Early childhood research beginning

Early childhood research beginning in the 1960s has focused on the literacy experiences of preschool children in the home and the contribution of those experiences to later school success. Decades of research since then have investigated learning experiences of preschool children as they interacted with caregivers, siblings or peers prior to formal schooling (Durkin, 1966; Heath, 1983).

In this qualitative investigation into early literacy events that occur between disadvantaged Irish mothers and their children, four research questions were investigated. (1) How do disadvantaged Irish mothers engage their preschool children in literacy events such as storybook reading and jigsaw puzzle building? (2) How does the mother's previous school experience affect her role as the child's first teacher? (3) How does the culture of the neighborhood affect the child's developing literacy? (4) What risk factors inhibit literacy development in these Irish children?

This study examined the conversational exchanges between three disadvantaged Irish mothers and their preschool children living near Dublin, Ireland, as the mothers read a storybook to their children and assisted them in jigsaw puzzle building. Conversations were recorded, transcribed and analyzed into reading skill and teaching strategy categories for the purpose of determining the mothers' literacy intent during her turn. Journal notes, field notes and interviews with the mothers recorded other information and allowed for triangulation of data.

The results of this investigation indicated four findings. The first finding was that these disadvantaged mothers employed many of the same techniques that classroom teachers use during the reading lesson. They attempted high-level and low-level questions, teaching strategies, and other interactions that are so familiar in the classroom. The second finding was that jigsaw puzzle building produced a richer literacy interaction than storybook reading. The third finding was that the environment of the disadvantaged neighborhood posed many risks to children's literacy development. A final finding was that the mothers used thinking out loud behavior to vocalize their inner thoughts during literacy interactions.

Future research suggests studying mother/child dyads in other socio-economic environments and cultures to determine if other mothers practice the same skills and strategies as these mothers.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ปฐมวัยวิจัยเริ่มในปี 1960 ได้เน้นประสบการณ์สามารถเด็ก preschool ในบ้านและสัดส่วนของประสบการณ์เหล่านั้นไปสู่ความสำเร็จของโรงเรียนหลัง ทศวรรษของการวิจัยตั้งแต่นั้นได้ตรวจสอบประสบการณ์เรียนรู้ของเด็ก preschool เป็นพวกเขาอาจเรื้อรัง พี่น้อง หรือเพื่อนก่อนประถมศึกษา (Durkin, 1966 สุขภาพ 1983)

สี่คำถามวิจัยได้ตรวจสอบในการตรวจสอบนี้เชิงคุณภาพเข้าวัดช่วงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างแม่ไอริชผู้ด้อยโอกาสและเด็ก (1) วิธีทำแม่ไอริชผู้ต่อสู้เด็ก preschool ในกิจกรรมสามารถอ่านสินค้ายอดนิยมและสร้างปริศนา (2) วิธีประสบการณ์โรงเรียนก่อนหน้านี้ของแม่มีผลต่อบทบาทของเธอเป็นครูเด็กแรก (3) ไม่วัฒนธรรมของพื้นที่ใกล้เคียงกระทบของเด็กสามารถพัฒนาได้อย่างไร (4) ปัจจัยเสี่ยงสิ่งยับยั้งสามารถพัฒนาในเด็กไอริช

การศึกษานี้ตรวจสอบแลกเปลี่ยนสนทนาระหว่างสามแม่ไอริชผู้ด้อยโอกาสและเด็ก preschool อยู่ใกล้ดับลิน ไอร์แลนด์ มารดาอ่านสินค้ายอดนิยมเป็นของตน และช่วยพวกเขาในอาคารปริศนาจิ๊กซอว์ บันทึกสนทนา ทับ และวิเคราะห์เป็นทักษะการอ่าน และสอนประเภทกลยุทธ์เพื่อกำหนดเจตนาสามารถของมารดาในระหว่างการเปิดของเธอ บันทึกย่อของ journal ฟิลด์บันทึก และสัมภาษณ์กับมารดาบันทึกข้อมูลอื่น ๆ และได้รับอนุญาตในระบบสามสกุลข้อมูล

พบสี่ระบุผลการตรวจสอบนี้ ค้นหาแรกถูกมารดาเหล่านี้ผู้ว่า จ้างหลายเทคนิคเดียวกันที่ห้องเรียนครูใช้ในระหว่างการเรียนการอ่าน พวกเขาพยายามคำถามระดับต่ำ และระดับสูง สอนกลยุทธ์ และการโต้ตอบอื่น ๆ ที่คุ้นเคยดังในห้องเรียน ค้นหาที่สองถูกจิ๊กซอว์อาคารผลิตการโต้ตอบสามารถขึ้นกว่าสินค้ายอดนิยมอ่านว่า ค้นหาสามไม่ว่า สภาพแวดล้อมของพื้นที่ใกล้เคียงผู้อิทธพลมากความเสี่ยงให้เด็กสามารถพัฒนา ค้นหาสุดท้ายถูกที่มารดาใช้คิดดัง ๆ พฤติกรรม vocalize ความคิดภายในของพวกเขาในระหว่างการโต้ตอบสามารถ

งานวิจัยในอนาคตแนะนำเรียน dyads แม่เด็กในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรมกำหนดถ้ามารดาอื่น ๆ ฝึกทักษะและกลยุทธ์เหล่านี้แม่เดียวกันอื่น ๆ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จุดเริ่มต้นการวิจัยในวัยเด็กในช่วงต้นปี 1960 ได้มุ่งเน้นไปที่ประสบการณ์การเรียนรู้ของเด็กก่อนวัยเรียนในบ้านและมีส่วนร่วมของประสบการณ์เหล่านั้นจะประสบความสำเร็จต่อมาโรงเรียน ทศวรรษที่ผ่านมาของการวิจัยตั้งแต่นั้นมามีการสอบสวนประสบการณ์ของเด็กก่อนวัยเรียนการเรียนรู้ที่พวกเขามีความสัมพันธ์กับผู้ดูแลพี่น้องหรือเพื่อนร่วมงานก่อนที่จะมีการศึกษาอย่างเป็นทางการ (Durkin, 1966; ป่า 1983) ในการตรวจสอบคุณภาพนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงต้นของการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นระหว่างแม่ไอริชด้อยโอกาสและ เด็กของพวกเขาคำถามการวิจัยสี่การตรวจสอบ (1) ไม่แม่ไอริชด้อยโอกาสมีส่วนร่วมเด็กก่อนวัยเรียนของพวกเขาในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้เช่นการอ่านนิทานและการสร้างจิ๊กซอว์ได้อย่างไร (2) ไม่ประสบการณ์โรงเรียนของแม่ก่อนหน้านี้ส่งผลกระทบต่อบทบาทของเธอเป็นครูคนแรกของเด็กได้อย่างไร (3) วิธีการวัฒนธรรมของพื้นที่ใกล้เคียงส่งผลกระทบต่อการพัฒนาความรู้ของเด็กได้หรือไม่ (4) ปัจจัยเสี่ยงอะไรยับยั้งการพัฒนาความรู้ในเด็กไอริชเหล่านี้การศึกษาครั้งนี้ตรวจสอบการแลกเปลี่ยนการสนทนาระหว่างสามแม่ไอริชด้อยโอกาสและเด็กก่อนวัยเรียนของพวกเขาที่อาศัยอยู่ใกล้ดับลินไอร์แลนด์เป็นแม่อ่านนิทานให้เด็กของพวกเขาและช่วยพวกเขาในจิ๊กซอว์ อาคาร การสนทนาที่ถูกบันทึก, คัดลอกและวิเคราะห์เป็นทักษะการอ่านและการเรียนการสอนประเภทกลยุทธ์สำหรับวัตถุประสงค์ของการกำหนดความตั้งใจที่จะอ่านออกเขียนได้ของมารดาในระหว่างการเปิดของเธอ บันทึกวารสาร, บันทึกภาคสนามและการสัมภาษณ์กับแม่ที่บันทึกข้อมูลอื่น ๆ และได้รับอนุญาตให้สมการของข้อมูลผลการสอบสวนนี้ชี้ให้เห็นสี่ผลการวิจัย การค้นพบเป็นครั้งแรกว่าแม่ด้อยโอกาสเหล่านี้มีงานทำหลายเทคนิคเดียวกันกับที่ครูใช้ในระหว่างการอ่านบทเรียน พวกเขาพยายามที่ระดับสูงและระดับต่ำคำถามกลยุทธ์การสอนและการสื่อสารอื่น ๆ ที่มีความคุ้นเคยในห้องเรียน การค้นพบที่สองคือว่าอาคารจิ๊กซอว์ที่ผลิตปฏิสัมพันธ์ความรู้ยิ่งขึ้นกว่าการอ่านนิทาน การค้นพบที่สามคือว่าสภาพแวดล้อมของพื้นที่ใกล้เคียงที่ด้อยโอกาสที่เกิดความเสี่ยงมากที่จะพัฒนาความรู้ของเด็ก สุดท้ายก็พบว่าแม่ที่ใช้ความคิดออกมาดัง ๆ ให้กับพฤติกรรมการเปล่งเสียงความคิดภายในของพวกเขาในระหว่างการสื่อสารความรู้การวิจัยในอนาคตแนะนำการศึกษา dyads แม่ / เด็กอยู่ในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมและวัฒนธรรมอื่น ๆ เพื่อตรวจสอบว่าแม่คนอื่น ๆ ฝึกทักษะเดียวกันและกลยุทธ์เช่นนี้ มารดา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

งานวิจัยปฐมวัยเริ่มต้นในทศวรรษที่ 1960 ได้เน้นความรู้ประสบการณ์ของเด็กปฐมวัย ในบ้าน และผลงานของประสบการณ์เหล่านั้น หลังจากความสำเร็จของโรงเรียน . ทศวรรษของการวิจัย จากนั้นได้ศึกษาประสบการณ์ การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย ที่พวกเขาพูดคุยกับญาติ พี่น้อง หรือเพื่อน ก่อนทางการเรียน ( Durkin 1966 ; Heath , 1983 )

ในการวิจัยเชิงคุณภาพนี้ ตรวจสอบ ก่อน การรู้เท่าทันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างมารดาไอริช ผู้ด้อยโอกาสและเด็กของพวกเขา สี่คำถามการวิจัย คือ ( 1 ) วิธีทําด้อยโอกาสไอริชมารดาประกอบเด็กปฐมวัย ในด้านกิจกรรม เช่น อ่านนิทานและสร้างปริศนาจิ๊กซอว์ ?( 2 ) ทำไมแม่ของประสบการณ์ในโรงเรียนเดิม ส่งผลกระทบต่อบทบาทของเธอเป็นครูคนแรกของลูก ( 3 ) ทำไมวัฒนธรรมของชุมชนต่อการพัฒนาความรู้ของเด็ก ? ( 4 ) ปัจจัยความเสี่ยงที่ยับยั้งการพัฒนาการรู้หนังสือในเด็กไอริชเหล่านี้ ?

ศึกษาการสนทนาระหว่างแม่และเด็กด้อยโอกาสไอริชสามของพวกเขาที่อาศัยอยู่ใกล้ดับลิน ไอร์แลนด์ เมื่อคุณแม่อ่านนิทานให้เด็กของพวกเขาและช่วยพวกเขาในการสร้างจิ๊กซอว์ปริศนา . การสนทนาถูกบันทึกได้แกะและวิเคราะห์เป็นทักษะและการสอนประเภทกลยุทธ์การอ่านเพื่อวัตถุประสงค์ของการกำหนดของมารดาในระหว่างการรู้เจตนาเปลี่ยนเธอ บันทึกบันทึก , บันทึกภาคสนาม และการสัมภาษณ์กับมารดา บันทึกข้อมูลอื่น ๆและได้รับอนุญาตสำหรับสามเหลี่ยมข้อมูล

ผลการสืบสวนพบสี่ค่าการค้นพบครั้งแรกคือมารดาที่ด้อยโอกาสเหล่านี้ใช้หลายของเทคนิคเดียวกับที่ครูใช้ในบทเรียน อ่านหนังสือ พวกเขาพยายามที่ระดับสูงและระดับล่างคำถาม กลยุทธ์การสอน และการสื่อสารอื่น ๆ ที่คุ้น ๆในชั้นเรียน พบที่สองคือจิ๊กซอว์อาคารผลิตรวยความรู้ปฏิสัมพันธ์มากกว่านิทานอ่านการค้นพบที่สามคือ สภาพแวดล้อมของชุมชนที่ด้อยโอกาสถูกวางความเสี่ยงมากในการพัฒนาความรู้ของเด็ก การค้นหาสุดท้ายที่แม่ใช้ความคิดพฤติกรรมดังเอ่ยความคิดภายในของพวกเขาในความรู้ที่เพิ่มขึ้น

การวิจัยในอนาคตแนะนำเรียนไดแอดแม่ / เด็กในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมอื่น ๆ เพื่อตรวจสอบว่า มารดาอื่น ๆฝึกทักษะเดียวกันและกลยุทธ์การเป็นแม่เหล่านี้