การผลิตทางการเกษตรที่ดีและเหมาะสม หรือ Good Agriculture Practices (GAP) หมายถึง แนวทาง
ในการทําการเกษตร เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีตรงตามมาตรฐานที่กําหนด ได้ผลผลิตสูงคุ้มค่าการลงทุนและ
กระบวนการผลิตจะต้องปลอดภัยต่อเกษตรกรและผู้บริโภค มีการใช้ทรัพยากรที่เกิดประโยชน์สูงสุด เกิดความ
ยั่งยืนทางการเกษตรและไม่ทําให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม โดยหลักการนี้ได้รับการกําหนดโดยองค์การอาหารและ
เกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ในประเทศไทยนําหลักเกณฑ์ของ GAP มาประยุกต์ใช้ในปัจจุบัน มีดังนี้
การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสําหรับพืช (Good Agriculture Practices : GAP)
สําหรับประเทศไทย กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการ
ตรวจรับรองระบบการจัดการคุณภาพ : การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสําหรับพืช (GAP) โดยได้กําหนดข้อกําหนด
กฎเกณฑ์และวิธีการตรวจประเมิน ซึ่งเป็นไปตามหลักการที่สอดคล้องกับ GAP ตามหลักการสากล เพื่อใช้เป็น
มาตรฐานการผลิตพืชในระดับฟาร์มของประเทศ รวมทั้งได้จัดทําคู่มือการเพาะปลูกพืชตามหลัก GAP สําหรับพืชที่
สําคัญของไทยจํานวน 24 ชนิด ประกอบด้วย
ผลไม้ ทุเรียน ลําไย กล้วยไม้ สับปะรด ส้มโอ มะม่วง และส้มเขียวหวาน
พืชผัก มะเขือเทศ หน่อไม้ฝรั่ง ผักคะน้า หอมหัวใหญ่ กะหล่ําปลี พริก ถั่วฝักยาว ถั่วลันเตา ผักกาดขาวปลี
ข้าวโพดฝักอ่อน หัวหอมปลี และหัวหอมแบ่ง
ไม้ดอก กล้วยไม้ตัดดอก และปทุมมา
พืชอื่นๆ กาแฟโรบัสต้า มันสําปะหลัง และยางพารา
โดยปัจจัยที่ใช้ในการตรวจประเมินแปลงผลิตของเกษตรกรเพื่อให้ได้ตามระบบการจัดการคุณภาพพืช
“เกษตรดีที่เหมาะสม” (GAP) มีการตรวจสอบอย่างน้อย 8 ปัจจัย คือ
• แหล่งน้ํา
• พื้นที่ปลูก
• การใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตร
• การเก็บรักษาและขนย้ายผลผลิตภายในแปลง
• การบันทึกข้อมูล
• การผลิตให้ปลอดจากศัตรูพืช
• การจัดกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้ผลิตผลคุณภาพ
• การเก็บเกี่ยวและการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว