In this study, we made three observ

In this study, we made three observations regarding the use of IR for CT-based quantitative analysis of emphysema.
1) The extent of emphysema was more consistent across three different tube currents on CT images when using AIDR3D than on CT images when using FBP. 2) Similar to previous studies that used different IR techniques,5–9 using AIDR3D resulted in slightly higher MLD, smaller LAA%, and higher 15th percentile values than when using conventional FBP. 3) Measurement errors for LAA% or 15th percentiles were correlated with patients’ body weights on scans without AIDR3D, and were minimized on scans with AIDR3D. Based on these observations, we believe that using IR should be recommended for quantitative analysis of emphysema to reduce measurement errors that are caused by tube current settings and body habitus; however, investigators must be aware that there will inevitably be differences in measured values between scans using IR and those using FBP.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในการศึกษานี้ เราทำสามข้อสังเกตเกี่ยวกับการใช้ IR สำหรับ CT ที่ใช้การวิเคราะห์เชิงปริมาณของภาวะอวัยวะ1) ขอบเขตภาวะอวัยวะได้มากขึ้นทั้งสามกระแสหลอดแตกต่างกันบนภาพ CT เมื่อใช้ AIDR3D กว่าบนภาพ CT เมื่อใช้ FBP 2) คล้ายกับการศึกษาก่อนหน้านี้ที่ใช้เทคนิค IR ต่าง ๆ 5 – 9 ใช้ AIDR3D ให้ MLD สูงขึ้นเล็กน้อย เล็กคำปฏิญาณ และ percentile 15 สูงค่าเมื่อใช้ FBP ธรรมดา 3) วัดข้อผิดพลาดคำปฏิญาณ%หรือ 15 percentiles ถูก correlated กับน้ำหนักตัวผู้ป่วยบนสแกนโดย AIDR3D และถูกย่อเล็กสุดในการสแกนกับ AIDR3D ตามข้อสังเกตเหล่านี้ เราเชื่อว่า ใช้ IR ควรจะแนะนำสำหรับการวิเคราะห์เชิงปริมาณของภาวะอวัยวะเพื่อลดข้อผิดพลาดการวัดที่เกิดจากการตั้งค่าปัจจุบันของหลอดและ habitus ร่างกาย อย่างไรก็ตาม นักสืบต้องทราบว่า ย่อมจะมีความแตกต่างในการวัดค่าระหว่างการสแกนที่ใช้ IR และผู้ใช้ FBP

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในการศึกษาครั้งนี้เราทำสามข้อสังเกตเกี่ยวกับการใช้ IR สำหรับการวิเคราะห์เชิงปริมาณ CT-based ของถุงลมโป่งพอง.
1) ขอบเขตของถุงลมโป่งพองได้มากขึ้นสอดคล้องกันทั่วทั้งสามกระแสหลอดแตกต่างกันในภาพ CT เมื่อใช้ AIDR3D กว่าภาพ CT เมื่อใช้ FBP 2) คล้ายกับการศึกษาก่อนหน้านี้ที่ใช้เทคนิค IR ที่แตกต่างกันโดยใช้ AIDR3D 5-9 ส่งผลให้สูงขึ้นเล็กน้อย MLD% LAA ขนาดเล็กและสูงกว่าค่าร้อยละ 15 กว่าเมื่อใช้ FBP ธรรมดา 3) ข้อผิดพลาดการวัดสำหรับ LAA% หรือ 15 เปอร์เซนต์มีความสัมพันธ์กับผู้ป่วยน้ำหนักตัวในการสแกนโดยไม่ต้อง AIDR3D และได้รับการลดลงในการสแกนด้วย AIDR3D ตามข้อสังเกตเหล่านี้เราเชื่อว่าการใช้ IR ควรได้รับการแนะนำสำหรับการวิเคราะห์เชิงปริมาณของถุงลมโป่งพองที่จะลดข้อผิดพลาดในการวัดที่เกิดจากการตั้งค่าปัจจุบันหลอดและร่างกาย habitus; แต่นักวิจัยจะต้องตระหนักว่ามีย่อมจะมีความแตกต่างในค่าที่วัดได้ระหว่างการสแกนโดยใช้ IR และผู้ที่ใช้ FBP