1913 to WWII[edit]After the death o

1913 to WWII[edit]
After the death of Helen Carte in 1913, Rupert D'Oyly Carte became the controlling stockholder of the hotel group.[27] In 1919, he sold the Grand Hotel, Rome, which his father had acquired in 1894 at the urging of Ritz. For the Savoy, he hired a new chef, François Latry, who served from 1919 to 1942.[28] In the 1920s he ensured that the Savoy continued to attract a fashionable clientele by a continuous programme of modernisation and the introduction of dancing in the large restaurants. It also became the first hotel with air conditioning, steam-heating and soundproofed windows in the rooms, 24-hour room service and telephones in every bathroom. It also manufactured its own mattresses.[22] One famous incident during Rupert's early years was the 1923 shooting, at the hotel, of a wealthy young Egyptian, Prince Fahmy Bey, by his French wife, Marguerite. The widow was acquitted of murder after it was revealed that her husband had treated her with extreme cruelty throughout the six-month marriage and had stated that he was going to kill her.[29][30]


Savoy Hotel letterhead, 1939
Until the 1930s, the Savoy group had not thought it necessary to advertise, but Carte and Reeves-Smith changed their approach. "We are endeavouring by intensive propaganda work to get more customers; this work is going on in the U.S.A., in Canada, in the Argentine and in Europe."[31] In 1938 Hugh Wontner joined the Savoy hotel group as Reeves-Smith's assistant, and he became managing director in 1941.[1][32]

During World War II, Wontner and his staff had to cope with bomb damage, food rationing, manpower shortage and a serious decline in the number of foreign visitors. After the US entered the war, business picked up as the Savoy Hotel became a favourite of American officers, diplomats, journalists and others.[33] The hotel became a meeting place for war leaders: Winston Churchill often took his cabinet to lunch at the hotel, Lord Mountbatten, Charles de Gaulle, Jan Masaryk and General Wavell were among the regular Grill Room diners, and the hotel's air-raid shelters were "the smartest in London".[1] Wontner cooperated fully with the government's wartime restrictions, helping to draw up an order imposing a five-shilling limit on the price of a restaurant meal.[33][34]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ค.ศ. 1913 การ WWII [แก้ไข]หลังจากการตายของเฮเลนอาหารในปี 1913 รูเพิร์ต D'Oyly อาหารกลายเป็น stockholder ควบคุมของกลุ่มโรงแรม [27] ใน 1919 เขาขายแกรนด์ โรม ที่พ่อของเขาได้มาใน 1894 ที่กลุ่มของริทซ์ สำหรับซาวอย เขาจ้างพ่อครัวใหม่ François Latry ผู้ให้บริการจาก 1919 ถึงปี 1942 [28] ในปี 1920 เขามั่นใจว่า ที่ซาวอยอย่างต่อเนื่องเพื่อดึงดูดลูกค้าที่ทันสมัย โดยโปรแกรมอย่างต่อเนื่องของ modernisation และแนะนำการเต้นรำในร้านอาหารขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังเป็น โรงแรมแรก ด้วยไอน้ำร้อน เครื่องปรับอากาศ และกันเสียงหน้าต่างในห้องพัก บริการห้องพักตลอด 24 ชั่วโมง และโทรศัพท์ในห้องน้ำ นอกจากนี้มันยังผลิตที่นอนของตัวเอง [22] มีชื่อเสียงหนึ่งปีแรก ๆ เพิ่มเหตุการณ์ระหว่างของรูเพิร์ตที่ถูก 1923 ถ่ายภาพ ที่โรงแรม อียิปต์หนุ่มความมั่งคั่ง เจ้าชาย Fahmy Bey ฝรั่งเศสภรรยา Marguerite การ แม่ม่ายมี acquitted ของฆาตกรรมหลังจากมันถูกเปิดเผยว่า สามีได้รับเธอโหดมากตลอดแต่งงาน 6 เดือน และระบุว่า เขากำลังจะฆ่าเธอ [29] [30]โรงแรมซาวอยหัวจดหมาย 1939จนกระทั่งช่วงทศวรรษ 1930 กลุ่มวอก็ไม่คิดว่า มันจำเป็นต้องโฆษณา แต่วิธีการเปลี่ยนอาหารและสมิธบ้าเป็นหลัง "เราจะ endeavouring โดยการโฆษณาชวนเชื่อแบบเร่งรัดงานรับลูกค้าได้มากขึ้น งานนี้เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา แคนาดา อาร์เจนตินา และ ในยุโรป" [31] ในค.ศ. 1938 ฮิวจ์ Wontner เข้าร่วมกลุ่มโรงแรมซาวอยเป็นบ้าเป็นหลัง Smith ผู้ช่วย และเขากลายเป็นกรรมการผู้จัดการใน 1941 [1] [32]ในระหว่างสงครามโลก Wontner และเจ้าหน้าที่ได้เพื่อรับมือกับระเบิดความเสียหาย rationing อาหาร ขาดแคลนกำลังคน และลดลงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศอย่างจริงจัง หลังจากที่สหรัฐอเมริกาป้อนสงคราม ธุรกิจเบิกค่าโรงแรมซาวอยเป็น สถานที่ชื่นชอบของเจ้าหน้าที่อเมริกัน ทูต ผู้สื่อข่าว และอื่น ๆ [33] โรงแรมเป็นประชุมสำหรับผู้นำสงคราม: เคิร์ดโซว์วินสตันเอาตู้ของเขาเพื่ออาหารกลางวันมักจะพัก เกสท์พระ ชาร์ลส์เดอโกล Jan Masaryk และ Wavell ทั่วไปได้ระหว่างไดเนอร์สคลับลรูมปกติ และพักพิงโจมตีทางอากาศได้ "ฉลาดในลอนดอน" [1] Wontner ร่วมมือเต็ม ด้วยข้อจำกัดของความโหดร้ายของรัฐบาล ช่วยให้วาดใบที่สง่างามจำกัด 5 ชิลลิงที่ราคาอาหารร้านนี้ [33] [34]