SUMMARY Caffeine ingestion (3-9 mg

SUMMARY
Caffeine ingestion (3-9 mg/kg bw) prior to exercise increases performance during prolonged
endurance exercise and short-term intense exercise lasting approx. 5 minutes in the laboratory. These results are generally reported in well-trained elite or recreational athletes, but field studies are required to test caffeine’s ergogenic potency in the athletic world. Caffeine does not appear to enhance performance during sprinting lasting less than 90 seconds, although research in this area is lacking. The mechanisms for improved endurance have not been clearly established. Muscle glycogen sparing occurs early during endurance exercise following caffeine ingestion but it is unclear whether this is due to increased fat mobilization and use by the muscle. The positive effect of caffeine during exercise lasting approx. 5 minutes is not related to the sparing of muscle glycogen. The ergogenic effects of caffeine are present with urinary caffeine levels that are well below the IOC allowable limit (12 ug/ml). This raises ethical issues regarding caffeine use in athletics. Should the practice be condoned, as it is legal, or should it be discouraged, as it promotes the “doping mentality” and may lead to more serious abuse? One solution would be to add caffeine to the list of banned substances, thereby requiring athletes to abstain from caffeine ingestion 48-72 hours prior to competition and discouraging its use as a doping agent to increase performance in the average population.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สรุปการบริโภคคาเฟอีน (3-9 mg / kg bw) ก่อนที่จะมีการออกกำลังกายเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในช่วงเวลานานความอดทนและการออกกำลังกายในระยะสั้นออกกำลังกายที่รุนแรงเป็นเวลานานประมาณ 5 นาทีในห้องปฏิบัติการ ผลลัพธ์เหล่านี้จะมีการรายงานโดยทั่วไปในการฝึกอบรมนักกีฬายอดเยี่ยมหรือการพักผ่อนหย่อนใจ แต่การศึกษาภาคสนามจะต้องทดสอบความแรง ergogenic คาเฟอีนในโลกกีฬา คาเฟอีนไม่ปรากฏขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในระหว่างการวิ่งที่ยั่งยืนน้อยกว่า 90 วินาทีถึงแม้ว่าการวิจัยในพื้นที่นี้จะขาด กลไกสำหรับความอดทนที่ดีขึ้นยังไม่ได้รับการจัดตั้งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กล้ามเนื้อไกลโคเจนประหยัดที่เกิดขึ้นในช่วงต้นระหว่างการออกกำลังกายความอดทนต่อไปนี้การบริโภคคาเฟอีน แต่มันก็ยังไม่ชัดเจนว่านี้เกิดจากการระดมไขมันที่เพิ่มขึ้นและการใช้งานโดยกล้ามเนื้อ ผลบวกของคาเฟอีนระหว่างการออกกำลังกายเป็นเวลานานประมาณ 5 นาทีไม่เกี่ยวข้องกับการประหยัดของไกลโคเจนในกล้ามเนื้อ ผล ergogenic ของคาเฟอีนที่มีอยู่มีระดับคาเฟอีนที่มีปัสสาวะต่ำกว่าขีด จำกัด ที่อนุญาต IOC (12 ไมโครกรัม / มล.) นี้ทำให้เกิดประเด็นทางจริยธรรมเกี่ยวกับการใช้คาเฟอีนในการแข่งขันกีฬา ควรปฏิบัติจะให้อภัยในขณะที่มันเป็นกฎหมายหรือควรจะเป็นกำลังใจในขณะที่มันส่งเสริมความคิด "ยาสลบ" และอาจนำไปสู่การละเมิดที่ร้ายแรงมากขึ้น? ทางออกหนึ่งที่จะเพิ่มคาเฟอีนในรายการของสารต้องห้ามจึงต้องให้นักกีฬาที่จะละเว้นจากการบริโภคคาเฟอีน 48-72 ชั่วโมงก่อนที่จะมีการแข่งขันและท้อใจใช้เป็นตัวแทนยาสลบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในประชากรเฉลี่ย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สรุป
คาเฟอีนการบริโภค ( 3-9 มิลลิกรัม / น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ) ก่อนที่จะออกกำลังกายมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นในระหว่างการออกกำลังกายความอดทนนานและยั่งยืนระยะสั้น
ออกกำลังอย่างหนัก ประมาณ 5 นาที ในห้องปฏิบัติการ ผลลัพธ์เหล่านี้โดยทั่วไปที่รายงานในนักกีฬายอดหรือนันทนาการต่างๆ แต่การศึกษาจะต้องทดสอบคาเฟอีน ergogenic ความแรงในโลกกีฬาคาเฟอีนไม่ได้ปรากฏขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่งนานไม่ถึง 90 วินาที ถึงแม้ว่าการวิจัยในพื้นที่นี้ขาด กลไกในการปรับปรุงความทนทานยังไม่ได้จัดตั้งขึ้นอย่างชัดเจน กล้ามเนื้อ ไกลโคเจน ที่เกิดขึ้นก่อนระหว่างการออกกำลังกายต่อไปนี้คาเฟอีนการบริโภค แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่านี่คือเนื่องจากการใช้ไขมันและเพิ่มกล้ามเนื้อบวกผลของคาเฟอีนในระหว่างการออกกำลังกายนานประมาณ 5 นาที ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการประหยัดไกลโคเจนกล้ามเนื้อ ผล ergogenic ของคาเฟอีนเป็นปัจจุบันกับระดับคาเฟอีนในปัสสาวะที่ด้านล่าง IOC ที่จำกัด ( 12 ไมโครกรัม / มิลลิลิตร ) ทำให้เกิดประเด็นทางจริยธรรมเกี่ยวกับคาเฟอีนใช้กรีฑาใน ควรปฏิบัติได้รับอภัยโทษ เป็นกฎหมาย หรือมันควรจะท้อแท้มันส่งเสริม " การคิด " และอาจนำไปสู่การละเมิดร้ายแรงมากขึ้น แนวทางหนึ่งที่จะเพิ่มคาเฟอีนในรายการสารต้องห้าม งบนักกีฬางดคาเฟอีนการบริโภค 48-72 ชั่วโมงก่อนการแข่งขันและท้อใจของมันใช้เป็นยาสลบแทนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในประชากรโดยเฉลี่ย