“In order to understand a text a re

“In order to understand a text a reader should be able to distinguish a text from a piece of language which is not text. Sentences in a text are not put together haphazardly, but they possess unification and unity which is called texture” (Halliday & Hasan, 1976:5). The cited authors believe that “ if a passage of English containing more than one sentence is perceived as a text, there will be certain linguistic features present in that passage which can be identified as contributing to its total unity and giving it texture.”(p. 2).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

"เพื่อให้เข้าใจข้อความที่ อ่านควรจะแยกข้อความออกจากชิ้นส่วนของภาษาที่ไม่ใช่ข้อความ ประโยคในข้อความจะไม่ใส่กันผิด ๆ ถูก ๆ แต่พวกเขามีการรวมกันและความสามัคคีที่เรียกว่าเนื้อ" (Halliday & Hasan, 1976:5) อ้างอิงผู้เขียนเชื่อว่า "ถ้าเป็นที่รับรู้ทางภาษาอังกฤษที่ประกอบด้วยมากกว่าหนึ่งประโยคเป็นข้อความ จะมีคุณลักษณะบางอย่างทางภาษาอยู่ในที่ทางเดินซึ่งสามารถระบุว่าเป็นที่เอื้อต่อความสามัคคีของทั้งหมด และให้มันเนื้อ" (p. 2)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

"เพื่อที่จะเข้าใจข้อความที่อ่านควรจะสามารถที่จะแยกแยะข้อความจากชิ้นส่วนของภาษาซึ่งไม่ได้เป็นข้อความ ประโยคในข้อความที่ยังไม่ได้ใส่กันส่งเดช แต่พวกเขามีการผสมผสานและความสามัคคีซึ่งเรียกว่าเนื้อ "(ฮัลลิเดย์ & Hasan 1976: 5) ผู้เขียนอ้างถึงเชื่อว่า "ถ้าข้อความภาษาอังกฤษที่มีมากกว่าหนึ่งประโยคจะถูกมองว่าเป็นข้อความที่จะมีคุณสมบัติทางภาษาศาสตร์บางอย่างอยู่ในทางที่สามารถระบุได้ว่าเป็นที่เอื้อต่อความสามัคคีรวมของ บริษัท และให้มันเนื้อ." (พี . 2)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

" เพื่อที่จะเข้าใจข้อความที่ผู้อ่านจะต้องสามารถแยกแยะข้อความจากชิ้นส่วนของภาษาซึ่งไม่ใช่ข้อความ ประโยคในข้อความจะไม่ใส่กันส่งเดช แต่พวกเขามีความสามัคคีและความสามัคคีซึ่งเรียกว่าเนื้อ " ( ฮอลลิเดย์ & Hasan 1976:5 , ) วิจัยพบว่า ผู้เขียนเชื่อว่า " ถ้าทางภาษาอังกฤษที่มีมากกว่าหนึ่งประโยคเป็นที่รับรู้เป็นข้อความจะมีคุณสมบัติปัจจุบันในทางที่สามารถระบุว่าเกิดเอกภาพทั้งหมดของมันและให้มันเนื้อบางภาษา " ( หน้า 2 )