จอห์น บาสเคอร์วิลล์ เป็นชาวชนบทจากเมืองวอร์เชสเตอร์เชียร์ (Worcestershire) ประเทศอังกฤษ เกิดเมื่อปี 1706 เขาหลงไหลในความงามของตัวหนังสือมาตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก เขาได้เริ่มสนใจที่จะเผยแพร่ศิลปะแห่งตัวอักษร ในขณะที่เขาเป็นครูสอนคัดลายมือและช่างแกะสลักหิน
เมื่ออยู่ในช่วงอายุสามสิบ บาสเคอร์วิลล์ ได้เริ่มทำอาชีพเกี่ยวกับการผลิตเครื่องโลหะลงรักสีดำเป็นกรอบ เป็นกล่องตัวเรือน นาฬิกา เชิงเทียน และถาด ล้วนแล้วแต่ทำจากแผ่นโลหะบางๆ ซึ่งมักจะวาดเป็นรูปผลไม้หรือดอกไม้ประดับไว้ แล้วขัดลงน้ำมันชักเงาอย่างแข็งและหนา (ในสมัยนั้นเครื่องใช้ประเภทขัดเงาและเครื่องใช้ในครัวที่เป็นโลหะ ได้รับความนิยมอย่างมาก) ในเวลาไม่นานนัก เขาก็ได้กลายเป็นเศรษฐีที่มีทรัพย์สมบัติมากมาย จนสามารถสร้างคฤหาสน์ที่อีซี่-ฮิลล์ ใกล้ๆเบอร์มิงแฮม
ในช่วงปี 1751 บาสเคอร์วิลล์ได้เริ่มหันเข้าหาศิลปะอักษรประดิษฐ์ที่เขารัก เริ่มต้นทดลองทางด้านการพิมพ์ ในฐานะศิลปินที่ต้องการควบคุมทุกอย่างในการออกแบบและการผลิตหนังสือ เขาทุ่มเทที่จะทำเลขศิลป์ให้เกิดความสมบูรณ์ และสามารถทุ่มเทเวลาและกำลังเท่าที่จำเป็น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ เขามีผู้ช่วยคือ จอห์น แฮนดี้ (John Handy) ช่างตัดตัวตอก และโรเบิร์ต มาร์ติน (Robert Martin) ช่างฝึกงาน ซึ่งต่อมากลายเป็นหัวหน้าคนงาน บาสเคอร์วิลล์ได้ออกแบบและประดิษฐ์รูปแบบ ชุดเครื่องมือในการพิมพ์ ปรับปรุงน้ำหมึกให้ดีขึ้น และยังได้พัฒนาเทคนิคในการผลิตกระดาษขึ้นใหม่ ทำให้ง่ายต่อการผลิต ได้กระดาษที่มีความลื่นและสว่างมากขึ้นด้วย
แบบตัวพิมพ์ของบาสเคอร์วิลล์ ซึ่งติดชื่อเขามาตราบจนทุกวันนี้ เป็นจุดสุดยอดของสไตล์ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่เชื่อมระหว่างสไตล์เก่า(Old Style) กับแบบตัวพิมพ์ใหม่ ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจาก วิลเลี่ยม คาสลอน (William Caslon) ในช่วงเรอเนซองค์ของอิตาลี ตัวพิมพ์ของบาสเคอร์วิลล์ มีความสง่างาม และบอบบาง เมื่อเปรียบเทียบกับแบบรุ่นก่อนๆ ตัวพิมพ์ของบาสเคอร์วิลล์จะดูกว้างกว่า และมีน้ำหนักระหว่างส่วนหนากับส่วนบางเพิ่มมากขึ้น การจัดวางส่วนที่หนาที่สุดจะผิดไปจากเดิม serifของตัวอักษรก็ผิดกัน serifจะไหลออกจากส่วนหลักของตัวอักษรอย่างนุ่มนวล และจบลงตรงจุดปรับขึ้นใหม่ที่มีความเหมาะสม ตัวเอนของเขาแสดงให้เห็นอิทธิพลที่ได้รับจากการคัดลายมือของช่างใหญ่อย่างชัดเจน
จากการทดลองผิดๆถูกๆของเขา ทำให้บาสเคอร์วิลล์ สามารถผลิตหมึกพิมพ์ที่ทำจากน้ำมันลินสีดต้มเดือด หลังจากเติมยางสีดำหรือสีเหลืองลงไปแล้ว ก็ทิ้งไว้เป็นเวลาหลายเดือน ต่อจากนั้นจึงนำเขม่าละเอียดกับเขม่าตะเกียงมาผสมลงไป หมึกที่ได้จึงมีสีดำเงาทึบ และจับเป็นขอบสุกปลั่งอยู่รอบๆตัวหนังสือสีม่วงเข้ม
กระดาษเนื้อเรียบเป็นเงาในหนังสือของบาสเคอร์วิลล์ คือกระดาษเนื้อถัก (Wove paper) รีดร้อน ซึ่งมีพื้นผิวที่ลื่นกว่ากระดาษทั่วไป และไม่มีลวดลายเป็นเส้นตามแนวนอนที่เกิดจากการผลิตอีกด้วย บาสเคอร์วิลล์ได้ปรับปรุงวิธีการทำกระดาษจากเนื้อที่หยาบให้มีผิวแน่นเรียบ โดยการสอดกระดาษเข้าไปในเครื่องจักรพิมพ์ลูกสูบที่ใช้แผ่นทองแดงเรียบมันสองแผ่น แล้วทำให้แผ่นทองแดงร้อน ซึ่งจะไล่ความชื้นออกจากกระดาษ ทำให้น้ำหมึกแห้งก่อนที่จะชุ่มเนื้อกระดาษ ทำให้ได้กระดาษที่เรียบมัน
John Baskerville rural people from the town of Alwar Chester cheering (Worcestershire) in England. He was born in the year 1706 enchantment beauty of a book, since when is a child. He began to publish the art of letters.
When you are in the age range among the thirty-sakhoewin started a career on a metal frame with a black lover. A candle clock coat boxes and trays are made from thin sheet metal, but the. Then scrub down the varnish, and thickness (only polished category appliances and kitchen appliances that are metal. Has been a very popular singer in no time) He has become a millionaire with plenty of Ammo. Nearby Birmingham
During the year 1751 BA sakhoewin began facing his calligraphy art love. Start the print side experiments As an artist who wants to control everything in the design and production of books. And can devote the necessary time and capacity to achieve the goal. He has an Assistant, John-nadi (John Handy) tailor the hammer and Robert Martin (Robert Martin) technician training, which continued a leader. Print tools. Adjust ink for better and also has developed new techniques for paper. Makes it easy to produce a paper slip and brighter with
.
The case of BA sakhoewin that his name came up as long as until today. As the climax of the style during the bend between the old style connector (Old Style) with a new typeface which influenced Williams Castle London (William Caslon) The case of BA sakhoewin With elegance and fragile compared to the previous version of the case of BA sakhoewin to watch over and weigh between thick with some more added. Serif, serif fonts of the same offense will flow out from the main part of the letter, gently, and ended up with a new direct fit. Italics his influences have been from the clearly most artist's handwriting
.
From the experiment haphazardly his BA sakhoewin Capable of producing ink made from boiled linsit boiling oil. After filling a black or yellow rubber into it and then leave it for several months. The ink is black, shiny solid edge and catch the ripe plang around dark purple books
.The paper texture is smooth gloss paper in a book of knitted fabrics, namely sakhoewin BA (Wove paper) hot rolled over slippery surfaces with paper, and there is no general pattern of horizontal lines that are caused by manufacturing as well. By sotkradat into the printing machine cylinder copper plate has been used it two plates and copper plates to heat, which will stop the moisture from the paper to ink dry before treatment, paper texture, smooth paper makes it
.
From the efforts of BA sakhoewin He produced a book with the contrast between the page of a book. Readable and Tae-definition with envy trade. And he said, ' amateur ' In spite of the high quality of his work. Some critics to argue that reading a print of BA sakhoewin, a burning sensation in the eyes, because the book is sharp and cutting with severe sheet of Benjamin Franklin. Write a letter to him and was told that BA sakhoewin listen to that product ID. Franklin removal a foundry label that uses a type of earphone undulation, and then tell people that are familiar with the criticism the case of BA sakhoewin. And then, the people point problem The critics who point out problems that have already looked at the ru treats headaches. However, their influence on the design and printing, it has spread to the country of Italy and France, where GIO van!! Bodo Airport (Giovanni Battista Bodoni) and do the family (The Didots) is to promote and push his ideas here.