ประวัติความเป็นมาของหนังตะลุงนักวิชาการหลายท่านเชื่อว่า มหรสพการแสดงเง การแปล - ประวัติความเป็นมาของหนังตะลุงนักวิชาการหลายท่านเชื่อว่า มหรสพการแสดงเง ไทย วิธีการพูด

ประวัติความเป็นมาของหนังตะลุงนักวิช

ประวัติความเป็นมาของหนังตะลุง
นักวิชาการหลายท่านเชื่อว่า มหรสพการแสดงเงาจำพวกหนังตะลุงนี้ เป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ของมนุษยชาติ เคยปรากฏแพร่หลายมาทั้งในแถบประเทศยุโรป และเอเชีย โดยอ้างว่า มีหลักฐานปรากฏอยู่ว่า เมื่อครั้งพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชมีชัยชนะเหนืออียิปต์ ได้จัดให้มีการแสดงหนัง(หรือการละเล่นที่คล้ายกัน)เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะและประกาศเกียรติคุณของพระองค์ และเชื่อว่า มหรสพการแสดงเงานี้มีแพร่หลายในประเทศอียิปต์มาแต่ก่อนพุทธกาล ในประเทศอินเดีย พวกพราหมณ์แสดงหนังที่เรียกกันว่า ฉายานาฏกะ เรื่องมหากาพย์รามายณะ เพื่อบูชาเทพเจ้าและสดุดีวีรบุรุษ ส่วนในประเทศจีน มีการแสดงหนังสดุดีคุณธรรมความดีของสนมเอกแห่งจักรพรรดิ์ยวนตี่ (พ.ศ. 411 - 495) เมื่อพระนางวายชนม์


ในสมัยต่อมา การแสดงหนังได้แพร่หลายเข้าสู่ในเอเชียอาคเนย์ เขมร พม่า ชวา มาเลเซีย และประเทศไทย คาดกันว่า หนังใหญ่คงเกิดขึ้นก่อนหนังตะลุง และประเทศแถบนี้คงจะได้แบบมาจากอินเดีย เพราะยังมีอิทธิพลของพราหมณ์หลงเหลืออยู่มาก เรายังเคารพนับถือฤาษี พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ยิ่งเรื่องรามเกียรติ์ ยิ่งถือว่าเป็นเรื่องขลังและศักดิ์สิทธิ์ หนังใหญ่จึงแสดงเฉพาะเรื่องรามเกียรติ์ เริ่มแรกคงไม่มีจอ คนเชิดหนังใหญ่จึงแสดงท่าทางประกอบการเชิดไปด้วย


เชื่อกันว่าหนังใหญ่มีอยู่ก่อนสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เพราะมีหลักฐานอ้างอิงว่า มีนักปราชญ์ผู้หนึ่งเป็นชาวเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นผู้เชี่ยวชาญทางโหราศาสตร์และทางกวี สมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงเรียกตัวเข้ากรุงศรีอยุธยา ต่อมาได้เป็นพระอาจารย์ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระมหาราชครูหรือพระโหราธิบดี และมีรับสั่งให้พระมหาราชครูฟื้นฟูการเล่นหนัง(หนังใหญ่)อันเป็นของเก่าแก่ขึ้นใหม่ ดังปรากฏในสมุทรโฆษคำฉันท์ว่า..

ไหว้เทพยดาอา- รักษ์ทั่วทิศาดร

ขอสวัสดิขอพร ลุแก่ใจดั่งใจหวัง

ทนายผู้คอยความ เร่งตามไต้ส่องเบื้องหลัง

จงเรืองจำรัสทั้ง ทิศาภาคทุกพาย

จงแจ้งจำหลักภาพ อันยงยิ่งด้วยลวดลาย

ให้เห็นแก่ทั้งหลาย ทวยจะดูจงดูดี

หนังใหญ่ แต่เดิมเรียกว่า "หนัง" นิยมเล่นกันแพร่หลายในแถบภาคกลาง ส่วนหนังตะลุง แต่เดิมคนในท้องถิ่นภาคใต้ก็เรียกสั้นๆว่า "หนัง" เช่นกัน ดังคำกล่าวที่ได้ยินกันบ่อยว่า "ไปแลหนังโนรา" จึงสันนิษฐานว่า คำว่า "หนังตะลุง" คงจะเริ่มใช้เมื่อมีการนำหนังจากภาคใต้ไปแสดงให้เป็นที่รู้จักในภาคกลาง จึงได้เกิดคำ "หนังตะลุง" และ "หนังใหญ่" ขึ้นมาเพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกัน หนังจากภาคใต้เข้าไปเล่นในกรุงเทพฯ ครั้งแรกสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระยาพัทลุง (เผือก) นำไปเล่นที่แถวนางเลิ้ง หนังที่เข้าไปครั้งนั้นเป็นนายหนังจากจังหวัดพัทลุง คนกรุงเทพฯจึงเรียก "หนังพัทลุง" ต่อมาเสียงเพี้ยนเป็น "หนังตะลุง"


เชื่อกันว่า หนังตะลุงเลียนแบบมาจากหนังใหญ่ โดยย่อรูปหนังให้เล็กลง ในยุคแรกๆคงแสดงเรื่องรามเกียรติ์เหมือนกัน แต่เปลี่ยนบทพากย์มาเป็นภาษาท้องถิ่น เปลี่ยนเครื่องดนตรีจาก พิณพาทย์ ตะโพน มาเป็น ทับ กลอง ฉิ่ง โหม่ง ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีที่มีอยู่เดิมในภาคใต้ หลักฐานที่บอกว่าหนังตะลุงคงเลียนแบบมาจากหนังใหญ่ คือ แม้หนังตะลุงจะไม่ได้ใช้ พิณพาทย์ ตะโพน แต่ในโองการร่ายมนต์พระอิศวร(บทบูชาพระอิศวร) ก็ยังมีบทที่ว่า..

อดุลโหชันชโนทั้งผอง พิณพาทย์ ตะโพน กลอง

ข้าจะเล่นให้ท่านทั้งหลายดู

ต่อมา หนังภาคใต้หรือหนังตะลุง รับอิทธิพลของหนังชวาเข้ามาผสมผสาน จึงทำให้เกิดวิวัฒนาการใน "รูปหนัง" ขึ้นมา รูปหนังใหญ่จะเป็นแผ่นเดียวกันทั้งตัว เคลื่อนไหวอวัยวะไม่ได้ แต่รูปหนังชวาเคลื่อนไหวมือและปากได้ ส่วนใหญ่รูปหนังจะเคลื่อนไหวมือได้เพียงข้างเดียว ยกเว้นรูปกาก หรือตัวตลก และรูปนางบางตัว ที่สามารถขยับมือได้ทั้งสองข้าง รูปหนังชวามีใบหน้าที่ผิดไปจากคนจริง และหนังตะลุงก็รับแนวคิดนี้มาปรับใช้กับรูปตัวตลก เช่น แกะรูปหนูนุ้ยให้หน้าคล้ายวัว เท่งหน้าคล้ายนกกระฮัง เป็นต้น


หนังตะลุงเกิดขึ้นเมื่อใดนั้น ยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัด นักวิชาการสันนิษฐานว่าคงเป็นช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เพราะกลอนหนังตะลุงนิยมแต่งเป็นกลอนแปด ซึ่งในสมัยอยุธยากลอนแปดไม่ได้เป็นที่นิยมแพร่หลาย ยิ่งในภาคใต้ วรรณกรรมพื้นบ้านรุ่นเก่าแก่ล้วนแต่งเป็นกาพย์ทั้งสิ้น กลอนแปดเพิ่งมาเป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวางก็เมื่อหลังสุนทรภู่แต่งเรื่องพระอภัยมณีออกเผยแพร่แล้วนี่เอง


หนังตะลุงเกิดขึ้นในภาคใต้ครั้งแรกที่จังหวัดใด ก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัด
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติความเป็นมาของหนังตะลุงนักวิชาการหลายท่านเชื่อว่ามหรสพการแสดงเงาจำพวกหนังตะลุงนี้เป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ของมนุษยชาติเคยปรากฏแพร่หลายมาทั้งในแถบประเทศยุโรปและเอเชียโดยอ้างว่ามีหลักฐานปรากฏอยู่ว่าเมื่อครั้งพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชมีชัยชนะเหนืออียิปต์ได้จัดให้มีการแสดงหนัง (หรือการละเล่นที่คล้ายกัน) เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะและประกาศเกียรติคุณของพระองค์และเชื่อว่ามหรสพการแสดงเงานี้มีแพร่หลายในประเทศอียิปต์มาแต่ก่อนพุทธกาลในประเทศอินเดียพวกพราหมณ์แสดงหนังที่เรียกกันว่าฉายานาฏกะเรื่องมหากาพย์รามายณะเพื่อบูชาเทพเจ้าและสดุดีวีรบุรุษส่วนในประเทศจีนมีการแสดงหนังสดุดีคุณธรรมความดีของสนมเอกแห่งจักรพรรดิ์ยวนตี่ (พ.ศ. 411-495) เมื่อพระนางวายชนม์ ในสมัยต่อมาการแสดงหนังได้แพร่หลายเข้าสู่ในเอเชียอาคเนย์เขมรพม่าชวามาเลเซียและประเทศไทยคาดกันว่าหนังใหญ่คงเกิดขึ้นก่อนหนังตะลุงและประเทศแถบนี้คงจะได้แบบมาจากอินเดียเพราะยังมีอิทธิพลของพราหมณ์หลงเหลืออยู่มากเรายังเคารพนับถือฤาษีพระอิศวรรามและพระพรหมยิ่งเรื่องรามเกียรติ์ยิ่งถือว่าเป็นเรื่องขลังและศักดิ์สิทธิ์หนังใหญ่จึงแสดงเฉพาะเรื่องรามเกียรติ์เริ่มแรกคงไม่มีจอคนเชิดหนังใหญ่จึงแสดงท่าทางประกอบการเชิดไปด้วย เชื่อกันว่าหนังใหญ่มีอยู่ก่อนสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเพราะมีหลักฐานอ้างอิงว่ามีนักปราชญ์ผู้หนึ่งเป็นชาวเวียงสระจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโหราศาสตร์และทางกวีสมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงเรียกตัวเข้ากรุงศรีอยุธยาต่อมาได้เป็นพระอาจารย์ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้รับการแต่งตั้งเป็นพระมหาราชครูหรือพระโหราธิบดีและมีรับสั่งให้พระมหาราชครูฟื้นฟูการเล่นหนัง (หนังใหญ่) อันเป็นของเก่าแก่ขึ้นใหม่ดังปรากฏในสมุทรโฆษคำฉันท์ว่า... ไหว้เทพยดาอา-รักษ์ทั่วทิศาดร ขอสวัสดิขอพรลุแก่ใจดั่งใจหวัง ทนายผู้คอยความเร่งตามไต้ส่องเบื้องหลัง จงเรืองจำรัสทั้งทิศาภาคทุกพาย จงแจ้งจำหลักภาพอันยงยิ่งด้วยลวดลาย ให้เห็นแก่ทั้งหลายทวยจะดูจงดูดี หนังใหญ่แต่เดิมเรียกว่า "หนัง" นิยมเล่นกันแพร่หลายในแถบภาคกลางส่วนหนังตะลุงแต่เดิมคนในท้องถิ่นภาคใต้ก็เรียกสั้นๆว่า "หนัง" เช่นกันดังคำกล่าวที่ได้ยินกันบ่อยว่า "ไปแลหนังโนรา" จึงสันนิษฐานว่าคำว่า "หนังตะลุง" คงจะเริ่มใช้เมื่อมีการนำหนังจากภาคใต้ไปแสดงให้เป็นที่รู้จักในภาคกลางจึงได้เกิดคำ "หนังตะลุง" และ "หนังใหญ่" ขึ้นมาเพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกันหนังจากภาคใต้เข้าไปเล่นในกรุงเทพฯ ครั้งแรกสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโดยพระยาพัทลุง (เผือก) นำไปเล่นที่แถวนางเลิ้งหนังที่เข้าไปครั้งนั้นเป็นนายหนังจากจังหวัดพัทลุงคนกรุงเทพฯจึงเรียก "หนังพัทลุง" ต่อมาเสียงเพี้ยนเป็น "หนังตะลุง" เชื่อกันว่าหนังตะลุงเลียนแบบมาจากหนังใหญ่โดยย่อรูปหนังให้เล็กลงในยุคแรกๆคงแสดงเรื่องรามเกียรติ์เหมือนกันแต่เปลี่ยนบทพากย์มาเป็นภาษาท้องถิ่นเปลี่ยนเครื่องดนตรีจากพิณพาทย์ตะโพนมาเป็นทับกลองฉิ่งโหม่งซึ่งเป็นเครื่องดนตรีที่มีอยู่เดิมในภาคใต้หลักฐานที่บอกว่าหนังตะลุงคงเลียนแบบมาจากหนังใหญ่คือแม้หนังตะลุงจะไม่ได้ใช้พิณพาทย์ตะโพนแต่ในโองการร่ายมนต์พระอิศวร(บทบูชาพระอิศวร)ก็ยังมีบทที่ว่า... อดุลโหชันชโนทั้งผองพิณพาทย์ตะโพนกลอง ข้าจะเล่นให้ท่านทั้งหลายดู ต่อมาหนังภาคใต้หรือหนังตะลุงรับอิทธิพลของหนังชวาเข้ามาผสมผสานจึงทำให้เกิดวิวัฒนาการใน "รูปหนัง" ขึ้นมารูปหนังใหญ่จะเป็นแผ่นเดียวกันทั้งตัวเคลื่อนไหวอวัยวะไม่ได้แต่รูปหนังชวาเคลื่อนไหวมือและปากได้ส่วนใหญ่รูปหนังจะเคลื่อนไหวมือได้เพียงข้างเดียวยกเว้นรูปกากหรือตัวตลกและรูปนางบางตัวที่สามารถขยับมือได้ทั้งสองข้างรูปหนังชวามีใบหน้าที่ผิดไปจากคนจริงและหนังตะลุงก็รับแนวคิดนี้มาปรับใช้กับรูปตัวตลกเช่นแกะรูปหนูนุ้ยให้หน้าคล้ายวัวเท่งหน้าคล้ายนกกระฮังเป็นต้น หนังตะลุงเกิดขึ้นเมื่อใดนั้นยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดนักวิชาการสันนิษฐานว่าคงเป็นช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์เพราะกลอนหนังตะลุงนิยมแต่งเป็นกลอนแปดซึ่งในสมัยอยุธยากลอนแปดไม่ได้เป็นที่นิยมแพร่หลายยิ่งในภาคใต้วรรณกรรมพื้นบ้านรุ่นเก่าแก่ล้วนแต่งเป็นกาพย์ทั้งสิ้นกลอนแปดเพิ่งมาเป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวางก็เมื่อหลังสุนทรภู่แต่งเรื่องพระอภัยมณีออกเผยแพร่แล้วนี่เอง หนังตะลุงเกิดขึ้นในภาคใต้ครั้งแรกที่จังหวัดใดก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัด
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!

มหรสพการแสดงเงาจำพวกหนังตะลุงนี้เป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ของมนุษยชาติ และเอเชียโดยอ้างว่ามีหลักฐานปรากฏอยู่ว่า และเชื่อว่า ในประเทศอินเดียพวกพราหมณ์แสดงหนังที่เรียกกันว่าฉายานาฏกะเรื่องมหากาพย์รามายณะเพื่อบูชาเทพเจ้าและสดุดีวีรบุรุษส่วนในประเทศจีน (พ.ศ. 411-495) เมื่อพระนางวายชนม์ในสมัยต่อมา เขมรพม่าชวามาเลเซียและประเทศไทยคาดกันว่าหนังใหญ่คงเกิดขึ้นก่อนหนังตะลุง เรายังเคารพนับถือฤาษีพระอิศวรพระนารายณ์และพระพรหมยิ่งเรื่องรามเกียรติ์ เริ่มแรกคงไม่มีจอ เพราะมีหลักฐานอ้างอิงว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี รักษ์ทั่วทิศาดรขอสวัสดิขอพรลุแก่ใจดั่งใจหวังทนายผู้คอยความ ทุกทิศาภาคพายจงแจ้งจำหลักภาพ ทวยจะดูดีจงดูหนังใหญ่ แต่เดิมเรียกว่าได้ "หนัง" นิยมเล่นกันแพร่หลายในแถบภาคกลางส่วนหนังตะลุง "หนัง" เช่นกันดังคำกล่าวที่ได้ยินกันบ่อยว่า "ไปแลหนังโนรา" จึงสันนิษฐานว่าคำว่า "หนังตะลุง" จึงได้เกิดคำ "หนังตะลุง" และ "หนังใหญ่" ขึ้นมาเพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกันหนังจากภาคใต้เข้าไปเล่นในกรุงเทพฯ โดยพระยาพัทลุง (เผือก) นำไปเล่นที่แถวนางเลิ้ง คนกรุงเทพฯจึงเรียก "หนังพัทลุง" ต่อมาเสียงเพี้ยนเป็น "หนังตะลุง" เชื่อกันว่าหนังตะลุงเลียนแบบมาจากหนังใหญ่โดยย่อรูปหนังให้เล็กลง เปลี่ยนเครื่องดนตรีจากพิณพาทย์ตะโพนมาเป็นทับกลองฉิ่งโหม่ง คือแม้หนังตะลุงจะไม่ได้ใช้พิณพาทย์ตะโพน พิณพาทย์ตะโพน หนังภาคใต้หรือหนังตะลุงรับอิทธิพลของหนังชวาเข้ามาผสมผสานจึงทำให้เกิดวิวัฒนาการใน "รูปหนัง" ขึ้นมา เคลื่อนไหวอวัยวะไม่ได้ ยกเว้นรูปกากหรือตัวตลกและรูปนางบางตัวที่สามารถขยับมือได้ทั้งสองข้าง เช่นแกะรูปหนูนุ้ยให้หน้าคล้ายวัวเท่งหน้าคล้ายนกกระฮัง ยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัด ยิ่งในภาคใต้ ก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัด


































การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติความเป็นมาของหนังตะลุง
นักวิชาการหลายท่านเชื่อว่ามหรสพการแสดงเงาจำพวกหนังตะลุงนี้เป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ของมนุษยชาติเคยปรากฏแพร่หลายมาทั้งในแถบประเทศยุโรปและเอเชียโดยอ้างว่ามีหลักฐานปรากฏอยู่ว่าได้จัดให้มีการแสดงหนัง ( หรือการละเล่นที่คล้ายกัน ) เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะและประกาศเกียรติคุณของพระองค์และเชื่อว่ามหรสพการแสดงเงานี้มีแพร่หลายในประเทศอียิปต์มาแต่ก่อนพุทธกาลในประเทศอินเดียฉายานาฏกะเรื่องมหากาพย์รามายณะเพื่อบูชาเทพเจ้าและสดุดีวีรบุรุษส่วนในประเทศจีนมีการแสดงหนังสดุดีคุณธรรมความดีของสนมเอกแห่งจักรพรรดิ์ยวนตี่ ( พ .ศ . 411 - 495 ) เมื่อพระนางวายชนม์


การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: