The Laws and Policies of Thailand i

The Laws and Policies of Thailand in Supporting Electronic Commerce

posted January 14, 2014 / No Comments
By Orabhund Panuspatthna

1. Introduction
The objective of this article is to find the answer whether Thailand has such proper policies and laws to support the growth of trade via electronic commerce. In order to fulfill the objective, the author will divide the article into four parts as follows;

Part One - Overview of Electronic Commerce: This part will give meaning and illustrate the available types of electronic commerce. It will also indicate the advantages of electronic commerce, as well as, its value of trade in Thailand;

Part Two - Policies of Thailand Concerning Electronic Commerce: This part will demonstrate the policies and master plans of Thailand which concern electronic commerce;

Part Three - The Laws Relating to Electronic Commerce: The third part will review the present legal provisions in Thailand, both directly and indirectly, relating to electronic commerce in order to analyze whether these provisions facilitate and support the growth of electronic commerce in Thailand; and

Part Four - Conclusion.

Part One: Overview of Electronic Commerce

Electronic commerce is a new form of trade which has played an important role in modern trade at both national and international levels. In general term,”electronic commerce” means the dispatch and/or receipt of data message by electronic means in order to conclude a commercial transaction. This data message covers all kind of information whether expressed in form of a letter, number, sound or image. Classic example of electronic commerce is on-line trading which is buying and selling goods and providing service over electronic networks.

The reason that drives electronic commerce to become a major role player in current trade is that business traders realize of excessive benefits of electronic commerce that can be elaborated as follows:1

1. Electronic commerce changes the culture of trade from a traditional style of trade that located at one certain place of business with definite working hours into a modern style of trade. Trade in modern style can operate anytime online through electronic networks with no need to have a physical business working place since meetings between sellers and buyers are no longer necessary.
2. Businesses are better to reach their customers across border. Timezone differences can even more become an advantage.
3.Electronic commerce can reduce costs of business doing in the aspects of Both time saving and expense saving.

Electronic commerce trading can be classified into three available types2

1) Business to Business (B2B) is a type of electronic buying and selling or service providing which is done between business sectors. For instance transaction between manufacturer and exporter or that between importer and exporter.

2) Business to Government (B2G) is a type of sale or service providing which is done between business sector as one side and a government unit on the other.

3) Business to Consumer (B2C) is a type of sale or service providing which is directly offered to customers. For example buying a CD from Amazon.com is the most famiiliar example of electronic commerce of B2C type.

The survey statistic of The National Statistical Office of Thailand showed that in the year 2007, among the three types of electronic commerce trading B2C took the highest share at 72.5 percent of electronic market. B2B was the second whose share in the market was at 27.2 percent while B2G was the last of 0.3 percent share.3

The same survey also showed that the total value of online trade to the year 2007 was 427,460 million Baht. B2G type took 55.4 percent of 233,982 million Baht, whereas B2B type took 29.8 percent of 127,325 million Baht and B2C type took only 14.8 percent of 63,425 million Baht.4

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กฎหมายและนโยบายของไทยในการสนับสนุนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

ลงวันที่ 14 มกราคม 2014 / ไม่เห็น
โดย Orabhund Panuspatthna

1 แนะนำ
วัตถุประสงค์ของบทความนี้คือการ ค้นหาคำตอบว่าประเทศไทยมีนโยบายอย่างเหมาะสมและกฎหมายเพื่อสนับสนุนการเติบโตของการค้าผ่านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว เพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ ผู้เขียนจะแบ่งบทความออกเป็น 4 ส่วนดังนี้;

ส่วนหนึ่ง - ภาพรวมของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์: ส่วนนี้จะให้ความหมาย และแสดงชนิดว่างของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ มันจะแสดงข้อดีของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และ ของมูลค่าการค้าในประเทศไทย;

ส่วนที่สอง-- นโยบายของไทยเกี่ยวกับการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์: ส่วนนี้จะแสดงให้เห็นถึงนโยบายและแผนหลักของไทยที่เกี่ยวกับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์;

ส่วนสาม - เดอะกฎหมายเกี่ยวข้องกับการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์: ส่วนสามจะพิจารณาบทบัญญัติตามกฎหมายปัจจุบันในประเทศไทย ทั้งโดยตรง และทาง อ้อม เกี่ยวข้องกับการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อวิเคราะห์ว่าบทบัญญัติเหล่านี้อำนวยความสะดวก และสนับสนุนการเติบโตของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย และ

ส่วนสี่ - บทสรุป

ส่วนหนึ่ง: ภาพรวมของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นรูปแบบใหม่ของการค้าซึ่งได้เล่นมีบทบาทสำคัญในการค้าปลีกสมัยใหม่ในระดับชาติ และนานาชาติ ในระยะทั่วไป"พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์" หมายถึง การจัดส่งและ/หรือรับข้อมูลข่าวสารด้วยการสรุปธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ข้อความข้อมูลนี้ครอบคลุมทุกประเภทของข้อมูลว่าแสดงในรูปแบบของตัวอักษร หมายเลข เสียง หรือภาพ ตัวอย่างที่คลาสสิกของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ออนไลน์ซื้อขายการซื้อ และขายสินค้า และบริการผ่านเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์

เหตุผลที่ไดรฟ์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จะกลายเป็น ผู้เล่นบทบาทสำคัญในทางการค้าปัจจุบัน เป็นว่า ธุรกิจค้าตระหนักถึงประโยชน์ที่มากเกินไปของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถ elaborated ดังนี้: 1

1 การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมทางการค้าจากสไตล์ของการค้าที่ตั้งอยู่ที่เดียวบางธุรกิจกับชั่วโมงทำงานที่แน่นอนเป็นสมัยของการค้า ค้าสมัยสามารถทำงานออนไลน์ได้ตลอดเวลาผ่านเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่จำเป็นต้องมีทำธุรกิจทางกายภาพเนื่องจากการประชุมระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อจะไม่จำเป็นได้
2 ธุรกิจให้เข้าถึงลูกค้าของพวกเขาข้ามแดนได้ ความแตกต่างของเขตเวลาสามารถยิ่งเป็น ประโยชน์จากการได้
3การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์สามารถลดต้นทุนของธุรกิจที่ทำในลักษณะของการประหยัดทั้งเวลา และค่าใช้จ่ายประหยัดได้

การค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์สามารถแบ่งออกเป็น types2 สามว่าง

1) ธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) เป็นชนิดอิเล็กทรอนิกส์ซื้อขาย หรือให้บริการซึ่งกระทำระหว่างภาคธุรกิจได้ For instance ธุรกรรมระหว่างผู้ผลิต และผู้ส่งออก หรือระหว่างผู้นำเข้าและส่งออก

2) ธุรกิจกับรัฐบาล (B2G) เป็นชนิดของการขายหรือให้บริการซึ่งกระทำระหว่างภาคธุรกิจเป็นด้านใดด้านหนึ่งและเป็นหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ

3) ธุรกิจกับผู้บริโภค (B2C) เป็นชนิดของการขายหรือบริการที่ให้โดยตรงซึ่งจะเสนอให้ลูกค้า ตัวอย่าง ซื้อซีดีจาก Amazon.com เป็นสุด famiiliar ตัวอย่างของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของ B2C ชนิด

สถิติสำรวจชาติสถิติสำนักงานประเทศไทยพบว่า ในปี 2007 ระหว่างสามประเภทของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งการซื้อขายเอาส่วนแบ่งสูงสุดที่ร้อยละ 72.5 ของตลาดอิเล็กทรอนิกส์ B2B มีที่สองที่มีส่วนแบ่งในตลาดเป็นที่ 27ร้อยละ 2 ขณะ B2G ล่าสุดของ share.3

The 0.3 เปอร์เซ็นต์เหมือนสำรวจยังแสดงให้เห็นว่า มูลค่าการค้าออนไลน์ปี 2007 อยู่ 427,460 ล้านบาท ประเภท B2G เอาร้อยละ 55.4 233,982 ล้านบาท ในขณะที่ชนิด B2B เอาร้อยละ 29.8 127,325 ล้านบาท และชนิดซึ่งใช้เวลาเพียงร้อยละ 14.8 ของ Baht.4 63,425 ล้าน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กฎหมายและนโยบายของประเทศไทยในการสนับสนุนการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์โพสต์ 14 มกราคม 2014 / ไม่มีความคิดเห็นด้วย Orabhund Panuspatthna 1 บทนำวัตถุประสงค์ของบทความนี้คือการหาคำตอบว่าประเทศไทยมีนโยบายที่เหมาะสมดังกล่าวและกฎหมายเพื่อรองรับการเติบโตของการค้าผ่านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ที่ผู้เขียนจะแบ่งบทความออกเป็นสี่ส่วนดังนี้ส่วนที่หนึ่ง - ภาพรวมของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์: ส่วนนี้จะให้ความหมายและแสดงให้เห็นถึงรูปแบบที่มีอยู่ของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ยังจะแสดงให้เห็นข้อดีของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เช่นเดียวกับค่าของการค้าในประเทศไทยของตนส่วนที่สอง - นโยบายของประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์: ส่วนนี้จะแสดงให้เห็นถึงนโยบายและแผนหลักของประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนที่สาม - กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์: ส่วนที่สามจะมีการทบทวนบทบัญญัติทางกฎหมายที่มีอยู่ในประเทศไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในการที่จะวิเคราะห์ว่าบทบัญญัติเหล่านี้อำนวยความสะดวกและสนับสนุนการเจริญเติบโตของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย และส่วนที่สี่ - สรุปส่วนที่หนึ่ง: ภาพรวมของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นรูปแบบใหม่ของการค้าที่มีบทบาทสำคัญในการค้าที่ทันสมัยทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติ ในระยะทั่วไป "พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์" หมายถึงการจัดส่งและ / หรือได้รับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ในการที่จะสรุปการทำธุรกรรมเชิงพาณิชย์ ข้อความของข้อมูลนี้ครอบคลุมทุกชนิดของข้อมูลที่ไม่ว่าจะแสดงในรูปแบบของตัวอักษรตัวเลขเสียงหรือภาพ ตัวอย่างคลาสสิกของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ซื้อขายในบรรทัดที่มีการซื้อและขายสินค้าและการให้บริการผ่านเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์เหตุผลที่ไดรฟ์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่จะกลายเป็นผู้เล่นบทบาทสำคัญในการค้าในปัจจุบันคือการที่ผู้ประกอบการค้าธุรกิจที่ตระหนักถึงผลประโยชน์ที่มากเกินไปของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ สามารถอธิบายดังนี้ 1 1 พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มีการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของการค้าจากรูปแบบดั้งเดิมของการค้าที่ตั้งอยู่ในสถานที่หนึ่งในธุรกิจที่มีชั่วโมงการทำงานที่ชัดเจนในรูปแบบที่ทันสมัยของการค้า การค้าในรูปแบบที่ทันสมัยสามารถทำงานออนไลน์ได้ตลอดเวลาผ่านทางเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการจำเป็นที่จะต้องมีสถานที่ทำงานทางธุรกิจตั้งแต่การประชุมระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อจะไม่จำเป็นอีกต่อไป2 ธุรกิจที่ดีในการเข้าถึงลูกค้าของพวกเขาข้ามพรมแดน ความแตกต่างของเขตเวลาที่มากขึ้นจะกลายเป็นข้อได้เปรียบการค้า 3.Electronic สามารถลดค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจในทั้งสองด้านของเวลาการออมและการประหยัดค่าใช้จ่ายในการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์สามารถแบ่งได้เป็นสาม types2 ใช้ได้1) ธุรกิจต่อธุรกิจ (B2B) เป็น ประเภทของการซื้อและการขายอิเล็กทรอนิกส์หรือให้บริการซึ่งเป็นที่ทำระหว่างภาคธุรกิจ สำหรับการทำธุรกรรมเช่นระหว่างผู้ผลิตและผู้ส่งออกหรือว่าระหว่างนำเข้าและส่งออก2) ธุรกิจกับรัฐบาล (B2G) เป็นประเภทของการขายหรือการให้บริการที่จะทำระหว่างภาคธุรกิจเป็นด้านหนึ่งและหน่วยงานภาครัฐในอีก3) ธุรกิจ กับผู้บริโภค (B2C) เป็นประเภทของการขายหรือการให้บริการที่นำเสนอให้กับลูกค้าโดยตรง ตัวอย่างเช่นการซื้อซีดีจาก Amazon.com เป็นตัวอย่างที่ famiiliar ที่สุดของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเภท B2C สถิติการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่าในปี 2007, ในสามประเภท B2C อิเล็กทรอนิกส์การค้าการพาณิชย์เอาสูงสุด ร่วมกันที่ร้อยละ 72.5 ของตลาดอิเล็กทรอนิกส์ B2B เป็นครั้งที่สองที่มีส่วนแบ่งในตลาดอยู่ที่ร้อยละ 27.2 ในขณะที่ B2G เป็นคนสุดท้ายของ share.3 ร้อยละ 0.3 การสำรวจเดียวกันนี้ยังแสดงให้เห็นว่ามูลค่ารวมของการค้าออนไลน์ในปี 2007 เป็น 427,460 ล้านบาท ประเภท B2G เอาร้อยละ 55.4 ของ 233,982 ล้านบาทในขณะที่ประเภท B2B เอาร้อยละ 29.8 ของ 127,325 ล้านบาทและ B2C ประเภทใช้เวลาเพียง 14.8 เปอร์เซ็นต์ของ 63,425 ล้าน Baht.4

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กฎหมายและนโยบายของไทยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ สนับสนุน

โพสต์เมื่อ 14 มกราคม 2014 / โดย อรอุษา สรวารีไม่มีความคิดเห็น

1 บทนำ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาคำตอบว่า ประเทศไทยมีนโยบายที่เหมาะสม เช่น กฎหมาย เพื่อรองรับการเติบโตของการค้าผ่านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อที่จะตอบสนองวัตถุประสงค์ผู้เขียนจะแบ่งบทความออกเป็นสี่ส่วนดังนี้

ส่วนหนึ่ง -- ภาพรวมของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ : ส่วนนี้จะให้ความหมายและแสดงให้เห็นถึงประเภทของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ยังจะชี้ให้เห็นข้อดีของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนมูลค่าการค้าในประเทศไทย ;

ภาคสอง - นโยบายของประเทศไทยด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ :ส่วนนี้จะแสดงให้เห็นถึงนโยบายและแผนไทยที่เกี่ยวกับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ;

ส่วนที่สาม - กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ : ส่วนที่สามจะทบทวนบทบัญญัติทางกฎหมายในประเทศไทย ทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อวิเคราะห์ว่า บทบัญญัติเหล่านี้จะอำนวยความสะดวก และสนับสนุนการเจริญเติบโตของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย และ

ส่วนสี่ - สรุป

ตอนที่ 1 : ภาพรวมของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นรูปแบบใหม่ของการค้า ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการค้าสมัยใหม่ ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ . ในรูปทั่วไป" พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ " หมายถึงการส่งและ / หรือรับข้อมูลข้อความโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อสรุปธุรกรรมเชิงพาณิชย์ ข้อมูลข่าวครอบคลุมชนิดของข้อมูลทั้งหมดจะแสดงในรูปแบบของตัวอักษร ตัวเลข เสียง หรือภาพ ตัวอย่างคลาสสิกของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ การค้าขายออนไลน์ซึ่งคือการซื้อและขายสินค้าและบริการผ่านเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์

เหตุผลที่ทำให้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จะกลายเป็นผู้เล่นสำคัญในธุรกิจการค้าในปัจจุบันเป็นผู้ตระหนักในการประโยชน์ของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถอธิบายได้ดังนี้ 1

1 พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของการค้าจากรูปแบบดั้งเดิมของการค้าที่ตั้งอยู่ในหนึ่งสถานที่ของธุรกิจด้วยแน่นอนชั่วโมงการทำงานในสไตล์โมเดิร์นของการค้าการค้าในรูปแบบทันสมัยสามารถทำงานออนไลน์ได้ตลอดเวลาผ่านเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ มี ไม่ ต้อง มี ทางธุรกิจที่ทำงานตั้งแต่การประชุมระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ ไม่จำเป็น .
2 ธุรกิจจะดีขึ้นในการเข้าถึงลูกค้าของพวกเขาข้ามชายแดน ความแตกต่างของเขตเวลา จะยิ่งเป็นประโยชน์ .
3พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์สามารถลดต้นทุนของธุรกิจที่ทำ ในด้าน ทั้งประหยัดเวลาและประหยัดค่าใช้จ่าย .

การค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์สามารถแบ่งออกได้เป็นสามของ types2

1 ) ธุรกิจกับธุรกิจ ( B2B ) เป็นชนิดของอิเล็กทรอนิกส์ การซื้อและการขายหรือการให้บริการซึ่งจะกระทำระหว่างภาคธุรกิจสำหรับธุรกรรม เช่น ระหว่างผู้ผลิต และผู้ส่งออก หรือระหว่างผู้นำเข้าและผู้ส่งออก

2 ) ธุรกิจภาครัฐ ( B2G ) เป็นชนิดของการขายหรือการให้บริการซึ่งจะกระทำระหว่างภาคธุรกิจ เช่น ด้านหนึ่งและหน่วยงานในอื่น ๆ .

3 ) ธุรกิจกับผู้บริโภค ( B2C ) เป็นประเภทของการขาย หรือการให้บริการโดยตรง ซึ่งจะเสนอให้กับลูกค้าตัวอย่างเช่นการซื้อแผ่นซีดีจาก Amazon.com เป็นตัวอย่าง famiiliar ที่สุดของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ประเภท B2C

ผลการสำรวจสถิติของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ในปี 2007 ระหว่างสามประเภทของ B2C การค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ได้สูงสุดร่วมกันที่ 72.5 เปอร์เซ็นต์ของตลาดอิเล็กทรอนิกส์ B2B เป็นครั้งที่สอง ซึ่งมีส่วนแบ่งในตลาดอยู่ที่ 27ร้อยละ 2 ในขณะที่ B2G คือครั้งสุดท้ายที่ 0.3 แบ่งเปอร์เซ็นต์ 3

การสำรวจเดียวกันพบว่ามูลค่ารวมของการค้าออนไลน์ ปี 2550 427460 ล้านบาท B2G ประเภทเอา 55.4 เปอร์เซ็นต์ของ 233982 ล้านบาท ส่วนประเภท B2B พา 29.8 เปอร์เซ็นต์ของ 127325 ล้านบาท และประเภท B2C ใช้เวลาเพียงร้อยละ 14.8 ของ 63425 ล้านบาท 4 .