While it is tempting to maintain th

While it is tempting to maintain the allure of the many intriguing accounts that surround the mythical origins of the “Bang Fai Phaya Naga” fireballs, scientific studies have provided ample evidence to verify the authenticity of this natural phenomenon.

The appearance of the King of Naga fireballs involves the simultaneous interplay of several forces of nature. These include the presence of conditions that are conducive to the formation of Methane-Nitrogen gas with 19% level of purity, the presence of aerobic and anaerobic bacteria co-existing in a habitat at depths of 4.55 to 13.40 metres with organic deposits forming on a bed of clay or sand, average surrounding temperatures of higher than 26?C at 10.00, 13.00 and 16.00 hours, and a PH value between 6.4 to 7.8.

As the sun warms the surface of the clay or sand bed, organic matter decomposes within 3 to 6 hours and begins to emit methane gas. Pressure builds up and the gas rises to the surface of the water. Bubbles of gas exceeding 15cc dissipate leaving behind a 12cc nucleas that floats upwards. The gas reacts with the oxygen in the air and instantly ignites. 95% of the balls of light seen are ruby-red with pinkish-red or crimson-burgundy hues. This explains why these balls of light are of uniform colour, do not emit flares, smoke or sound, and eventually dissolve into thin air without leaving a trace.

The frequency and intensity of the fireballs also vary according to several other factors such as the distance of the earth relative to the sun and moon, the intensity of “B” and “C” ultraviolet rays, and a extent of the depletion of the ozone layer in the stratosphere.

Tracking studies have indicated that there is much greater likelihood of the phenomenon occurring in the months of March to May, and September and October, on days when the earth gravitates closest to the sun and moon, and the depletion of the ozone layer allows ultraviolet rays to easily penetrate the stratosphere.

Based on these studies, the two absolute indicators for the formation of King of Naga fireballs are the presence of Methane-Nitrogen gases of 19% purity and a sufficient concentration of Ionized Atomic Oxygen to trigger a reaction called “heterogenous combustion” that results in the mystical glow of the fireballs.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในขณะที่ดึงดูดการรักษาการล่อใจบัญชีหลายน่าที่กำเนิดตำนานของ "บางฝายพญา" บั้งไฟพญานาค การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ได้ให้หลักฐานที่เพียงพอในการตรวจสอบความถูกต้องของปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้ลักษณะที่ปรากฏของดวงพระนาคเกี่ยวข้องกับล้อพร้อมกันของกองกำลังต่าง ๆ ของธรรมชาติ แสดงเงื่อนไขที่เอื้อต่อการก่อตัวของก๊าซมีเทนไนโตรเจนระดับ 19% ของความบริสุทธิ์ ของออกซิเจน และไม่ใช้แบคทีเรียร่วมอยู่ในอยู่อาศัยที่ความลึก 4.55-13.40 เมตร มีอินทรีย์เงินฝากขึ้นบนเตียงของดินเหนียว หรือทราย เฉลี่ยรอบอุณหภูมิของสูงกว่า 26 รวมเหล่านี้ C ในเวลา 10.00, 13.00 และ 16.00 และค่า PH ระหว่าง 6.4-7.8เป็นดวงอาทิตย์ warms พื้นผิวของดินเหนียวหรือทรายเตียง อินทรีย์ decomposes ภายใน 3-6 ชั่วโมง และเริ่มที่จะปล่อยก๊าซมีเทน สร้างความกดดัน และก๊าซขึ้นสู่ผิวน้ำ ฟองอากาศของก๊าซเกิน 15cc กระจายไปออกหลัง nucleas 12cc ที่ลอยขึ้น ก๊าซทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ และ ignites ทันที 95% ของลูกที่เห็นแสงเป็นสีแดงทับทิมกับโทนบัวโรยสีแดง หรือสีเลือดหมูเบอร์กันดี นี้อธิบายเหตุเหล่านี้ลูกไฟมีสีสม่ำเสมอ ไม่กิ๊ก flares ควัน หรือเสียง และในที่สุดละลายในอากาศบางโดยไม่ออกจากการติดตามความถี่และความเข้มของดวงแตกต่างกันตามปัจจัยอื่น ๆ หลายประการเช่นระยะห่างของโลกเทียบกับดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ ความเข้มของรังสีอัลตราไวโอเลต "B" และ "C" และขอบเขตของการลดลงของของชั้นโอโซนใน stratosphereศึกษาติดตามได้บ่งชี้ว่า มีโอกาสสูงมากของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในเดือนมีนาคมถึง พฤษภาคม และเดือนกันยายน และ ตุลาคม ในวันเมื่อโลก gravitates ใกล้กับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ และการลดลงของของชั้นโอโซนทำให้รังสีอัลตราไวโอเลตได้บุก stratosphereตามการศึกษานี้ ตัวบ่งชี้ที่แน่นอนที่สองสำหรับการก่อตัวของกษัตริย์นาคบั้งไฟได้ของก๊าซมีเทนไนโตรเจนของ 19% บริสุทธิ์และเข้มข้นเพียงพอของ Ionized ออกซิเจนอะตอมเพื่อทำให้เกิดปฏิกิริยาที่เรียกว่า "heterogenous สันดาป" ที่เกิดการเรืองแสงลึกลับของดวง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในขณะที่มันเป็นที่ดึงดูดเพื่อรักษาเสน่ห์ของบัญชีที่น่าสนใจอีกมากมายที่ล้อมรอบต้นกำเนิดตำนานของ "บั้งไฟพญานาค" บั้งไฟการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ได้ให้หลักฐานเพียงพอในการตรวจสอบความถูกต้องของปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้. ลักษณะของพระมหากษัตริย์ของพญานาค บั้งไฟที่เกี่ยวข้องกับการมีอิทธิพลซึ่งกันและกันพร้อมกันของกองกำลังหลายของธรรมชาติ เหล่านี้รวมถึงการปรากฏตัวของเงื่อนไขที่เอื้อต่อการก่อตัวของก๊าซมีเทน-ไนโตรเจนที่มีระดับ 19% ของความบริสุทธิ์, การปรากฏตัวของเชื้อแบคทีเรียแอโรบิกและไม่ใช้ออกซิเจนร่วมที่มีอยู่ในที่อยู่อาศัยที่ระดับความลึกของ 4.55-13.40 เมตรมีเงินฝากอินทรีย์สร้างบนที่ เตียงของดินหรือทรายเฉลี่ยที่ที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 26 องศาเซลเซียสเวลา 10.00, 13.00 และ 16.00 นและค่าพีเอชระหว่าง 6.4-7.8. ในฐานะที่เป็นดวงอาทิตย์อุ่นพื้นผิวของเตียงดินหรือทรายสารอินทรีย์สลายตัวภายใน 3 6 ชั่วโมงและเริ่มที่จะปล่อยก๊าซมีเทน ความดันที่สร้างขึ้นและก๊าซที่เพิ่มขึ้นไปยังพื้นผิวของน้ำ ฟองก๊าซเกิน 15cc กระจายออกจากหลัง nucleas 12cc ที่ลอยขึ้นไป ก๊าซทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศและทันทีที่จี้ใจดำ 95% ของลูกของแสงที่มองเห็นเป็นสีแดงทับทิมที่มีสีชมพูสีแดงหรือสีแดงเบอร์กันดี นี้อธิบายว่าทำไมลูกเหล่านี้ของแสงที่มีสีสม่ำเสมอไม่ปล่อยพลุควันหรือเสียงและในที่สุดก็ละลายไปในอากาศบางโดยไม่ต้องออกร่องรอย. ความถี่และความรุนแรงของไฟยังแตกต่างกันไปตามปัจจัยอื่น ๆ เช่นระยะทางที่ ของโลกเมื่อเทียบกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เข้มของ "B" และ "C" รังสีอัลตราไวโอเลตและขอบเขตของการพร่องของชั้นโอโซนในบรรยากาศที่ก. การติดตามการศึกษาได้แสดงให้เห็นว่ามีโอกาสมากขึ้นของปรากฏการณ์ ที่เกิดขึ้นในเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคมและเดือนกันยายนและตุลาคมในวันที่โลก gravitates ใกล้เคียงกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์และการพร่องของชั้นโอโซนช่วยให้รังสีอัลตราไวโอเลตได้อย่างง่ายดายเจาะบรรยากาศ. จากการศึกษาเหล่านี้ทั้งสอง ตัวชี้วัดที่แน่นอนสำหรับการก่อตัวของพระมหากษัตริย์ของบั้งไฟพญานาคที่มีการปรากฏตัวของก๊าซมีเทน-ไนโตรเจนความบริสุทธิ์ 19% และความเข้มข้นที่เพียงพอของอะตอมออกซิเจนบริสุทธิ์ที่จะเรียกปฏิกิริยาที่เรียกว่า "การเผาไหม้ heterogenous" ที่ส่งผลให้เรืองแสงลึกลับของบั้งไฟ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในขณะที่มันเป็นที่ดึงดูดเพื่อรักษาเสน่ห์ของหลายบัญชีที่น่าสนใจรอบต้นกำเนิดตำนานของ " บั้งไฟพญานาค " บั้งไฟ , การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ได้ให้หลักฐานเพียงพอที่จะตรวจสอบความถูกต้องของปรากฏการณ์ทางธรรมชาตินี้ .

ลักษณะของกษัตริย์แห่งบั้งไฟพญานาค เกี่ยวข้องกับ interplay พร้อมกันหลายกองกำลังของธรรมชาติเหล่านี้รวมถึงการปรากฏตัวของเงื่อนไขที่เอื้อต่อการก่อตัวของก๊าซมีเทนไนโตรเจนมี 19 ระดับของความบริสุทธิ์ , การแสดงแอโรบิค และ anaerobic แบคทีเรียที่มีอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่จำกัดระดับความลึกของ 4.55 เมตร ด้วยอินทรีย์เพื่อ 13.40 ฝากรูปบนเตียงของดินหรือทราย โดยอุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่า 26 ? C เวลา 10.00 , 13.00 และ 16.00 น.และค่า pH ระหว่าง 4 ถึง 7.8 .

เป็นแสงแดดอุ่นพื้นผิวของดินหรือทราย อินทรีย์วัตถุสลายตัวภายใน 3 ถึง 6 ชั่วโมง และจะคายแก๊สมีเทน ความดันสร้างขึ้นและก๊าซที่เพิ่มขึ้นถึงพื้นผิวของน้ำ ฟองของก๊าซเกิน 15cc กระจายออกหลัง 12cc นิวเคลียสที่ลอยตัวขึ้น ก๊าซที่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ ได้ทันที และพลาสติก95% ของลูกบอลแสงเห็นเป็นทับทิมสีแดงกับสีชมพูแดง หรือแดงเบอร์กันดี เฉดสี . นี้อธิบายว่าทำไมเหล่านี้ลูกของแสงที่มีสีสม่ำเสมอ ไม่ปล่อยพลุควัน หรือเสียง และในที่สุดก็ละลายไปในอากาศอย่างไร้ร่องรอย

ความถี่และความเข้มของบั้งไฟยังแตกต่างกันไปตามปัจจัยอื่น ๆหลายอย่าง เช่น ระยะห่างของโลกกับดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ ความเข้มของ " B " และ " C " รังสีอัลตราไวโอเลต และขอบเขตของการพร่องของโอโซนในชั้นสตราโตสเฟียร์ .

การติดตามการศึกษาได้พบว่ามีมากขึ้นโอกาสของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในเดือน มีนาคม ถึง พฤษภาคม และกันยายน และ ตุลาคม วันเมื่อโลกแรงโน้มถ่วงใกล้ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ และการลดลงของชั้นโอโซนให้รังสีอัลตราไวโอเลตสามารถทะลุชั้นสตราโตสเฟียร์

ตามการศึกษาเหล่านี้สองตัวบ่งชี้สำหรับการก่อตัวของกษัตริย์สัมบูรณ์ของบั้งไฟพญานาคเป็นสถานะของก๊าซมีเทนไนโตรเจนบริสุทธิ์ 19 % และมีปริมาณที่เพียงพอของประจุอะตอมออกซิเจนที่จะเรียกปฏิกิริยาที่เรียกว่า " กลุ่มการเผาไหม้ " ผลลัพธ์ในแสงลึกลับของบั้งไฟ