วพวกเขาจะตามการพัฒนาของตนโดยจะทำงานร่วมกันและร่วมมือกันเป็นอย่างดีโดยเป็นการขยายการผลิตของตนและกิจกรรมทางการค้าถึงขั้นสูงยิ่งขึ้น.
ขั้นที่สามสำหรับชุมชนพัฒนาขึ้นเพิ่มเติมการขยายตัวของการผลิตการค้าและความร่วมมือเช่นจัดเก็บหรือข้าว - พืชไร่โรงงานสามารถไว้วางใจในความร่วมมือจากธนาคารพาณิชย์หรือน้ำมันบริษัท*เพื่อปรับปรุงให้เกษตรกร'วิถีชีวิต.
ว่าประสบความสำเร็จจะมีการทำฟาร์มเหล่านี้ความหลากหลายเทคนิคหรือทฤษฎีใหม่ในการทำการเกษตรได้หรือไม่? จากหลักฐานที่แสดงเรื่องราวโดยรอบประเทศสำหรับชุมชนในชนบทและครอบครัวที่มีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาหลักการนำประสบการณ์ที่ได้รับในเชิงบวกมาก