EBP capability beliefsEBP capabilit

EBP capability beliefs
EBP capability beliefs association with a higher extent of all EBP activities, is in line with the findings of the systematic review by Godin and colleagues [30], and shows promise for future intervention studies in nursing education and in clinical practice, as capability beliefs is a modifiable factor [31]. In the field of implementation science there is a call to increase the use of theory in research as a mean to develop interventions for increasing the uptake of evidence into practice [32]. Godin and colleagues [30] synthesized studies using social cognitive theories to determine factors influencing health professionals’ behavior and behavioral change. The theory of planned behavior [33] was identified as a useful theory, and capability beliefs (or self-efficacy) was the factor that most often predicted professionals’ behavior. In nursing research, the main focus on individual factors associated with nurses’ practice of EBP and research use (which is a major component of EBP) has been on attitudes towards research and EBP [9, 34]. Some researchers have used cognitive theories in implementation research, especially for exploring the concept of capability beliefs and how it links to EBP among nurses [13, 18, 35]. However, to develop accurate interventions or educational methods to enhance nursing students’ and nurses’ capability beliefs regarding EBP, we believe there is a need for a more complete utilization of the conceptual framework of capability beliefs. Townsend and Scanlan [36] conducted a concept analysis of self-efficacy related to nursing students in the clinical setting. They identified four defining attributes; namely belief in being capable of performing a task (confidence), ability to carry out the task (capability), ability to be successful in performing the task over time (persistence) and ability to perform in stressful situations (strength). These four attributes and their theoretical base should preferably be considered when planning interventions to enhance EBP capability beliefs among nursing students and nurses. For example, learning interventions should include mastery experiences, role modeling, social persuasion and managing stress in practicing EBP [31]. As capability beliefs is an amendable variable, we suggest that researchers conducting intervention studies using the theory of planned behavior [33] should evaluate whether changes in EBP capability beliefs will increase, sustain or decrease over a longer time period after the intervention.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความเชื่อความสามารถของ EBPEBP ความสามารถความเชื่อความสัมพันธ์กับในระดับที่สูงขึ้นของกิจกรรมทั้งหมดใน EBP สอดคล้องกับผลการวิจัยของปริทัศน์โดยเงินและและเพื่อนร่วมงาน [30], แสดงสัญญาศึกษาแทรกแซงในอนาคตในการศึกษาพยาบาล และในคลินิก เป็นความเชื่อความสามารถในการเป็นปัจจัยสามารถแก้ไข [31] ในด้านการใช้งานวิทยาศาสตร์ มีการกระตุ้นการเพิ่มการใช้ทฤษฎีในการวิจัยเป็นความหมายในการพัฒนากิจกรรมสำหรับการเพิ่มการดูดซึมของหลักฐานในการปฏิบัติ [32] เงินและเพื่อนร่วมงาน [30] สังเคราะห์ศึกษาและใช้ทฤษฎีองค์ความรู้ทางสังคมเพื่อกำหนดปัจจัยที่มีอิทธิพลของลักษณะการทำงานและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ทฤษฎีพฤติกรรมตามแผน [33] ที่ถูกระบุว่าเป็นทฤษฎีที่มีประโยชน์ และความเชื่อ (หรือประสิทธิภาพในตนเอง) ก็ตัวที่ส่วนใหญ่มักจะคาดการณ์ลักษณะการทำงานของมืออาชีพ ในการพยาบาลวิจัย แต่ละปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการพยาบาลการใช้ EBP และวิจัย (ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญใน EBP) เน้นหลักการแล้วทัศนคติต่องานวิจัยและ EBP [9, 34] นักวิจัยบางคนได้ใช้ทฤษฎีความรู้ความเข้าใจในงานวิจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการสำรวจแนวคิดความเชื่อความสามารถและวิธีเชื่อมโยง EBP ระหว่างพยาบาล [13, 18, 35] อย่างไรก็ตาม การพัฒนาถูกแทรกแซงหรือวิธีการศึกษาเพื่อเพิ่มความเชื่อความสามารถของนักศึกษาพยาบาลและพยาบาลเกี่ยวกับ EBP เราเชื่อว่า จำเป็นสำหรับการใช้ประโยชน์ของกรอบแนวคิดของความเชื่อความสามารถสมบูรณ์มาก เซนด์และ Scanlan [36] ดำเนินการวิเคราะห์แนวคิดประสิทธิภาพในตนเองที่เกี่ยวข้องกับนักศึกษาพยาบาลในการตั้งค่าทางการแพทย์ พวกเขาพบแอตทริบิวต์กำหนดสี่ คือความเชื่อในความสามารถในการดำเนินงาน (มั่น), ความสามารถในการดำเนินงาน (ความสามารถ), ความสามารถที่จะประสบความสำเร็จในการทำงานตลอดเวลา (มีอยู่) และความสามารถในการทำในสถานการณ์ที่เครียด (แข็งแรง) แอตทริบิวต์เหล่านี้ทั้งสี่และฐานทางทฤษฎีของพวกเขาควรควรการวางแผนแทรกแซงเพื่อเพิ่มความเชื่อความสามารถใน EBP ในหมู่นักศึกษาและพยาบาลพยาบาล ตัวอย่างเช่น กิจกรรมการเรียนรู้ควรมีประสบการณ์การเรียนรู้ บทบาทโมเดล สังคมชักชวน และจัดการความเครียดฝึก EBP [31] เป็นความเชื่อความสามารถใน ตัวแปร amendable เราขอแนะนำให้ นักวิจัยดำเนินการจัดการศึกษาโดยใช้ทฤษฎีพฤติกรรมตามแผน [33] ควรประเมินว่าการเปลี่ยนแปลงความเชื่อความสามารถของ EBP จะเพิ่ม รักษา หรือลดช่วงระยะเวลานานหลังจากการแทรกแซง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความสามารถในการ EBP ความเชื่อ
EBP สมาคมความเชื่อความสามารถที่มีในระดับที่สูงขึ้นของกิจกรรม EBP ทั้งหมดสอดคล้องกับผลการวิจัยของระบบตรวจสอบโดยโกและเพื่อนร่วมงาน [30] และแสดงให้เห็นสัญญาสำหรับการศึกษาการแทรกแซงในอนาคตในการศึกษาพยาบาลและในทางปฏิบัติทางคลินิกเช่น ความสามารถในความเชื่อเป็นปัจจัยที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ [31] ในสาขาวิทยาศาสตร์การดำเนินการมีการเรียกร้องให้เพิ่มการใช้ทฤษฎีในการวิจัยเป็นความหมายในการพัฒนาการแทรกแซงเพื่อเพิ่มการดูดซึมของหลักฐานในการปฏิบัติ [32] Godin และเพื่อนร่วมงาน [30] การศึกษาการสังเคราะห์องค์ความรู้โดยใช้ทฤษฎีทางสังคมเพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ทฤษฎีของการวางแผนพฤติกรรม [33] ถูกระบุว่าเป็นทฤษฎีที่มีประโยชน์และความเชื่อความสามารถ (หรือรับรู้ความสามารถของตนเอง) เป็นปัจจัยที่ส่วนใหญ่มักจะคาดการณ์พฤติกรรมของมืออาชีพ ' ในงานวิจัยทางการพยาบาลที่เน้นหลักในแต่ละปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติพยาบาลของ EBP และการใช้การวิจัย (ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของ EBP) ที่ได้รับในทัศนคติต่อการวิจัยและ EBP [9, 34] นักวิจัยบางคนได้ใช้ทฤษฎีองค์ความรู้ในการวิจัยการดำเนินงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการสำรวจแนวคิดของความเชื่อความสามารถและวิธีที่จะเชื่อมโยงไปยัง EBP ของพยาบาล [13, 18, ​​35] อย่างไรก็ตามในการพัฒนาการแทรกแซงที่ถูกต้องหรือวิธีการศึกษาเพื่อเสริมสร้างนักศึกษาพยาบาลและพยาบาล 'ความเชื่อเกี่ยวกับความสามารถในการ EBP เราเชื่อว่ามีความจำเป็นสำหรับการใช้งานที่สมบูรณ์มากขึ้นของกรอบแนวคิดของความเชื่อความสามารถ ทาวน์เซนด์และสแคนลัน [36] ดำเนินการวิเคราะห์แนวคิดของตนเองการรับรู้ความสามารถที่เกี่ยวข้องกับนักศึกษาพยาบาลในการตั้งค่าทางคลินิก พวกเขาระบุว่าการกำหนดคุณลักษณะสี่; คือความเชื่อในความสามารถในการดำเนินงาน (ความเชื่อมั่น) ความสามารถในการดำเนินงาน (ความสามารถ) ความสามารถในการจะประสบความสำเร็จในการปฏิบัติงานในช่วงเวลา (วิริยะ) และความสามารถในการดำเนินการในสถานการณ์ที่เครียด (แข็งแรง) เหล่านี้คุณลักษณะที่สี่และฐานทางทฤษฎีของพวกเขาควรได้รับการพิจารณาเมื่อการแทรกแซงการวางแผนเพื่อเพิ่มความเชื่อความสามารถ EBP ในหมู่นักศึกษาพยาบาลและพยาบาล ยกตัวอย่างเช่นการเรียนรู้การแทรกแซงควรจะรวมถึงประสบการณ์การเรียนรู้การสร้างแบบจำลองบทบาทการโน้มน้าวใจทางสังคมและการจัดการความเครียดในการฝึก EBP [31] ในฐานะที่เป็นความสามารถในความเชื่อเป็นตัวแปรทำให้ถูกต้องได้เราขอแนะนำให้นักวิจัยดำเนินการศึกษาการแทรกแซงโดยใช้ทฤษฎีพฤติกรรมตามแผน [33] ควรประเมินว่าการเปลี่ยนแปลงในความเชื่อความสามารถ EBP จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงรักษาในช่วงเวลาที่นานหลังจากการแทรกแซง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ebp ในความเชื่อebp ความเชื่อในความสัมพันธ์กับระดับที่สูงขึ้นของกิจกรรม ebp ทั้งหมด สอดคล้องกับข้อมูลจากการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบโดย Godin และเพื่อนร่วมงาน [ 30 ] และแสดงสัญญาสำหรับการศึกษาการแทรกแซงของอนาคตในการศึกษาพยาบาล และคลินิก เป็นความเชื่อที่สามารถเป็นปัจจัย [ 31 ] ในสาขาวิทยาศาสตร์มีการเรียกเพิ่มการใช้ทฤษฎีในการวิจัยเพื่อพัฒนาเป็นหมายถึงการแทรกแซงเพื่อเพิ่มการดูดซึมของหลักฐานในการปฏิบัติ [ 32 ] Godin และเพื่อนร่วมงาน [ 30 ] สังเคราะห์การศึกษาโดยใช้ทฤษฎีปัญญาสังคม เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพ และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ทฤษฎีพฤติกรรมตามแผน [ 33 ] ที่ถูกระบุว่าเป็นทฤษฎีที่เป็นประโยชน์ และความเชื่อในความสามารถ ( หรือความสามารถ ) เป็นปัจจัย ที่ส่วนใหญ่มักจะทำนายพฤติกรรมมืออาชีพ ' ในการวิจัยทางการพยาบาล , หลักมุ่งเน้นไปที่ปัจจัยส่วนบุคคลมีความสัมพันธ์กับการปฏิบัติพยาบาลของ ebp และการวิจัยที่ใช้ ( ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของ ebp ) มีเจตคติต่อการวิจัย และ ebp 9 [ 34 ] นักวิจัยบางคนได้ใช้ทฤษฎีความรู้ความเข้าใจในการดำเนินงานวิจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการสำรวจแนวคิดของความเชื่อในความสามารถและวิธีการเชื่อมโยงไปยัง ebp พยาบาล [ 13 , 18 , 22 ) อย่างไรก็ตาม ในการพัฒนามาตรการที่ถูกต้อง หรือวิธีศึกษาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถของนักศึกษาพยาบาลใน ebp ความเชื่อ เราเชื่อว่าต้องมีการใช้ประโยชน์ที่สมบูรณ์มากขึ้นของแนวคิดของความเชื่อในความสามารถ ทาวน์เซนด์ สแคนเลิน [ 36 ] และดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดการวิเคราะห์สมรรถนะของนักศึกษาพยาบาลในการตั้งค่าทางคลินิก พวกเขาระบุสี่กำหนดแอตทริบิวต์ คือความเชื่อในความสามารถในการปฏิบัติงาน ( ความเชื่อมั่น ) ความสามารถในการดําเนินงาน ( ความสามารถ ) , ความสามารถในการประสบความสำเร็จในการปฏิบัติงานตลอดเวลา ( วิริยะ ) และความสามารถในการดําเนินการในสถานการณ์ที่เคร่งเครียด ( ความแข็งแรง ) เหล่านี้สี่คุณลักษณะและทฤษฎีพื้นฐานที่พวกเขาควรจะได้รับการพิจารณาเมื่อมีการวางแผนที่จะเพิ่มความสามารถในการแทรกแซง ebp ความเชื่อของนักศึกษาพยาบาลและพยาบาล ตัวอย่างเช่น การเรียนรู้โดยควรมีการเรียนรู้ประสบการณ์ แม่แบบ การให้สังคมและการจัดการความเครียดในการฝึก ebp [ 31 ] เป็นความเชื่อของความสามารถ และตัวแปร amendable เราแนะนำว่า นักวิจัยทำการศึกษาโดยใช้ทฤษฎีการวางแผนพฤติกรรม [ 33 ] ควรประเมินว่า การเปลี่ยนแปลงในความเชื่อ ebp ความสามารถจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงจากช่วงเวลาอีกต่อไปหลังจากการแทรกแซง