ซีเรีย-รัสเซียยันไม่เกี่ยว ถล่มรถบรรเทาทุกข์คร่า 20 ศพ
สหประชาชาติระงับภารกิจบรรเทาทุกข์ในซีเรีย หลังขบวนรถถูกถล่มเสียชีวิตถึง 20 คนรวมถึงหัวหน้ากาชาดในพื้นที่ รัสเซีย-ซีเรียปฏิเสธอยู่เบื้องหลัง
สมาพันธ์กาชาดสากลและสมาคมเสี้ยววงเดือนแดง (ไอซีอาร์ซี ) แถลงว่า การโจมตีทางอากาศต่อขบวนรถบรรเทาทุกข์ ใกล้เมืองอเลปโป ทางเหนือของซีเรีย เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ( 19 ก.ย.) เป็นเหตุให้พลเรือนเสียชีวิตประมาณ 20 คน ขณะที่พวกเขาเหล่านั้นกำลังลำเลียงสิ่งของบรรเทาทุกข์ลงจากรถ ไปเก็บไปในโกดังของสมาคมเสี้ยววงเดือนในเมือง โอรุม อัล ครูบา จังหวัดอเลปโป เพื่อเตรียมส่งให้กับประชาชนหลายหมื่นที่กำลังรอความช่วยเหลือในพื้นที่ที่กบฏควบคุม หนึ่งในเหยื่อระเบิด คือนายโอมาร์ บาราคัต หัวหน้าสาขากาชาดอาหรับซีเรีย ( เอสเออาร์ซี) สาขาเมืองโอรุม อัล ครูบา ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมาเพราะใช้เวลาเกินไปกว่าจะเข้าเคลื่อนย้ายเขาออกมาได้ นายอับดุลเราะห์มาน อัตตาร์ หัวหน้าเอสเออาร์ซี กล่าวว่า องค์กรเสียใจกับการสูญเสียชีวิตของคนจำนวนมากรวมถึง บาราคัต ซึ่งเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นและกล้าหาญอย่างมากการโจมตีที่ทำลายรถบรรทุกอย่างน้อย 18 จาก 31 คัน เป็นการทำลายอาหารและความช่วยเหลือที่ประชาชนหลายพันคนกำลังต้องการอย่างเร่งด่วน และส่งผลให้สหประชาชาติ ตัดสินใจระงับภารกิจบรรเทาทุกข์ทั้งหมดจนกว่าจะแน่ใจเรื่องความปลอดภัยไอซีอารซี ระบุว่า ซีเรียเป็นหนึ่งในดินแดนอันตรายที่สุดในโลกสำหรับเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ นับจากสงครามกลางซีเรียปะทุในปี 2554 มีอาสาสมัครของเอสเออาร์ซี และทีมงาน เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่รวม 54 คน กาชาดสากลเรียกร้องให้สอบสวนการโจมตีที่ขัดกฎหมายระหว่างประเทศและมนุษยธรรมในครั้งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากกองทัพซีเรียประกาศเลิกหยุดยิงในวันเดียวกัน โดยกล่าวหาว่าเพราะฝ่ายกบฏไม่คิดว่าจะเคารพข้อตกลงหยุดยิงที่สหรัฐและรัสเซียไกล่เกลี่ย จากนั้น การสู้รบแทบทุกแนวรบกลับมาทวีความดุเดือดอีกครั้งหนึ่ง
กระทรวงกลาโหมรัสเซียยืนยันว่า เครื่องบินรบรัสเซียและซีเรีย ไม่ได้โจมตีขบวนรถบรรเทาทุกข์ และว่ามีแต่กลุ่มติดอาวุธที่คุมพื้นที่เท่านั้นที่รู้ข้อมูลพิกัดของขบวนรถ นอกจากนี้ จากการวิเคราะห์ภาพจากวิดีโอที่นักเคลื่อนไหวจากพื้นที่นำมาเผยแพร่ ไม่พบร่องรอยการถูกโจมตีทางอากาศ แต่น่าจะเกิดจากไฟไหม้ และน่าประหลาดใจที่ไฟไหม้ขบวนรถ ในช่วงเดียวกับที่กลุ่มกบฎกำลังโจมตีเมืองอเลปโปขนานใหญ่ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐกลับระบุว่า ข้อมูลแวดล้อมบ่งชี้ว่าเป็นการโจมตีทางอากาศ และไม่ใช่เครื่องบินรบของพันธมิตรนานาชาตินำโดยสหรัฐอย่างแน่นอน